ซูเมิ่งเยียนถูกชิวซวงช่วยประคองเดินไปที่สวนเรือนหลัง เพียงแต่นาง นางได้ประเมินตนเองสูงเกินไปเสียแล้ว
ประตูทางเข้าของเรือนหลังมีธรณีประตูที่ไม่ได้สูงนัก และสามารถที่จะก้าวข้ามไปได้ด้วยเท้าเดียว แต่ทว่าด้วยร่างกายอ่อนแอหลังจากไม่ได้กินข้าวมาสองสามวันแล้ว จนแม้แต่แรงที่จะยกเท้ายังไม่มี ครั้นแล้วเมื่อถูกอะไรบางอย่างขวางไว้ จึงทำให้เบื้องหน้าของนางมืดลงไปทันที
"คุณหนู..." ชิวซวงที่ตกใจเป็นอย่างมาก ก็ร้องตะโกนออกมาเสียงดังสะนั่น
แต่ไม่ทันรอให้นางมีการตอบสนองกลับมา ก็มีร่างสีขาวแวบมาอยู่ตรงหน้านางทันที ร่างของซูเมิ่งเยียนถูกใครบางคนคว้าเอาไว้แน่น
ชิวซวงจ้องเขม็ง พลางส่งเสียงพึมพำว่า "ท่านอ๋อง..."
มู่เสี่ยวไม่แม้แต่จะมองนาง ทำเพียงแค่หลุบตาลงมองหญิงสาวในอ้อมกอดเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าสีหน้าของนางนั้นซีดเซียวจนแทบจะโปร่งแสงอยู่แล้ว ตอนที่เดินอยู่เมื่อครู่นี้ก็ดูจะล้มมิลมแหล่อยู่ตลอดทาง เห็นชัดว่าทรมานอยู่ตลอด แต่นางก็เลือกที่จะไม่แสดงอาการทรมานต่อหน้าเขาเลย
ก้นบึ้งหัวใจของนาง...ทำราวกับว่าเขาเป็นเพียงแค่คนนอกอย่างชัดเจน
เขา...มู่เสี่ยวจับมือของนางไว้ครู่หนึ่ง ความจริงแล้ว เขาก็เช่นกัน แล้วยังมีสิทธิ์อันใดที่จะไปตำหนินางได้อีก?
"ซวนหยวน ไปแจ้งให้ท่านหมอมาที่เรือนหลัง" มู่เสี่ยวสั่งการด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ จากนั้นเขาก็สาวเท้าไปยังห้องนอนของเรือนหลัง
ภายในห้องนอน เดิมทีแล้วเป็นห้องที่ทั้งสองคนควรที่จะอยู่ด้วยกัน เพียงแต่มู่เสี่ยวกลับรู้สึกแปลกประหลาด น้ำในกาน้ำชาที่อยู่บนโต๊ะเย็นชืดไปเล็กน้อย ไม่คาดคิดว่าแม้แต่น้ำร้อนเก็บอยู่ที่ไหนเขาก็ไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ชิวซวงก้าวไปข้างหน้า จากนั้นก็นำเอาผ้าสะอาดมาชุบน้ำให้หมาดๆ แล้วเช็ดทำความสะอาดรอยเปื้อนเล็กน้อยที่อยู่ตรงมุมปากของนาง
เมื่อท่านหมอมาจับชีพจรเพื่อดูอาการป่วยแล้ว ก็กล่าวแค่เพียงว่าร่างกายของหวางเฟยอ่อนแอเท่านั้น เพียงแต่ต้องพักผ่อนไปสักระยะหนึ่ง จากนั้นก็กินยาบำรุงให้มากสักหน่อยก็จะทำให้ดีขึ้นได้
ชิวซวงและท่านหมอไปเตรียมนำยามา สุดท้ายแล้วห้องนอนวส่วนตัวของหวางเฟย ที่มีซวนหยวนคอยเฝ้าอยู่ด้านนอก ในเวลานี้ ภายในห้องที่ไม่ได้ใหญ่มากนัก มีเพียงแค่มู่เสี่ยว รวมไปถึงหญิงสาวที่ยังคงหมดสติอยู่
ครั้งสุดท้ายที่ได้มองนางอย่างตั้งใจเช่นนี้ ดูเหมือนว่าจะเป็นวันที่แต่งงานวันนั้น ในตอนที่นางรับดาบแทนเขา นางก็นอนหมดสติด้วยใบหน้าที่ซีดเผือดอยู่บนเตียงเช่นนี้เหมือนกัน
