ดึงดูด...ความสนใจจากเขาหรือ?
ซูเมิ่งเยียนไม่เคยเจอผู้ใดที่หน้าด้านหน้าทนเช่นนี้มาก่อนเลย
นางหันศีรษะ แล้วมองไปที่บริเวณโดยรอบ จากสาเหตุที่นางผลักชิวซวงไปเมื่อครู่นี้ ทำให้ชิวซวงล้มลงไปบนแผงลอยด้านข้าง ต้นหอมที่เขียวเป็นมันขลับบนแผงลอยกระจัดกระจายไปทั่วทั้งพื้นดิน
นางหยุดชะงักไปขณะหนึ่ง
"ชิวซวง" และหลังจากนั้น ก็ยื่นมือออกมา
"..." ผู้คนโดยรอบไม่ขยับเขยื้อน และไม่ส่งเสียงเลยแม้แต่น้อย
"ชิวซวง?" ซูเมิ่งเยียนหันหน้ามองไปที่นาง แต่สิ่งที่เห็นคือ...ชิวซวงจ้องมองไปที่ฟู้เซียนด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความตกตะลึง และสายตานั้นก็ไม่สั่นไหวเลยแม้แต่น้อย
ซูเมิ่งเยียน "..."
ในทางกลับกันฟู้เซียนที่เห็นฉากนี้ ก็ยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจแบบไม่แปลกใจเลย แล้วเขาก็หันหน้าไปมองซูเมิ่งเยียนเพื่อเป็นการประท้วง "ตอนนี้ข้าเริ่มที่จะสงสัยแล้วว่า ที่หญิงอัปลักษณ์อย่างเจ้ามาชนข้าในวันนี้ เกรงว่าจะคาดการณ์เอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ใช่หรือไม่? หลงรักข้าถึงเพียงนี้เลยหรือ?"
ซูเมิ่งเยียน "..." นางไม่รู้ว่าควรที่จะต้องตอบอย่างไรมาตั้งแต่แรกแล้ว
นางเพียงแค่หันศีรษะไป แล้วตรงเข้าไปดึงถุงเงินออกมาจากตรงเอวของชิวซวง จากนั้นก็หยิบตั๋วเงินจำนวนสิบตำลึงส่งให้กับพ่อค้า "ท่านลุง ต้องขอโทษด้วย ข้าทำต้นหอมของท่านเละไปหมดแล้ว นี่ถือว่าข้าให้ท่านเป็นค่าชดเชย"
เมื่อชายชราคนนั้นเห็นตั๋วเงินจำนวนสิบตำลึง ทั้งแผงนี้มันไม่คุ้มค่ากับเงินตั้งสิบตำลึงนั้นเลยนะ "แม่นาง เงินนี้...มันมากเกินไปแล้ว ข้าไม่มีเงินย่อยมาให้ท่าน..."
"ส่วนที่เหลือ ถือว่าเป็นค่าลงโทษที่ข้าเปลืองของก็แล้วกัน" ซูเมิ่งเยียนยัดเงินสิบตำลึงให้กับพ่อค้าคนนั้น
ชายชราไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของซูเมิ่งเยียน ได้เพียงแต่ต้องมองนางที่ก้มลงเก็บต้นหอมไปหนึ่งกำมือ แล้วหันหน้าเดินไปทางฟู้เซียนอย่างช้า ๆ
ฟู้เซียนเลิกคิ้วขึ้น แล้วจ้องมองไปที่หญิงสาวที่เดินมาถึงตรงหน้าตนเอง
"ที่คุณชายพูดเมื่อครู่นี้ คือการที่ข้ามาปรากฏตัวในวันนี้ เป็นแผนการที่คิดไว้ล่วงหน้าเพื่อที่จะดึงดูดความสนใจจากคุณชายอย่างท่านเช่นนั้นหรือ?" ซูเมิ่งเยียนถามกลับ
"เฮอะ" ฟู้เซียนส่งเสียงฮึดฮัดเบาๆ
"พรืด..." ซูเมิ่งเยียนเผย "ยิ้มอ่อน" และเม้มปากของนางด้วยท่าทางเขินอาย
ฟู้เซียนหรี่ตาของเขาเล็กน้อย แววตาของเขามีความระมัดระวังขึ้นมา และสัญชาตญาณของเขาบอกเขาว่า อาจจะมีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นก็ได้
