อ๋องเฟยเกิดใหม่ ท่านอ๋อง ขอหย่ากัน นิยาย บท 68

ซูเมิ่งเยียนถูกชิวซวงช่วยประคองเดินไปที่สวนเรือนหลัง เพียงแต่นาง นางได้ประเมินตนเองสูงเกินไปเสียแล้ว

ประตูทางเข้าของเรือนหลังมีธรณีประตูที่ไม่ได้สูงนัก และสามารถที่จะก้าวข้ามไปได้ด้วยเท้าเดียว แต่ทว่าด้วยร่างกายอ่อนแอหลังจากไม่ได้กินข้าวมาสองสามวันแล้ว จนแม้แต่แรงที่จะยกเท้ายังไม่มี ครั้นแล้วเมื่อถูกอะไรบางอย่างขวางไว้ จึงทำให้เบื้องหน้าของนางมืดลงไปทันที

"คุณหนู..." ชิวซวงที่ตกใจเป็นอย่างมาก ก็ร้องตะโกนออกมาเสียงดังสะนั่น

แต่ไม่ทันรอให้นางมีการตอบสนองกลับมา ก็มีร่างสีขาวแวบมาอยู่ตรงหน้านางทันที ร่างของซูเมิ่งเยียนถูกใครบางคนคว้าเอาไว้แน่น

ชิวซวงจ้องเขม็ง พลางส่งเสียงพึมพำว่า "ท่านอ๋อง..."

มู่เสี่ยวไม่แม้แต่จะมองนาง ทำเพียงแค่หลุบตาลงมองหญิงสาวในอ้อมกอดเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าสีหน้าของนางนั้นซีดเซียวจนแทบจะโปร่งแสงอยู่แล้ว ตอนที่เดินอยู่เมื่อครู่นี้ก็ดูจะล้มมิลมแหล่อยู่ตลอดทาง เห็นชัดว่าทรมานอยู่ตลอด แต่นางก็เลือกที่จะไม่แสดงอาการทรมานต่อหน้าเขาเลย

ก้นบึ้งหัวใจของนาง...ทำราวกับว่าเขาเป็นเพียงแค่คนนอกอย่างชัดเจน

เขา...มู่เสี่ยวจับมือของนางไว้ครู่หนึ่ง ความจริงแล้ว เขาก็เช่นกัน แล้วยังมีสิทธิ์อันใดที่จะไปตำหนินางได้อีก?

"ซวนหยวน ไปแจ้งให้ท่านหมอมาที่เรือนหลัง" มู่เสี่ยวสั่งการด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ จากนั้นเขาก็สาวเท้าไปยังห้องนอนของเรือนหลัง

ภายในห้องนอน เดิมทีแล้วเป็นห้องที่ทั้งสองคนควรที่จะอยู่ด้วยกัน เพียงแต่มู่เสี่ยวกลับรู้สึกแปลกประหลาด น้ำในกาน้ำชาที่อยู่บนโต๊ะเย็นชืดไปเล็กน้อย ไม่คาดคิดว่าแม้แต่น้ำร้อนเก็บอยู่ที่ไหนเขาก็ไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ชิวซวงก้าวไปข้างหน้า จากนั้นก็นำเอาผ้าสะอาดมาชุบน้ำให้หมาดๆ แล้วเช็ดทำความสะอาดรอยเปื้อนเล็กน้อยที่อยู่ตรงมุมปากของนาง

เมื่อท่านหมอมาจับชีพจรเพื่อดูอาการป่วยแล้ว ก็กล่าวแค่เพียงว่าร่างกายของหวางเฟยอ่อนแอเท่านั้น เพียงแต่ต้องพักผ่อนไปสักระยะหนึ่ง จากนั้นก็กินยาบำรุงให้มากสักหน่อยก็จะทำให้ดีขึ้นได้

ชิวซวงและท่านหมอไปเตรียมนำยามา สุดท้ายแล้วห้องนอนวส่วนตัวของหวางเฟย ที่มีซวนหยวนคอยเฝ้าอยู่ด้านนอก ในเวลานี้ ภายในห้องที่ไม่ได้ใหญ่มากนัก มีเพียงแค่มู่เสี่ยว รวมไปถึงหญิงสาวที่ยังคงหมดสติอยู่

