ตอน บทที่ 8 โง่งมประหนึ่งสุกร จาก องค์ชายาหมื่นพิษ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 8 โง่งมประหนึ่งสุกร คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายประวัติศาสตร์ องค์ชายาหมื่นพิษ ที่เขียนโดย หลิงหลิง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
หลินซินเป็นอาจารย์อย่างไม่เป็นทางการของฉู่หยุนหาน นางชอบศิษย์ที่มีพรสวรรค์ในการแพทย์คนนี้มาก พลันหน้าตึง
“แม่นางหยุนหลิงคนค่อนเมืองหลวงต่างรู้ว่าเจ้ามีใจให้ตวนอ๋องหลายปี ถ้าไม่ใช่ฝีมือเจ้า แล้วทำไมคืนนั้นต้องไปห้องตวนอ๋องด้วย”
หลินซินเรียกนางว่า ‘แม่นาง’ เห็นชัดว่าไม่ยอมรับสถานะพระชายาจิ้งของนาง
เยียนอ๋องเก็บรอยยิ้ม แววตาผิดหวัง “หากไม่ใช่เพราะพี่สามเมาสุรา ตวนอ๋องยกห้องให้เขาพักผ่อน แผนของเจ้าก็สำเร็จแล้ว!”
หยุนหลิงหัวเราะเสียงเบา “จวนตวนอ๋องกว้างขวางปานนั้น ข้าจะรู้ได้ยังไงว่าตวนอ๋องอยู่ห้องไหน ถ้าไม่ใช่ฉู่หยุนหานบอกข้า”
นัยน์ตาปราศจากความรู้สึกและจุดศูนย์กลางทั้งสองของจิ้งอ๋องจ้องนางเขม็ง “ถึงจะจริง เช่นนั้นนางบอกเจ้า เจ้าก็ไปหรือ”
“ไม่ใช่ว่านางบอกข้าแล้วข้าไป แต่เป็นฉู่หยุนหานรู้ว่าข้าต้องไปแน่ ก็เลยบอกข้าต่างหาก”
หลินซินก็หัวเราะเย็นชาตาม “เจ้ากลับพูดหน้าด้านๆ ยังไม่ใช่เพราะมีความคิดอย่างนั้นถึงได้ไปหรือ!”
หยุนหลิงยืนเอามือไพล่หลัง สีหน้าราบเรียบ “ข้าต้องการจะไปหาตวนอ๋องจริง แต่ไม่ใช่จะไปวางยาเขา”
นางค้นหาความทรงจำของเจ้าของร่างอย่างรวดเร็ว
“เมื่อก่อนมีคนคิดชั่วชิงผ้าคลุมหน้าของข้าไป เหยียดหยามรูปโฉมของข้า ตวนอ๋องยื่นมือเข้าช่วย ข้ารู้สึกซาบซึ้งใจ อยากขอบคุณเขามาโดยตลอด”
ฉู่หยุนหลิงหน้าตาอัปลักษณ์ เคยได้ถูกติฉินนินทาดูแคลนมากมาย มีเพียงตวนอ๋องที่เห็นนางเป็นคนปกติและห่วงใย
นี่ก็คือสาเหตุที่นางมีใจรักอีกฝ่ายมาหลายปี
“ฉู่หยุนหานบอกว่าตวนอ๋องไม่สบาย ประจวบเหมาะกับสาวใช้ที่จะส่งน้ำแกงให้เขาก็ปวดท้อง ข้าก็เลยไปส่งน้ำแกงแทนนาง”
“ใครจะรู้ว่าในห้องมืดสนิท เดิมข้าคิดว่าวางน้ำแกงแล้วก็จะกลับ แต่พอเข้าประตูก็ถูกขังเอาไว้ ภายหลังท่านอ๋องก็กระโจนเข้ามา จะหลบก็ไม่มีที่หลบ”
มุมตาจิ้งอ๋องกระตุก ไฉนจึงสาธยายเขาเหมือนกับหมาป่าหิวโซอย่างนั้นเล่า
“เพ้อเจ้อ!” หลินซินมองนางอย่างเย็นชา “เห็นชัดว่าเป็นเจ้าที่ใช้กระบอกควันปล่อยควันเข้าไปในห้อง และยาที่อยู่ในกระบอกควันก็คือผงจื่อเซียง มีฤทธิ์กระตุ้นความต้องการ พยานหลักฐานพร้อมมูล!”
“เพียงแต่เจ้าคิดว่าคนที่อยู่ในห้องคือตวนอ๋อง ไม่คิดว่าจะเป็นปี้เฉิงเท่านั้น!”
เซียวปี้เฉิงยกจอกน้ำชา จิบเบาๆ ทีหนึ่ง สายตาลุ่มลึก
อย่างอื่นยังไม่ต้องกล่าวถึง เขาแค่รู้สึกว่างานเลี้ยงคืนนั้นเขาเมาเร็วไปหน่อย
หลินซินนึกว่านางพูดเรื่องบัดสีบัดเถลิงเช่นนี้ออกมาแล้ว หยุนหลิงน่าจะอับอายจนแทรกแผ่นดินหนีจึงจะถูก
ไหนเลยจะรู้ว่านางจะอึ้ง แล้วยิ้มออกมา ราวกับได้ยินเรื่องขบขันหาที่เปรียบไม่ได้
“ผงจื่อเซียง? ยาปลุกกำหนัดเส็งเคร็งอะไรก็เข้าตาข้าหรือ” หยุนหลิงสีหน้าดูแคลน “ท่านคิดว่าด้วยวิชาแพทย์ของข้า จะใช้ของไร้ระดับอย่างผงจื่อเซียงงั้นหรือ”
“ถ้าข้าจะลงมือกับตวนอ๋อง ย่อมต้องใช้สูตรลับเฉพาะของข้า ไร้สีไร้กลิ่น ละลายน้ำง่าย รสชาติหวานไม่ขม พกพาสะดวก”
“หลังจากตวนอ๋องกินแล้ว รับรองว่าจะลงเตียงไม่ได้สามวันสามคืน เห็นข้าก็ขาอ่อน!”