และเป็นไปตามที่คาดไว้ ในวินาทีต่อมา ซูเมิ่งเยียนก็ยื่นมือออกมาแล้วโยนต้นหอมสีเขียวขลับที่อยู่ในมือกำหนึ่งมาทางเขา
ฟู้เซียนเหาะออกไปอย่างรวดเร็ว และไม่คาดคิดว่าในเวลาเดียวกันนั้นซูเมิ่งเยียนจะโยนต้นหอมที่อยู่อีกมือหนึ่งตรงมาทางเขาอีก
ในครั้งนี้ ฟู้เซียนไม่ขยับเขยื้อนอย่างมั่นใจ แล้วยืนอยู่กับที่ ต้นหอมที่ถูกทับจนเละอยู่บนเสื้อผ้าสีแดงเข้มของเขา และหลังจากนั้นก็ค่อย ๆ ตกลงมา แล้วก็ยังมีอีกต้นหนึ่ง ที่ห้อยอยู่บนไหล่ของเขา
บริเวณโดยรอบเงียบสงัด และทุกคนต่างก็จ้องมองไปที่ทั้งสอง
ซูเมิ่งเยียนเลิกคิ้วขึ้นอย่างภาคภูมิใจ
วิทชายุทธของมู่เสี่ยวนั้นสูงมาก แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขากวนประสาทนาง ในตอนนั้นนางรินชาอุ่น ๆ ส่งให้เขาสองแก้ว เมื่อรินแก้วแรกไม่โดนเป้าหมาย นางหงุดหงิดเป็นที่สุด แล้วหลังจากที่คำรามเสียงทุ้มต่ำออกมาว่า "อย่าขยับ" แล้วจึงรินแก้วที่สอง และครั้งนี้ก็ไม่เหลืออยู่บนตัวของเขาแม้แต่หยดเดียว
ในเวลานั้น...ดวงตาของซูเมิ่งเยียนตกอยู่ในภวังค์ครู่หนึ่ง และในเวลานั้น...เขาก็เพ่ิงได้กุมอำนาจ จึงอารมณ์ดีมาก
"..." มีความเย็นยะเยือกอยู่เบื้องหน้า
"คุณหนู!" ชายเสื้อของนางถูกคนดึง
สติของซูเมิ่งเยียนกลับคืนมา ก็เหลือบไปเห็นสายตาที่เย็นยะเยือกราวสายน้ำของฟู้เซียนที่อยู่ตรงหน้า ถึงจะดูสงบนิ่งที่ภายในใจก็กระสับกระส่ายอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็กลับมาสงบอย่างรวดเร็ว "บทเรียนนี้จะสอนเจ้าว่า เจ้ามันไม่มีค่าอะไรเลย" เมื่อพูดจบก็หยิบตั๋วเงินออกมาจากกระเป๋าใบหนึ่ง จากนั้นก็ส่งไปตรงหน้าฟู้เซียน "เงินนี้ คงจะเพียงพอกับค่าเสื้อผ้าที่อยู่บนตัวเจ้า!"
"..." ฟู้เซียนไม่รับ และยังคงจ้องมองไปที่นางอย่างครุ่นคิด แต่ภายในแววตากลับเย็นชา เขาไม่ค่อยได้เห็นหญิงสาวที่จ้องมองเขาแล้วยังใจลอยได้
"เจ้าคงจะไม่ได้ต้องการที่จะรีดไถข้าใช่หรือไม่?" ซูเมิ่งเยียนขมวดคิ้วมุ่น จากนั้นก็ยัดตั๋วเงินร้อยตำลึงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อของฟู้เซียน และหันกลับไปลากชิวซวงเดินไปตามถนน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อ๋องเฟยเกิดใหม่ ท่านอ๋อง ขอหย่ากัน
อัพต่อหน่อยจ้าา...
อัพต่อด้วยค่ะ อยากอ่านต่อ...
อัพอีกหน่อยค่า อยากอ่านต่อ...
4/4/2567 ใครช่วยตอบที ไม่อัพตอนเพิ่มแล้วใช่ไหมค่ะ.... อยากอ่านต่ออะ 😢😢😢...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ หายไปเลย รออยู่นะคะ...
ไม่อัพแล้วหรอครับ...