ครั้งสุดท้ายที่ได้มองนางอย่างตั้งใจเช่นนี้ ดูเหมือนว่าจะเป็นวันที่แต่งงานวันนั้น ในตอนที่นางรับดาบแทนเขา นางก็นอนหมดสติด้วยใบหน้าที่ซีดเผือดอยู่บนเตียงเช่นนี้เหมือนกัน

และครั้งนี้...เหตุผลก็ยังเป็นเพราะเขา

แต่อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เหมือน...กับครั้งที่แล้ว

ครั้งที่แล้วถูกนางปกป้องเขา ภายในใจของเขายังคงตกใจและยากที่จะเชื่อ และในครั้งนี้...ไม่คิดเลยว่าจะโมโห

แม้ว่าเป้าหมายของความโมโหจะเป็นหย้วนหย้วนก็ตาม

"น้ำ..." บนเตียง ก็มีเสียงของหญิงสาวพึมพำขึ้นมา ด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา

สติของมู่เสี่ยวก้กลับคืนมาในทันที

"ชิวซวง...น้ำ..." ซูเมิ่งเยียนยังคงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา

หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง มู่เสี่ยวก็ก้าวไปข้างหน้าแล้วรินน้ำแก้วหนึ่ง จากนั้นก็เอาไปใกล้ริมฝีปากของนาง จากนั้นก็เฝ้าดูนางดื่มน้ำทีละน้อย และเมื่อดื่มเสร็จ สติของนางก็ยังคงเลือนรางอยู่

"ท่านอ๋อง ยามาแล้วเจ้าคะ" ไม่รู้นานแค่ไหน ด้านนอกประตู ชิวซวงเดินถือถ้วยยาใบหนึ่งเข้ามาด้วยความเคารพ

มู่เสี่ยวมองไปที่หญิงสาวที่อยู่บนเตียง จากนั้นก็ถอยออกมาก้าวหนึ่งเพื่อหลีกทาง

ถือถ้วยยาอยู่ในมือ พร้อมกับตักขึ้นมาหนึ่งช้อน หลังจากเป่าให้อุ่นแล้วก็เอาเข้าไปใกล้ปากของนาง

แต่ซูเมิ่งเยียนกลับดูเหมือนว่าจะรู้สึกตัว และเมื่อได้กลิ่นขมของยาก็ได้ขยับศีรษะหนีออกมา "ชิวซวง...ข้าไม่อยากดื่มยาแล้ว..."

"คุณหนู ดื่มยาแล้วร่างกายของท่านจะได้ดีขึ้นนะเจ้าคะ"

"ไม่มีทาง ไม่มีทางจะหายหรอก..." นางกล่าวอย่างแผ่วเบา "ปีกว่าแล้ว มันไม่มีทางดีขึ้นอีกแล้ว..."

มู่เสี่ยวผงะไปเล็กน้อย เงยหน้าแล้วเหลือบมองไปที่หญิงสาวที่อยู่บนเตียง "ปีกว่าแล้ว" หมายความว่าอย่างไรกัน?

"คุณหนู ดื่มมันสักครั้งเถอะนะเจ้าคะ..." ชิวซวงยังคงเกลี้ยกล่อมอย่างแผ่วเบา

"ไม่เอา..." ซูเมิ่งเยียนส่ายศีรษะ หางตาของนางมีน้ำตาผุดขึ้นมา จากนั้นก็หยดลงไปบนหมอน และจางหายไป "ชิวซวง เหตุเขาถึงไม่ยอมปล่อยข้าไป เหตุใดกัน..."

มู่เสี่ยวจ้องมองไปที่หยดน้ำตานั้นอย่างเลื่อนลอย นางแทบจะไม่หลั่งน้ำตาเลย ตอนนี้...น้ำตานั้นเป็นราวกับสารหนูอย่างไรอย่างนั้น แล้วมันก็ได้มากระทบที่หัวใจของเขา ซึ่งมันอึดอัดใจอย่างยากที่จะอธิบายได้ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของนาง แต่เหตุใด...ภายในใจถึงได้ทรมานเช่นนี้?

