หยุนหลิงระบายอารมณ์ใส่เขาไปยกหนึ่ง ในใจก็รู้สึกสบายมากขึ้น
เมื่อก่อนนางรู้สึกมาตลอดว่าเจอคนแบบนี้ ใช้เข็มทิ่มตายก็จบเรื่อง แต่ว่าจะทิ่มเฟิงเหยียนตายที่หน้าประตูจวนเหวินกั๋วกงจริงๆ จากนั้นก็ต้องจัดการอย่างยุ่งยาก
ได้ด่าเป็นครั้งคราวก็มีความสุขเหมือนกัน
แต่ว่าวิชาของนางธรรมดา เปลี่ยนเป็นเพื่อนที่ปากจัดเหมือนดั่งดอกบัวพิษคนนั้นมา เฟิงเหยียนอาจจะโมโหจนตายไปแล้ว
ครั้งนี้ฉู่หยุนหลิงจงใจพูดจาอย่างรุนแรงต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ ยังลากคนตระกูลเฟิงทั้งหมดลงไปเกี่ยวข้องด้วย
เฟิงเหยียนถึงแม้จะโกรธแค่ไหน ก็ยังต้องคำนึงถึงชื่อเสียงตระกูล เขามองดูหยุนหลิงอย่างโกรธแค้นทีหนึ่ง พูดกับผู้ติดตามด้านหลัง “พวกเราไป!”
หยุนหลิงกลับไม่คิดที่จะปล่อยเขาไป ยักคิ้วพูดว่า “คุณชายเฟิง ท่านยังไม่ได้ขอโทษต่อท่านอ๋องของบ้านข้าเลย ทำไมก็จะไปแล้ว มารยาทถูกสุนัขกินแล้วหรือไง?”
เฟิงเหยียนพยายามอย่างที่สุดเพื่อไม่ให้ตัวเองเสียกิริยาที่ไม่เหมาะสม แต่รอยยิ้มที่มุมปากอย่างจงใจของหยุนหลิง ทำให้สติอันใจเย็นที่เดิมก็มีไม่มากนั้นหายไปในทันที
ชาตินี้เขาไม่เคยก้มหัวให้ใคร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเมื่อครู่หยุนหลิงยังถีบเขาไปทีหนึ่ง ทำให้เขาเสียหน้าอย่างสิ้นเชิง
“นางแพศยา! ข้าจะฆ่าเจ้า!”
เฟิงเหยียนโกรธจนสูญเสียการควบคุมสติ แย่งแส้มาจากมือของคนขับรถม้าข้างกายมาแล้วฟาดไปทางหยุนหลิง
เดิมทีเฟิงเหยียนก็ไม่มีวิชาการต่อสู้เท่าไหร่นัก หยุนหลิงจะหลบแส้ของเขาก็ไม่ยาก แต่ความจริงนางยินดีจะรับแส้ไว้
อย่างไรเสียก็ไม่ได้กลัวเจ็บอะไร ให้คนมากมายแบบนี้เห็นเฟิงเหยียนทำร้ายนาง สิ่งที่จะนำไปแต่งความได้ก็ยิ่งมากแล้ว
ดีที่สุดก็ให้เรื่องไปถึงท้องพระโรงฮ่องเต้ไปเลย จากนั้นก็ฉวยโอกาสหลอกยาสมุนไพรล้ำค่าจากตระกูลเฟิงอีกกอง เช่นนี้แล้วนางก็มียารักษาด่างพิษให้ตัวเองแล้ว
หยุนหลิงกำลังคิดแผนการในใจอยู่ คิดไม่ถึงว่าจะถูกมือหนึ่งดึงเข้าไปในอ้อมกอดอันแข็งแกร่งผืนหนึ่งอย่างกะทันหัน
แส้กระทบต่ออากาศเกิดเสียงดังก้องหู แต่ความเจ็บปวดที่คิดไว้ไม่ได้มาถึง หยุนหลิงมองไปมุมด้านบนโดยสัญชาตญาณ ตะลึงเล็กน้อย
เซียวปี้เฉิงจับแส้ยาวสีดำนั้นไว้แน่นด้วยมือข้างหนึ่ง มืออีกข้างหนึ่งปกป้องนางไว้ในอ้อมกอด
ในสายตาของเฟิงเหยียนมีความตกตะลึง ใบหน้าแดงก่ำอยากดึงแส้กลับมา แต่ไม่ว่าเขาจะใช้แรงสุดกำลัง มือของเซียวปี้เฉิงก็ไม่ได้ขยับแม้แต่น้อย
“เมื่อครู่ ข้าก็เคยเตือนเจ้าแล้ว คิดว่าข้าพูดไปเท่านั้นหรือ?”
คำพูดอันเย็นเยือกนั้นยังไม่จบ เซียงปี้เฉิงก็ปล่อยหยุนหลิง ก็เข้าไปจับแขนของเฟิงเหยียนไว้ตามแส้อย่างกับสายฟ้าแลบ
ฝ่ามืออันใหญ่และมีเรี่ยวแรงบิดเล็กน้อย เฟิงเหยียนก็ร้องอย่างเจ็บปวดดั่งหมูถูกฆ่า
“อ้าก——!”
ทุกคนต่างก็สูดลมหายใจเข้า เซียวปี้เฉิงกลับหักมือข้างหนึ่งของเฟิงเหยียนจริงๆ!
ทันใดนั้น เงาร่างหนึ่งไม่รู้บินมาจากไหนจู่โจมไปที่เซียวปี้เฉิง
คือองครักษ์ลับของตระกูลเฟิงที่ทำหน้าที่ปกป้องเฟิงเหยียน
เซียวปี้เฉิงไม่ตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย เอียงตัวหลบก็หลีกเลี่ยงการจู่โจมของคนที่มาได้แล้ว จากนั้นก็โยนตัวเฟิงเหยียนออกไปเหมือนจับไก่ตัวเล็กๆ
องครักษ์ลับไม่ได้โจมตีอีก แต่เลือกที่จะรับตัวเฟิงเหยียนไว้
“เร็ว รีบส่งข้าไปโรงหมอ! เร็วๆ”
เฟิงเหยียนเจ็บจนเหงื่อท่วมหัว ตะโกนใส่องครักษ์อย่างสูญเสียการควบคุมสติ
“จิ้งอ๋องฝีมือดี หากท่านเสนาบดีฝ่ายซ้ายรู้ว่าท่านอ๋องไม่เคยละเลยการเรียนวิชาการต่อสู้เลย ต้องดีใจแทนท่านอ๋องแน่นอน”
องครักษ์มองดูเซียวปี้เฉิง พาตัวเฟิงเหยียนหายไปต่อหน้าผู้หญิงในชั่วลมหายใจ
หยุนหลิงก็ตะลึงต่อสิ่งที่เกิดตรงหน้าอย่างกะทันหัน
ในใจนางรู้สึกประหลาดใจ เซียวปี้เฉิงปกติหน้าเฉื่อยชา ซื่อๆบื้อๆไม่ออกเสียงเลยสักครั้งเดียว เหมือนกันก้อนหินเหม็นในบ่อส้วม คิดไม่ถึงว่าวิชาการสู้เก่งกาจขนาดนี้
ฝีมือนั้น ความเร็วนั้น เกือบจะเทียบเท่าฝีมือการต่อสู้ของเจ้าสองได้แล้ว ไม่รู้ว่าหากตาสองข้างของเขาดีสมบูรณ์ จะเก่งกาจขนาดไหน
ดูแล้วสมญานาม “นักรบเทวดา” นี้ไม่มีน้ำหนักเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายาหมื่นพิษ