อ๋องเฟยเกิดใหม่ ท่านอ๋อง ขอหย่ากัน นิยาย บท 51

ทันทีที่พูดคำนี้จบ สีหน้าของฮั้วเหมยซีดเผือด และไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก

คิ้วของมู่เสี่ยวขมวดมุ่น แล้วจ้องมองไปที่นาง

มีเพียงแค่ซูเมิ่งเยียนเท่านั้นที่จะพูดแบบนี้ออกมาได้อย่างเปิดเผย เอาสถานะของตนเองกดขี่คนอื่น นางทำเรื่องเช่นนี้เก่งเสมอ

ทั้งห้องหนังสือ เต็มไปด้วยความเงียบงัน

ซูเมิ่งเยียนกลอกตามองไปที่มู่เสี่ยวอย่างช้า ๆ "ท่านอ๋อง ข้าไม่อยากที่จะแบกชื่อเสียงว่าเป็นหญิงที่ขี้หึงจริง ๆ" นางค่อย ๆ พูดคำนี้ออกมาช้า ๆ ทำราวกับว่านางกำลังได้รับความน้อยใจอย่างไรอย่างนั้น

"เช่นนั้น แม่นางฮั้วเหมย หวางเฟยต้องการที่จะไล่ออกไปอย่างนั้นหรือ?" มู่เสี่ยวลุกยืนขึ้น แล้วมองกลับมาที่นาง

ซูเมิ่งเยียนพยักหน้าเล็กน้อย "ใช่"

"ไม่มีเหตุผลให้หลบหลีกได้เลยหรือ?"

ซูเมิ่งเยียนส่ายศีรษะ "ไม่มี"

"..."

"เป็นอย่างไร ท่านอ๋อง?" เมื่อซูเมิ่งเยียนเห็นเขาไม่พูดอะไรออกมา จึงกล่าวต่อไปว่า "ท่านอ๋องจะลงมือหรือว่าจะให้ข้าเป็นคนลงมือเอง? เพียงแต่ หากข้าต้องลงมือเองแล้วละก็ เกรงว่าคงต้องไปรบกวนท่านพ่อแล้วจริง ๆ หากท่านพ่อรู้ว่าข้าอยู่ในจวนอ๋องแล้วต้องได้รับความน้อยเนื้อต่ำใจเช่นนี้..."

คำพูดที่พึ่งพูดไปนี้มีความจริงปะปนกับความเท็จ

มู่เสี่ยวจ้องมองไปที่นาง จากนั้นเป็นเวลานานก็หันกลับมามองที่หนานเหมย "แม่นางฮั้วเหมย..." น้ำเสียงเขาราวกับว่าเป็นความผูกพันที่มีความรักและความจริงใจอยู่ในนั้นด้วย

"ท่านอ๋องท่านไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ฮั้วเหมยเข้าใจทั้งหมดแล้วเจ้าคะ" หนานเหมยขัดจังหวะเขา นางโค้งคำนับเล็กน้อย ด้วยน้ำตาที่คลอเบ้า "ฮั้วเหมยทำให้ท่านอ๋องต้องลำบากใจแล้ว"

มู่เสี่ยวไม่ขยับเขยื้อน "หากมีโอกาส..." พูดเพียงแค่ไม่กี่คำนี้ จากนั้นจึงหยุดชะงักไปชั่วคราว แล้วทำเหมือนยังอารมณ์ที่ค้างคาอยู่

น้ำตาของฮั้วเหมยกลับไหลรินลงมาอย่างรุนแรงยิ่งขึ้น "แม่นางซู...มีสถานะที่น่าเคารพนับถือ ฮั้วเหมยรู้ตัวดีว่าไม่อาจเทียบเคียงได้...ท่านอ๋องมีใจเช่นนี้ ฮั้วเหมยก็พึงพอใจมากแล้ว และ...ไม่มีข้อโต้แย้งอีกแล้ว..."