"คุณหนู..." ชิวซวงยังคงพยายามเกลี้ยกล่อม

"พอแล้ว" มู่เสี่ยวส่งเสียงออกมาในทันที จากนั้นก็ก้าวไปข้างหน้าและยื่นมือออกไป แล้วหยิบถ้วยยาในมือของชิวซวงมาถือไว้ "เจ้าออกไปก่อน"

"ท่านอ๋อง ตอนนี้ร่างกายของคุณหนูอ่อนแอมาก ทั้งยังไม่ได้สติ..."

"ออกไป!" มู่เสี่ยวกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม

ถึงแม้ว่าภายในใจนั้นจะไม่เต็มใจแต่อย่างใด แต่ทว่าชิวซวงก็ยังเดินออกไป และหันกลับไปมองทุกย่างก้าว

มู่เสี่ยวถือชามยาเอาไว้ในมือ ยังคงร้อนอยู่เล็กน้อย แต่เข้ากลับไม่ทันสังเกตเลยแม้แต่น้อย และเอาไปที่ริมฝีปากของนาง แต่หญิงสาวก็ปิดริมฝีปากของตนเองไว้แน่น ไม่ดื่มสักคำ และน้ำตาที่หางตาของนางก็ยังคงเห็นได้อย่างชัดเจน

เขาผงะไปเล็กน้อย ในที่สุดก็เอายาในมือออกไป จากนั้นก็มือมันไว้ในมือแล้วมองไปที่หญิงสาวที่อยู่บนเตียง จนกระทั่งยานั้นเริ่มอุ่นขึ้น เขาจึงเอาเข้าปากไปคำหนึ่ง จากนั้นก็ก้มลงไปกดอยู่บนริมฝีปากของหญิงสาว

"อื้อ..." หญิงส่งเสียงครางต่ำ แต่ริมฝีปากก็แยกออกอย่างไม่ได้ตั้งใจ จากนั้นความขมของยาก็พุ่งเข้าไปข้างในปาก คำแล้วคำเล่า

ซูเมิ่งเยียนขมวดคิ้ว รู้สึกเพียงแต่ว่าอวัยวะภายในทั้งหมดถูกความขมย่นจนกลายเป็นก้อน ทั้งยังสัมผัสได้ถึงความนุ่มนวลบนริมฝีปาก ทันใดนั้นนางก็ลืมตาขึ้น จากนั้นก็เห็นขนตาของชายหนุ่มที่อยู่ใกล้เบื้องหน้า และ...ความลึกล้ำในดวงตาของเขา ราวกับว่าจะดูดกลืนนางเข้าไปอย่างไรอย่างนั้น

และหลังจากนั้น ก็ได้สติลับมาทันที หลังจากริมฝีปากของชายคนนั้นถอยห่างออกไป

"ตื่นแล้วหรือ?" มู่เสี่ยวตอบสนองกลับมา ด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ

"..." ซูเมิ่งเยียนไม่ได้กล่าวอะไรสักคำ เพียงแค่เอื้อมมือของไปสัมผัสริมฝีปากของตัวเองเท่านั้น ราวกับว่าต้องการที่จะเช็ดกลิ่นออกไปอย่างไรอย่างนั้น

มู่เสี่ยวมองดูการเคลื่อนไหวของนางด้วยความหงุดหงิดอยู่ในใจ "เตียงของข้าก็เคยปีนขึ้นมาแล้ว แล้วตอนนี้จะเสแสร้งไปอีกทำไม?"

"ท่าน..." ซูเมิ่งเยียนเงยหน้าขึ้น แล้วจ้องมองไปยังเขาราวกับเปลวเพลิง

"ข้าพูดผิดตรงไหนอย่างนั้นหรือ?" มู่เสี่ยวถามกลับ "อีกอย่าง มันก็เป็นเพียงการป้อนยาเท่านั้น ข้าก็แค่กลัวว่าเจ้าจะมาตายอยู่ในจวนอ๋อง ไม่ได้หรือไร?"

"กลัวหรือ?" แต่ซูเมิ่งเยียนราวกับว่าได้ยินเรื่องขบขัน เขากลัวหรือ? เขากลัวอะไร? หากเขากลัวจริง ชีวิตที่แล้วเหตุใดถึงทิ้งนางไว้ที่หลิงหย้วนอย่างไม่สนใจไยดีเลยได้อย่างไร?

