ซูเมิ่งเยียนดื่มเหล้าได้ไม่เก่งเท่าไรนัก โดยเฉพาะตอนที่ดื่มสามแก้วติดต่อกันในระยะเวลาสั้น ๆ เมื่อครู่ มันทำให้เริ่มเวียนหัว และพวงแก้มทั้งสองก็ร้อนผ่าวขึ้นมา
หากเมื่อครู่ไม่ได้ดึงชายเสื้อของมู่เสี่ยว และไม่เรียกเขาว่า "สามี" จนทำให้ตนเองตกใจแล้วละก็ นางกลัวว่าจะดื่มมากเกินไปหน่อยจนรับไม่ไหว
มู่เสี่ยวที่อยู่ด้านข้างวางแก้วลงบนโต๊ะด้วยความแรง ถึงคนรอบข้างจะได้ยินไม่ชัดเจน แต่ซูเมิ่งเยียนกลับได้ยินมันอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง
จากเดิมที่ก้มศีรษะอยู่ก็เงยหน้าขึ้นแล้วจ้องมองไปทางเขา กลับมองเห็นว่าเขากำลังเม้มปากแน่น ราวกับกำลังโกรธใครสักคนอยู่อย่างไรอย่างนั้น
หลังจากนั้นก็มองไปตามสายตาของเขา ก็ไปเห็นเข้ากับเฉียวฉู่
นางขมวดคิ้วเล็กน้อย ชาติที่แล้ว ท่านพี่เฉียวได้เป็นจ้อหงวนและได้รับตำแหน่งรองเสนาบดีกรมอาญา และหลังจากนั้นจึงได้มีส่วนร่วมกับมู่เสี่ยว ในเวลาต่อมาก็ไม่รู้ว่าไปทำให้มู่เสี่ยวด้วยรำคาญใจด้วยเหตุใด จึงถูกมู่เสี่ยวลดตำแหน่งแล้วส่งไปเป็นฝ่ายตรวจการอยู่ที่เจียงหนาน และจากนั้นทั้งสองก็ไม่ได้พบกันอีกเลย
แต่ในชาตินี้ ทั้งสองคนมีอะไรไม่ถูกคอกันเร็วเช่นนี้เลยอย่างนั้นหรือ?
"เป็นห่วงเขาขนาดนี้หรือ?" น้ำเสียงที่ไม่หนักและไม่เบาจนเกินไปดังขึ้นมาที่ข้างหูของนาง
สติของซูเมิ่งเยียนกลับคืนมาในทันที นางหันกลับไปมองชายที่อยู่ข้างกาย สายตาของเขายังคงนิ่งสงบเหมือนเช่นเคย ราวกับว่าคำที่เพิ่งกล่าวไปเมื่อครู่นั้นไม่ได้พูดออกมาจากปากของเขาอย่างไรอย่างนั้น
แต่ทว่านางกลับฟังสิ่งเหล่านี้ได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง
นางรู้ว่าคำว่า "เขา" ในคำพูดของเขานั้น ก็คือเฉียวฉู่
นางรู้สึกได้เพียงแค่การถากถางเท่านั้น แท้จริงแล้ว เข้าไม่เคยเข้าใจนางอย่างแท้จริงมาก่อนเลย
"ท่านอ๋องคิดมากเกินไปแล้ว" นางกล่าวแล้วหลบสายตาลง และหลังจากนั้นก็ลุกขึ้นยืน แล้วมองไปทางซูเจียงไห่พลางกล่าวว่า "ท่านพ่อ เมื่อครู่ดูเหมือนว่าข้าจะดื่มเร็วเกินไปหน่อย เลยรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย ข้าขอออกไปสูดอากาศข้างนอกก่อน"
ซูเจียงไห่จะไม่เข้าใจลูกสาวของตนเองได้อย่างไร? เมื่อได้เห็นท่าทางเมาสะลึมสะลืออย่างไร้เดียงสาก็รู้ว่านางเมาแล้ว เขาก็โบกมือให้สาวรับใช้ติดตามออกไปกับนางด้วย
ซูอวี๋เหนียนที่อยู่ด้านข้างหรี่ตาลงเล็กน้อย แววตาของเขาค่อย ๆ จ้องมองไปที่มู่เสี่ยว หลังจากที่ผ่านไปนานเขาก็ลุกขึ้นเช่นเดียวกัน แล้วปลีกตัวออกไปอย่างเงียบเฉียบ
ในศาลาริมทาง ซูเมิ่งเยียนกำลังนั่งรับลมอยู่บนม้านั่งหิน ลมเย็นพัดโชยมา ทำให้ความคิดของนางชัดเจนขึ้นมาบ้างเล็กน้อย
นางไม่อาจที่จะเย่อหยิ่งเช่นนี้ได้อีกแล้ว ซูเมิ่งเยียนคิดว่า หลังจากนี้ จะต้องมีสติให้มากกว่านี้หน่อย เรื่องในวันนี้ ไม่อาจที่จะปล่อยให้มันเกิดขึ้นอีกได้
นางไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดมู่เสี่ยวจึงช่วยนางดื่มเหล้าแทน แต่ทว่านางกลับหวาดกลัวอยู่เสมอ ชาติที่แล้วก็เป็นเช่นนี้ ทุก ๆ ครั้งที่นางคิดอยากจะยอมแพ้ เขาก็จะมีการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อฉุดรั้งให้นางตกลงไปในห้วงแห่งความรักที่ไม่สมหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนไม่สามารถที่จะดิ้นรนได้
ในชาตินี้...นางไม่อาจเป็นเช่นนั้นได้อีกแล้ว...
