พอถึงช่วงเวลาพลบค่ำ ทั้งสองคนจึงเตรียมเดินทางกลับแล้ว
แต่ทว่าซูเจียงไห่ยังคงเมาอยู่ จึงไม่ได้ไปรบกวนเขา มีเพียงแค่ซูอวี๋เหนียนที่ออกมาส่งเท่านั้น
สิ่งที่ควรพูดก็ได้พูดไปหมดแล้ว เพียงแต่ว่าก่อนที่จะออกเดินทาง ในตอนที่ซูเมิ่งเยียนกำลังจะขึ้นรถม้าไป ซูอวี๋เหนียนก็ดึงนางเอาไว้ แล้วเขาก็กล่าวว่า "อย่าให้ตนเองต้องน้อยใจ"
เมื่อฟังแล้วก็เป็นเพียงแค่คำกำชับง่าย ๆ ประโยคหนึ่ง แต่ทว่าซูเมิ่งเยียนกลับเข้าใจความหมายในคำพูดของเขา นางพยักหน้าเล็กน้อย ถือเป็นการบอกว่าเข้าใจแล้ว
ภายในรถม้ามีแต่ความเงียบงัน
ซูเมิ่งเยียนไม่ได้พูดอะไรอีกเลย มือหนึ่งยันด้านข้างของมุมโต๊ะเอาไว้ ส่วนอีกมือหนึ่งก็คลึงอยู่ที่ระหว่างคิ้วของตนเอง จากนี้ไปไม่ควรที่จะดื่มเหล้าเร็วเช่นนี้อีกแล้ว มันทำให้นางปวดหัวมากจริง ๆ
มู่เสี่ยวหันไปมองทางผู้หญิงคนนั้นอยู่หลายครั้งหลายครา เขานั้นกลับเต็มไปด้วยคำพูดมากมายแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไร และได้แต่ข่มเอาไว้ภายในใจเท่านั้น จนสุดท้ายแล้วก็โกรธมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะตอนที่เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่แยแสของนาง ยิ่งทำให้เดือดดาลมากขึ้นไปอีก
"ท่านอ๋อง ถึงแล้วขอรับ" ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไรแล้ว และซวนหยวนที่อยู่ด้านนอกของรถม้าก็รายงานขึ้น
มู่เสี่ยวไม่แม้แต่จะอยู่ต่อเลยสักครู่ และเขาก็ได้ลุกขึ้นแล้วจากไป
ซูเมิ่งเยียนจ้องมองไปที่แผ่นหลังของเขาอย่างประหลาดใจ ช่างน่าแปลกประหลาดเสียจริง
สุดท้ายแล้วชิวซวงก็เป็นคนที่ใกล้ชิดที่สุด
เมื่อเห็นนางกลับมาด้วยแก้มที่แดงระเรื่อ ก็ได้รีบสั่งให้คนไปเอาชาแก้สร่างเมามาให้ อีกทั้งยังเอาผ้าเย็นมาช่วยเช็ดเครื่องแป้งออกจากใบหน้าของนางด้วย จนถึงตอนขึ้นไปนอนบนเตียง ในที่สุดซูเมิ่งเยียนก็สบายเสียที
คืนนี้ผ่านไปอย่างเงียบสงบโดยไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
...
เนื่องจากอาการเมาค้าง ทำให้ซูเมิ่งเยียนหลับลึกมาก แต่ทว่ากลับถูกเสียงหนึ่งปลุกให้ตื่นขึ้น
นางขมวดคิ้วเล็กน้อย และจากนั้นก็นวดบริเวณระหว่างคิ้วของตนเอง เมื่อครู่นี้นางได้ยินเสียงของชิวซวงอยู่ด้านนอก "หวางเฟยกำลังพักผ่อนอยู่ แม่นางโปรดกลับไปเถิด"
นางลืมตาขึ้นมาในทันที ผ้าม่านที่อยู่เหนือศีรษะของนางที่ปลิวไสวตามแรงลม กลับทำให้ความง่วงงุนจางหายไปบ้างเล็กน้อย "ชิวซวงหรือ?" นางร้องเรียกด้วยเสียงทุ้มต่ำ
เสียงของชิวซวงที่อยู่ด้านนอกหยุดลงอย่างกะทันหัน หลังจากนั้นครู่หนึ่งนางก็ได้เดินเข้ามาในห้องนอนแล้ว "คุณหนู ท่านตื่นแล้วหรือเจ้าค่ะ?"
"อืม" ซูเมิ่งเยียนยังคงนวกคลึงตรงระหว่างคิ้วอยู่ และเสียงยังคงมีร่องรอยของความแหบพร่าอยู่ไม่น้อย "คนข้างนอกเป็นผู้ใดกัน?"
ไม่กล่าวถึงยังจะดีเสียกว่า เนื่องจากทันทีทีกล่าวถึงใบหน้าของชิวซวงก็โกรธจัดขึ้นมา "คุณหนู ข้างนอกนั่นคือ...คือแม่นางฮั้วเหมยที่อยู่ในเรือนหน้าผู้นั้น นางกล่าวว่า ต้องการที่จะมาคารวะคุณหนู"
ฮั้วเหมยหรือ? คารวะข้า?
