เวลาผ่านไปจนพระอาทิตย์ตกดิน และกลายเป็นยามราตรีที่มืดมิด
ซูเมิ่งเยียนจ้องมองหญิงสาวที่อยู่ในกระจกอย่างเงียบงัน นางไม่ได้แต่งหน้าจัดจนเกินไปนัก แต่ทว่าริมฝีปากของนางมีสีแดงขึ้นมาเล็กน้อย และมันทำให้นางดูมีชีวิตชีวาขึ้นมากทีเดียว นางสวมชุดกระโปรงสีม่วง และแผ่พลังอำนาจออกมาไม่น้อยเลยทีเดียว
นางหรี่ตาลง แล้วถอนหายใจอย่างแผ่วเบา ด้วยจิตใจของชีวิตทั้งสองครั้ง การที่ต้องแสร้งทำเป็นแม่นางที่ชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่ มันช่างเป็นเรื่องที่ยากจริง ๆ
เพียงแต่…
"ชิวซวง ไปกันเถอะ" นางลุกขึ้นยืน ด้วยภายในก้นบึ้งของหัวใจกลับมีความรู้สึกกระตือรือร้นที่อยากจะลอง
ชิวซวงเดินตามหลังซูเมิ่งเยียนไปด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม สำหรับนาง ในที่สุดคุณหนูก็รู้จักวางมาดในตำแหน่งหวางเฟยเสียที และการที่ฮั้วเหมยมาคารวะในวันนี้ได้ มันยากที่จะรับประกันได้ว่าอีกไม่กี่วันนางอาจจะเข้าจวนมาอย่างกะทันหันแล้วก็ได้
"หวางเฟย?" เมื่อหันไปที่โถงด้านหน้า ตรงประตูห้องหนังสือ มีซวนหยวนกำลังเฝ้าอยู่ตรงนั้น และเมื่อเห็นซูเมิ่งเยียน ซวนหยวนก็ไม่อาจซ่อนความประหลาดใจของเขาไว้ได้
นี่เป็นครั้งแรกที่หวางเฟยมาถึงห้องหนังสือ
"ชู่ว์——" ซูเมิ่งเยียนทำท่าทางว่าให้เขา "เงียบเสียง" จากนั้นก็หันไปมองภายในห้องหนังสือ เห็นเพียงแสงสว่างของเปลวไฟสีเหลืองจาง ๆ ที่สะท้อนอยู่บนหน้าต่างเท่านั้น มองดูแล้วช่างอบอุ่นและหวานชื่นใจเป็นที่สุด
นางหรี่ตาของตัวเองลง
"หวางเฟย ท่านอ๋องกำลังอ่านหนังสือ เกรงว่าตอนนี้จะไม่ค่อยสะดวก..."
"กำลังอ่านหนังสือ หรือกพลังอยู่กับหญิงงามกันแน่?" ซูเมิ่งเยียนกระซิบถามอย่างเป็นกันเอง
"..." ซวนหยวนปาดเหงื่อเย็นจากหน้าผาก แน่นอนว่าแม่นางฮั้วเหมยอยู่ข้างในจริง ๆ ถึงแม้ว่าพวกเขาทั้งหมดจะไม่เข้าใจว่าเหตุใดสองสามวันนี้ทำไมท่านอ๋องถึงได้ให้ฮั้วเหมยไปอยู่เป็นเพื่อนอย่างกะทันหัน แต่ทว่าในตอนนี้แม้แต่หวางเฟยก็มาแล้ว และความลำบากใจทั้งหมดก็มักจะตกอยู่ที่ลูกน้องเสมอ
"เจ้าไปรออยู่ด้านข้างนั้นเถอะ" ซูเมิ่งเยียนมองไปที่มุมหนึ่งที่อยู่ด้านข้าง "หากมีเรื่องอะไรแล้วละก็ ยกให้ข้าก็แล้วกัน"
หลังจากที่กล่าวจบ ก็พุ่งตรงเข้าไปในห้องหนังสือทันที และชิวซวงก็รีบตามไปด้วย
"ชิวซวง เจ้าอยู่รอเฝ้าด้วยกันกับซวนหยวนเถอะ" แล้วซูเมิ่งเยียนหันหน้ากลับไป
ชิวซวง "..."