คำพูดนี้เป็นสิ่งที่ทำให้คนประทับใจเป็นอย่างมาก  ซูเมิ่งเยียนจ้องมองไปอย่างไม่สะทกสะท้าน และได้แต่เยาะเย้ยอยู่ภายในใจ

“ซวนหยวน” ทันใดนั้นมู่เสี่ยวก็เปิดปากขึ้นจากนั้นก็ร้องตะโกนเสียงดัง

ร่างของซวนหยวนก็ปรากฏขึ้นที่ประตูทันที

"คุ้มครองแม่นางฮั้วเหมยออกไปจากจวน และต้องจัดการให้นางอย่างเรียบร้อย" มู่เสี่ยวออกคำสั่ง ราวกับว่ามีความวิตกกังวลปะปนอยู่ในนั้นจริง ๆ

หยาดน้ำตาบนใบหน้าของฮั้วเหมยยังคงไม่หยุดไหล นางมองไปยังมู่เสี่ยวอยู่หลายครั้งหลายครา และยังคงรอให้เขากล่าวคำอำลา แต่ทว่ามู่เสี่ยวกลับหันหลังให้ประตูอยู่ตลอด จึงทำให้เหลือเพียงแผ่นหลังของเขาเท่านั้น

ซูเมิ่งเยียนเหลือบมองไปที่มู่เสี่ยว "องครักษ์ซวนหยวน ยังรออะไรอยู่อีก? ยังไม่รีบขับไล่นางออกไปอีก!" นางกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดัน

ถึงแม้ว่าซวนหยวนจะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่เมื่อเห็นว่าท่านอ๋องและหวางเฟยกล่าวเช่นนี้ จึงไม่กล้าที่จะพูดมากไปกว่านี้อยู่แล้ว จากนั้นจึงได้ดึงฮั้วเหมยเดินออกไปจากประตู

"ซวนหยวน" มู่เสี่ยวที่หันหลังให้ประตูกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ และเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความสง่างาม

ซวนหยวนหยุดฝีเท้าลงทันทีและหันกลับมามอง

"จะต้องดูแลแม่นางฮั้วเหมยให้ดี หากมีอะไรผิดพลาด..."ในตอนที่มู่เสี่ยวกล่าวประโยคนี้ ไม่อาจซ่อนความกังวลไว้ในน้ำเสียงได้ เพียงแต่เขาที่หันหลังให้ประตูอยู่เสมอ ได้ยกมือซ้ายขึ้นมาเล็กน้อย และค่อย ๆ วาดเส้นตรงออกมาด้วยนิ้วชี้ของเขา

ดวงตาของซวนหยวนยากที่จะซ่อนความประหลาดใจเอาไว้ได้ แต่ก็กลับมาสงบขึ้นในทันที "แม่นางฮั้วเหมย เชิญทางนี้ขอรับ"

ด้วยการเคลื่อนไหวที่ละเอียดอ่อนเล็กน้อยนั้น ไม่สามารถดึงดูดความสนใจมาเป็นพิเศษได้

แต่ทว่าซูเมิ่งเยียนกลับสังเกตเห็น นางคาดเดามาได้ตั้งนานแล้วว่าเขาไม่อาจสงบและอ่อนโยนเช่นนี้ได้ การเคลื่อนไหวนั้น เอาง่าย ๆ เลยก็คือ สามารถทำให้ผู้คนหวาดกลัวได้ เนื่องจากเห็นได้ชัดว่า...มีความหมายคือ"หากมีอะไรผิดพลาด ก็ฆ่าทิ้งได้เลย"

ทั้งชาติก่อนและชาตินี้ เขาไม่ค่อยเป็นคนหลงไหลคนสวยนัก

อ่อนโยนอะไรกัน มันก็เป็นเพียงแค่การแสดงละครเท่านั้นเอง

และเขาก็รู้ถึงตัวตยของฮั้วเหมยมานานแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อ๋องเฟยเกิดใหม่ ท่านอ๋อง ขอหย่ากัน