มือของซูเมิ่งเยียนหยุดลงชั่วขณะหนึ่ง ที่มันละครอะไรอีกเช่นนั้นหรือ?
"...แม่นางผู้นั้นคิดว่าตนเองเป็นใครกัน? เป็นเพียงแค่ผู้หญิงที่ท่านอ๋องนำกลับมาด้วยเท่านั้น ไม่ได้มีสถานะอะไรแม้แต่น้อย นางมีสิทธิ์อะไรถึงได้มาคารวะคุณหนู? คุณหนูเป็นถึงคนจากตระกูลซู เป็นหวางเฟยที่แต่งงานอย่างเปิดเผยกับท่านอ๋อง..." ชิวซวงยากที่จะสงบลงได้
แท้จริงแล้ว ซูเมิ่งเยียนกำลังครุ่นคิดอยู่เงียบ ๆ ฮั้วเหมยเป็นเพียงคนที่เคยนางระบำคนหนึ่งเท่านั้น ไม่มีตัวตนและไม่มีสิทธิ์ที่จะมาให้การคารวะแก่นาง หากพูดถึงการคารวะ ไม่สู้บอกว่ามายั่วยุนางยังดีเสียกว่าอีก
"ชิวซวง ข้าอยากจะล้างหน้าเสียหน่อย" ซูเมิ่งเยียนกล่าวอย่างแผ่วเบา
นางไม่ชอบละครที่เหล่าภรรยาจะต้องมาต่อสู้กับนางบำเรอ ยิ่งไปกว่านั้นฮั้วเหมยในตอนนี้ยังไม่ได้เป็นแม้แต่นางบำเรอเลยด้วยซ้ำ แต่นางไม่สู้ ไม่ได้หมายความว่านางจะสู้ไม่เป็น
ถูกคนอื่นมาเล่นหัวขนาดนี้ นางจะไปทนได้ง่าย ๆ ได้เช่นไร?
ชีวิตที่แล้วนางมุ่งความสนใจไปที่มู่เสี่ยวเท่านั้น และนางไม่อาจทนต่อเสิ่นเนี่ยนหย้วนได้เลยแม้แต่น้อย แต่ชีวิตนี้ นางจะไม่หมกมุ่นเช่นนั้นอีกแล้ว
หลังจากที่อาบน้ำล้างตัวเสร็จแล้ว นางก็เปลี่ยนเป็นชุดสีอ่อน ผมละเอียดราวแพรไหมถูกม้วนขึ้น และใช้เพียงไข่มุกหยกปักไว้เพียงอันเดียว จึงทำให้ดูสง่างามเป็นอย่างมาก และหลังจากนั้นก็เดินออกไปจากประตูช้า ๆ
เพียงแค่เหลือบมอง ก็เห็นฮั้วเหมยรออยู่ภายในห้องโถง นางสวมชุดกระโปรงผ้าโปร่งสีแดง แต่งหน้าทาปากละเอียดมาก ส่วนคิ้วของนางก็ตกเล็กน้อย และริมฝีปากสีชาดเล็กน้อย เมื่อได้ยินการเคลื่อนไหวที่เงียบเฉียบ นางจึงได้เงยหน้าขึ้นอย่างช้า ๆ ดวงตางดงามดุจน้ำพุใสทั้งสองช่างสวยงามจริง ๆ ช่างละเอียดอ่อนและน่าดึงดูดใจเป็นอย่างมาก
เมื่อเห็นนาง ฮั้วเหมยก็คุกเข่าลงอย่างสง่างาม "ฮั้วเหมยมาคารวะท่านพี่หญิงหวางเฟย"
หวางเฟย...ท่านพี่หญิง?
ซูเมิ่งเยียนขมวดคิ้ว "ท่านพ่อของข้ามีเพียงลูกชายหนึ่งลูกสาวหนึ่ง ไม่เคยได้ยินว่าข้ายังพี่สาวมาก่อนเลย" ขณะที่พูด นางก็หันไปมองชิวซวง "ชิวซวง ความทรงจำของข้าไม่ค่อยดี เจ้าจำได้หรือไม่ว่าที่ตระกูลซูมีคุณหนูกี่คนกัน?"
ชิวซวงไม่ได้โง่แน่นอนอยู่แล้ว ทันทีที่ได้ยินซูเมิ่งเยียนกล่าวเช่นนี้ ก็รีบตอบกลับไปในทันที "คุณหนูใหญ่ของตระกูลซูก็คือหวางเฟยอย่างไรเล่าเจ้าค่ะ!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อ๋องเฟยเกิดใหม่ ท่านอ๋อง ขอหย่ากัน
อัพต่อหน่อยจ้าา...
อัพต่อด้วยค่ะ อยากอ่านต่อ...
อัพอีกหน่อยค่า อยากอ่านต่อ...
4/4/2567 ใครช่วยตอบที ไม่อัพตอนเพิ่มแล้วใช่ไหมค่ะ.... อยากอ่านต่ออะ 😢😢😢...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ หายไปเลย รออยู่นะคะ...
ไม่อัพแล้วหรอครับ...