เซียวปี้เฉิงสำลักน้ำพุ่งออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
เขาคิดไปเองหรือ ทำไมเขาถึงฟังความผยองและความทะนงตนได้จากน้ำเสียงฉู่หยุนหลิง
เยียนอ๋องตะลึงงัน หลินซินก็ชี้นางมือสั่นระริก สั่นจนราวกับเป็นอัมพาตชนิดสั่นรัว(*โรคพาร์กินสัน) แม้แต่จะเอ่ยถ้อยคำที่สมบูรณ์ก็ไม่สามารถทำได้
“เจ้า เจ้า...ไม่รู้จักยางอาย!”
หยุนหลิงไม่คิดอย่างนั้น นางไม่รู้จักยางอายอะไรจริง สภาพแวดล้อมที่เติบโตไม่เคยสอนนางนี่
“ยาคือฉู่หยุนหานทำ ที่ไร้ยางอายคือนางต่างหาก”
เยียนอ๋องหน้าแดงซ่าน ถลึงตาจ้องนางด้วยความโกรธ “เจ้ายังจะกัดหยุนหานไม่ปล่อยอีก! นางเป็นเพื่อนวัยเยาว์กับพี่สาม พวกเขารักกัน ทุกคนต่างรู้ว่าพวกเขาจะต้องแต่งงานกันในไม่เร็วก็ช้า ทำไมนางต้องทำอย่างนั้น”
“ทำไมน่ะหรือ”
หยุนหลิงมองทางเซียวปี้เฉิง ยิ้ม “เสียใจแล้วนะสิ มีตวนอ๋องล้อมหน้าล้อมหลังนาง ทำไมต้องลดตัวมาแต่งกับคนตาบอดด้วย”
คิดไม่ถึงว่าฉู่หยุนหลิงจะไม่สนใจฐานะของพวกเขาสักนิด บทจะโกรธก็โกรธ ไม่ไว้หน้าอินทร์หน้าพรหม
หลินซินหึด้วยความเย็นชาเสียงหนึ่ง “คิดจะรักษาดวงตาและขาของพวกเจ้า ไม่ง่ายเหมือนกับพิษเย็นอย่างนั้น ข้าว่านางก็ทำไม่ได้หรอก ไม่อย่างนั้นมีหรือจะไม่พูดถึง”
หากให้หยุนหลิงได้ยินคำพูดนี้ คงมีแต่จะหัวเราะเยาะนาง
เคยเห็นแต่ผู้ป่วยมาขอให้หมอรักษา ไม่เคยได้ยินว่าหมอต้องขอผู้ป่วยรักษา
เซียวปี้เฉิงก็แค่พูดไปอย่างนั้น ไม่ได้คาดหวังกับหยุนหลิงมาก อู่อานกงเคยกล่าว ความเป็นไปได้ที่ทั้งสองจะหายเป็นปกติมีน้อยยิ่ง
โดยเฉพาะเยียนอ๋อง ยิ่งผ่านไปนาน ความหวังที่ขาของเขาจะยืนขึ้นได้ก็ยิ่งริบหรี่
เยียนอ๋องฉุดความคิด นึกขึ้นได้ว่าคืนวันนั้น ขณะหยุนหลิงฝังเข็มเคยกดที่หัวเข่าเขา จากนั้นขาที่เดิมไม่สามารถขยับได้ก็มีปฏิกิริยา
เขาอยากกล่าวอะไร แต่พอนึกถึงสายตาเย็นชาของหยุนหลิงเมื่อครู่แล้ว ริมฝีปากขยับ แต่สุดท้ายกลับไม่ได้เอ่ยสักคำ
...
เรือนหนานซวี้
เซียวปี้เฉิงฟังรายงานสถานการณ์โดยรวมในจวนจากเฉียวเย่และลู่ชีแบบเหม่อลอย คำพูดของหยุนหลิงยังคงวนเวียนอยู่ในหัว
คืนนั้น เขาเมาเร็วเกินไป
ครั้นนึกถึงอาการบาดเจ็บของฉู่หยุนหลิง เซียวปี้เฉิงก็ขัดจังหวะพวกเขา “เฉียวเย่ เอาขี้ผึ้งโสมหิมะออกมา ให้ลู่ชีเอาไปให้ฉู่หยุนหลิง”
เฉียวเย่ผงะ “ท่านอ๋อง ท่านจะเอาขี้ผึ้งโสมหิมะให้พระชายาหรือขอรับ?”
ขี้ผึ้งโสมหิมะเป็นยาวิเศษที่อู่อานกงทำขึ้น สามารถรักษาบาดแผลไม่ทิ้งแผลเป็น ทั้งยังมีฤทธิ์ระงับความคันและความเจ็บปวดอีกด้วย
ยานี้เป็นยาที่ทำขึ้นเพื่อนางสนมในวังหลวงโดยเฉพาะ เนื่องจากตัวยาที่ใช้ล้ำค่าหายาก ราคาสูง แม้จะเป็นฮ่องเต้ก็มีเพียงไม่กี่ขวดอยู่ในมือ
ลู่ชีตะลึงเอ่ย “ท่านอ๋อง นั่นไม่ใช่ของขวัญวันเกิดที่ท่านเตรียมมอบให้แม่นางหยุนหานหรือ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายาหมื่นพิษ