แต่ตอนที่ซูเมิ่งเยียนเดินมาจนถึงหน้าประตูห้องหนังสือ กลับครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ผลักประตูเข้าไปอย่างแผ่วเบา
ทั้งสองที่อยู่หลังโต๊ะหนังสือคงคิดว่าคนรับใช้มาส่งชาตามปกติ จึงไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา
ซูเมิ่งเยียนเดินเข้าไปภายในห้องหนังสือ และปิดประตูอย่างไร้เสียง จากนั้นก็ก้าวไปข้างหน้า แต่ก็ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นร่างเงาของคนคู่หนึ่งอยู่หลังโต๊ะ แล้วก็ไม่ได้ก้าวไปข้างหน้าอีก
ต่อมา นางก็ยืนพิงอยู่ตรงหน้าประตูอย่างแผ่วเบา และมองดูเงาร่างทั้งสองที่อยู่ภายในเปลวไฟ
ที่ข้างโต๊ะ มีเทียนสองเล่มกำลังสว่างไสว และมันก็สว่างมากกว่าตรงหน้าประตูมาก แล้วก็ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้นางมองเห็นการเคลื่อนไหวของทั้งสองคนนั้นได้อย่างชัดเจน
หญิงสาวยังคงสวมชุดกระโปรงโปร่งสีแดงของเมื่อตอนกลางวัน แต่สีหน้ากลับดูแล้วงามเพริศแพร้วยิ่งกว่าตอนกลางวันเสียอีก นางยืนอยู่ข้างโต๊ะหนังสือ ผู้ชายอยู่ด้านหลัง หญิงงามท่าทางอ่อนโยนและนุ่มนวลดุจสายน้ำคนหนึ่ง กำลังใช้มือหนึ่งฝนหมึกดำอย่างแผ่วเบา
ส่วนมู่เสี่ยว...
เมื่อซูเมิ่งเยียนหรี่ตาดู ก็เห็นเขาสวมชุดสีขาว นั่งอยู่หน้าโต๊ะหนังสือ วงคิ้วและดวงตาชัดเจน ส่วนในมือก็ถือหนังสือโบราณไว้เล่มหนึ่ง เขาลดสายตาลงเพื่อมองอย่างละเอียดถี่ถ้วน ดวงตาหงส์คู่นั้นเงียบสงบอย่างหาได้ยาก รูปร่างที่สูงสง่ามีร่องรอยของความสุขุมอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
คนหนึ่งหน้าตากำลังใจจดใจจ่อ อยู่กับงานบนโต๊ะ ส่วนอีกคนที่งดงามอ่อนโยน ช่วยบริการทุกอย่าง
นางพูดไม่ออกว่าที่จริงแล้วภายในใจรู้สึกเช่นไร ซูเมิ่งเยียนรู้สึกเพียงแค่ความเงียบงันในหัวใจ ไม่มีความหวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย
ทันใดนั้นนางก็คิดถึงเมื่อชีวิตที่แล้ว เพื่อที่จะสามารถอยู่เคียงข้างเขา เพื่อที่จะสามารถอยู่เป็นเพื่อนเขาในห้องหนังสือได้ นางใช้ความพยายามไปอย่างมากมาย และใช้เวลาเอาอกเอาใจเป็นเวลานาน
จนในที่สุดเขาก็ยินยอม และนางก็ดีใจและมีความสุขจนใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม
แต่ทว่า...นางคิดที่อยากจะเป็น "สาวงามที่อยู่เคียงข้างคอยบริการ" อย่างคู่รักสมรสที่ลึกซึ้ง แต่เขากลับไม่ต้องการ
นางต้องการที่จะฝนหมึกแทนเขา แต่เขาก็หันมามองนางด้วยคิ้วขมวดมุ่น แล้วเขาก็กล่าวว่า "ซูเมิ่งเยียน เจ้าไปให้ไกลจากข้าหน่อยได้หรือไม่?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อ๋องเฟยเกิดใหม่ ท่านอ๋อง ขอหย่ากัน
อัพต่อหน่อยจ้าา...
อัพต่อด้วยค่ะ อยากอ่านต่อ...
อัพอีกหน่อยค่า อยากอ่านต่อ...
4/4/2567 ใครช่วยตอบที ไม่อัพตอนเพิ่มแล้วใช่ไหมค่ะ.... อยากอ่านต่ออะ 😢😢😢...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ หายไปเลย รออยู่นะคะ...
ไม่อัพแล้วหรอครับ...