มู่เสี่ยวขมวดคิ้ว เขาไม่ชอบสายตาที่เต็มไปด้วยความเยาะเย้ยเช่นนี้ของนางเลย เมื่อครู่นี้เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงนั้นบอบบางราวกับจะแตกได้โดยง่ายจนทำให้รู้สึกสงสารขึ้นมาเลยทีเดียว แต่ทันทีที่นางลืมตาขึ้น...ก็เปลี่ยนเป็นดื้อรั้นเสียจนอยากจะหักกระดูกนาง!

"ข้าต้องขอบคุณท่านอ๋องมาก" ซูเมิ่งเยียนถอนสายตากลับมา แล้วมองไปที่ถ้วยยาที่อยู่ในมือของมู่เสี่ยว มันยังคงเหลืออยู่อีกครึ่งถ้วยที่จะดื่มไม่หมด จากนั้นนางก็เอื้อมมือออกไปรับมา และดื่มมันลงไปด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์

คิ้วของมู่เสี่ยวขมวดแน่นยิ่งขึ้นไปอีก นางกลัวการดื่มยาในขณะที่สติเลือนรางถึงเพียงนั้น แต่พอตื่นขึ้นมาก็ดื่มมันได้อย่างสงบถึงเพียงนี้เลยหรือ!

ราวกับว่า...เป็นสองคนอย่างไรอย่างนั้น!

"ท่านอ๋องเรียกให้ชิวซวงเข้ามาเถิดเพคะ" ซูเมิ่งเยียนดื่มยาเสร็จแล้ว ก็ถือถ้วยยาเอาไว้ แล้วเงยหน้ามองไปยังคนที่ยืนอยู่หน้าเตียงที่ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน

มู่เสี่ยวชำเลืองมองไปที่นาง จากนั้นก็มองไปที่ถ้วยยาในมือของนาง แล้วก้าวไปข้างหน้าอย่างอธิบายไม่ได้ จากนั้นก็หยิบถ้วยยาขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ และหมุนตัวเดินออกไป

ซูเมิ่งเยียนจ้องมองมือที่ว่างเปล่าอยู่ครู่หนึ่ง และมองไปที่ร่างสีขาวที่เดินไปจนถึงประตูทางเข้าแล้ว "ท่านอ๋อง!" และเสียงก็ดังขึ้นมากะทันหัน

มู่เสี่ยวหยุดยืนอยู่หน้าประตู ไม่ขยับไปไหน และไม่หันกลับไปมอง

"วันนั้น ตอนที่องครักษ์จากในวังมาจับผู้ทำผิดที่ทำร้ายกุ้ยเฟยจนเสียโฉมเข้าไปในพระราชวัง เหตุใดท่านถึงออกหน้าแทนข้า?" น้ำเสียงของนางลดต่ำลง แต่สุดท้ายก็ถามออกไป

“เหตุใดถึงเพราะอะไร?” มู่เสี่ยวเอียงศีรษะ และกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

"ท่านคงจะไม่ได้สนใจข้าใช่หรือไม่?" ซูเมิ่งเยียนยิ้มกว้างขึ้น แล้วถามอย่างตรงไปตรงมา

เบื้องหลังของมู่เสี่ยวชะงักไปครู่หนึ่ง ครั้งนี้ เขาเหลือบตามองไปที่นาง ภายในแววตาไม่สั่นไหวเลยแม้แต่น้อย จากนั้นริมฝีปากบางก็เริ่มขยับ แล้วพูดออกมาอย่างแผ่วเบาคำหนึ่งว่า "เจ้า?"

ความหมายก็ไม่มีอะไรมากไปกว่า : เจ้าสมควรได้รับมันด้วยหรือ?

ซูเมิ่งเยียนเหล่ตามองแล้วยิ้มอย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้นไปอีก "มิใช่ก็ดีแล้ว"

ไม่ใช่ก็ดีแล้ว เช่นนี้ นางถึงจะสามารถเอาความคิดเพ้อฝันทั้งหมดของตนเอง ปิดตายเอาไว้ภายในกระเป๋า!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อ๋องเฟยเกิดใหม่ ท่านอ๋อง ขอหย่ากัน