"น้องกำลังคิดอะไรอยู่อย่างนั้นหรือ?" มีเสียงที่เต็มไปด้วยความหยอกล้อของคนหนึ่งดังขึ้นมา
ซูเมิ่งเยียนหันหน้ากลับมา ก็เห็นซูอวี๋เหนียนที่สวมชุดสีแดงเข้มยืนพิงเสาไม้ตรงราวบันไดแล้วจ้องมองมาที่นางอยู่
"พี่ใหญ่หรือ?" ซูเมิ่งเยียนงงงัน
ซูอวี๋เหนียนโบกมือเล็กน้อย สาวใช้ที่รอปรนนิบัติอยู่รอบบริเวณก็ลุกขึ้นจากไปอย่างรู้จักกาลเทศะในทันที
"พี่ใหญ่...มีเรื่องอะไรหรือ?" ซูเมิ่งเยียนลังเล แล้วหันไปเหลือบมองเขาที่อยู่ข้างหลัง หรือว่างานเลี้ยงจบไปแล้ว?
"วางใจเถอะ มีเพียงแค่ข้าคนเดียวเท่านั้น" ซูอวี๋เหนียนหรี่ตาลง "เจ้าและมู่เสี่ยวเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?" เขาถามขึ้นมาอย่างตรงไปตรงมา
ซูเมิ่งเยียนสับสน "อะไรคือเกิดเรื่องอะไรขึ้น?"
"อยู่ต่อหน้าข้ายังแสร้งทำเป็นไม่รู้อีกหรือ?" ซูอวี๋เหนียนขมวดคิ้ว "คนอื่นไม่รู้ แล้วคิดว่าพี่ใหญ่อย่างข้าจะไม่รู้ด้วยเช่นนั้นหรือ? ข้าได้ยินข่าวมาหลายวันแล้ว ข้างกายมู่เสี่ยวมีหญิงอีกคนหนึ่งอยู่ด้วยตลอด?"
“ฮั้วเหมยหรือ?”
ซูเมิ่งเยียนประหลาดใจ นางไม่คิดมาก่อนเลยว่า แม้แต่พี่ใหญ่ก็รู้ถึงการมีอยู่ของฮั้วเหมย ดูท่าแล้ว...มู่เสี่ยวคงจะไม่หลีกเลี่ยงความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนนั้นจริง ๆ แล้ว
คิ้วขมวดเล็กน้อย ก้นบึ้งของหัวใจหนักอึ้งอย่างอธิบายไม่ได้ ดูท่าแล้ว...การที่นางยับยั้งอารมณ์ตนเองไว้ เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
"ใช่ชื่อฮั้วเหมยหรือไม่?" ซูอวี๋เหนียนพยักหน้า "เขาและผู้หญิงคนนั้นมีความสัมพันธ์อย่างไรกันแน่?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อ๋องเฟยเกิดใหม่ ท่านอ๋อง ขอหย่ากัน
อัพต่อหน่อยจ้าา...
อัพต่อด้วยค่ะ อยากอ่านต่อ...
อัพอีกหน่อยค่า อยากอ่านต่อ...
4/4/2567 ใครช่วยตอบที ไม่อัพตอนเพิ่มแล้วใช่ไหมค่ะ.... อยากอ่านต่ออะ 😢😢😢...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ หายไปเลย รออยู่นะคะ...
ไม่อัพแล้วหรอครับ...