และครั้งนี้...เหตุผลก็ยังเป็นเพราะเขา
แต่อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เหมือน...กับครั้งที่แล้ว
ครั้งที่แล้วถูกนางปกป้องเขา ภายในใจของเขายังคงตกใจและยากที่จะเชื่อ และในครั้งนี้...ไม่คิดเลยว่าจะโมโห
แม้ว่าเป้าหมายของความโมโหจะเป็นหย้วนหย้วนก็ตาม
"น้ำ..." บนเตียง ก็มีเสียงของหญิงสาวพึมพำขึ้นมา ด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
สติของมู่เสี่ยวก้กลับคืนมาในทันที
"ชิวซวง...น้ำ..." ซูเมิ่งเยียนยังคงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง มู่เสี่ยวก็ก้าวไปข้างหน้าแล้วรินน้ำแก้วหนึ่ง จากนั้นก็เอาไปใกล้ริมฝีปากของนาง จากนั้นก็เฝ้าดูนางดื่มน้ำทีละน้อย และเมื่อดื่มเสร็จ สติของนางก็ยังคงเลือนรางอยู่
"ท่านอ๋อง ยามาแล้วเจ้าคะ" ไม่รู้นานแค่ไหน ด้านนอกประตู ชิวซวงเดินถือถ้วยยาใบหนึ่งเข้ามาด้วยความเคารพ
มู่เสี่ยวมองไปที่หญิงสาวที่อยู่บนเตียง จากนั้นก็ถอยออกมาก้าวหนึ่งเพื่อหลีกทาง
ถือถ้วยยาอยู่ในมือ พร้อมกับตักขึ้นมาหนึ่งช้อน หลังจากเป่าให้อุ่นแล้วก็เอาเข้าไปใกล้ปากของนาง
แต่ซูเมิ่งเยียนกลับดูเหมือนว่าจะรู้สึกตัว และเมื่อได้กลิ่นขมของยาก็ได้ขยับศีรษะหนีออกมา "ชิวซวง...ข้าไม่อยากดื่มยาแล้ว..."
"คุณหนู ดื่มยาแล้วร่างกายของท่านจะได้ดีขึ้นนะเจ้าคะ"
"ไม่มีทาง ไม่มีทางจะหายหรอก..." นางกล่าวอย่างแผ่วเบา "ปีกว่าแล้ว มันไม่มีทางดีขึ้นอีกแล้ว..."
มู่เสี่ยวผงะไปเล็กน้อย เงยหน้าแล้วเหลือบมองไปที่หญิงสาวที่อยู่บนเตียง "ปีกว่าแล้ว" หมายความว่าอย่างไรกัน?
"คุณหนู ดื่มมันสักครั้งเถอะนะเจ้าคะ..." ชิวซวงยังคงเกลี้ยกล่อมอย่างแผ่วเบา
"ไม่เอา..." ซูเมิ่งเยียนส่ายศีรษะ หางตาของนางมีน้ำตาผุดขึ้นมา จากนั้นก็หยดลงไปบนหมอน และจางหายไป "ชิวซวง เหตุเขาถึงไม่ยอมปล่อยข้าไป เหตุใดกัน..."
มู่เสี่ยวจ้องมองไปที่หยดน้ำตานั้นอย่างเลื่อนลอย นางแทบจะไม่หลั่งน้ำตาเลย ตอนนี้...น้ำตานั้นเป็นราวกับสารหนูอย่างไรอย่างนั้น แล้วมันก็ได้มากระทบที่หัวใจของเขา ซึ่งมันอึดอัดใจอย่างยากที่จะอธิบายได้ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของนาง แต่เหตุใด...ภายในใจถึงได้ทรมานเช่นนี้?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อ๋องเฟยเกิดใหม่ ท่านอ๋อง ขอหย่ากัน
อัพต่อหน่อยจ้าา...
อัพต่อด้วยค่ะ อยากอ่านต่อ...
อัพอีกหน่อยค่า อยากอ่านต่อ...
4/4/2567 ใครช่วยตอบที ไม่อัพตอนเพิ่มแล้วใช่ไหมค่ะ.... อยากอ่านต่ออะ 😢😢😢...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ หายไปเลย รออยู่นะคะ...
ไม่อัพแล้วหรอครับ...