วันต่อมา
ในท้องพระโรง
ขุนนางทั้งฝ่ายบู๊และฝ่ายบุ๋นต่างมารวมตัวกันที่ท้องพระโรง
นี่เป็นการสอบครั้งใหญ่ในรอบหลายปี อีกทั้งยังมีความเกี่ยวข้องกับตำแหน่งองค์รัชทายาทขององค์ชายอีกด้วย
อีกทั้งยังเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของตนเอง พวกเขาจึงเครียดและกระวนกระวายไม่น้อยไปกว่าบรรดาองค์ชายเลย
ตำหนักจินหลวน
ฮ่องเต้และฮองเฮานั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรและบัลลังก์หงส์
เสียงตะโกนของขันทีดังก้องไปทั่วทั้งตำหนัก
“องค์ชายเชิญเสด็จ!”
บรรดาองค์ชายทั้งหนุ่มทั้งมีอายุเดินเรียงรายกันเข้ามาเป็นแถว
“ขอฮ่องเต้ทรงพระเจริญหมื่นๆ ปี!”
“ขอฮองเฮาทรงพระเจริญหมื่นๆ ปี!”
บรรดาองค์ชายคุกเข่านั่งตัวตรงเรียงแถวกันอย่างเป็นระเบียบ
ฉินเหยียนหาวออกมาอย่างเกียจคร้าน และบ่นอยู่ในใจ
“เมื่อก่อนเคยเห็นภาพแบบนี้ทางโทรทัศน์ พอได้เข้ามาอยู่ในสภาพแวดล้อมนี้ด้วยตนเอง ช่างน่าเบื่อไม่น้อยเลย”
ฮ่องเต้ฉินพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ จากนั้นสั่งให้ขันทีแนะนำและประกาศว่า
“ขอเชิญองค์ชายใหญ่ องค์ชายสี่ องค์ชายแปด และองค์ชายสิบสี่เข้าร่วมการสอบเข้าขุนนางในครั้งนี้”
ร่างของฮองเฮาฉินซวงหลานสั่นสะท้าน
“ฝ่าบาท องค์ชายสิบสี่ไม่มีความรู้ เหตุใดถึงให้เขาเข้าร่วมการสอบเข้าขุนนางครั้งนี้เล่าเพคะ เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นหรือไม่เพคะ?”
ฮ่องเต้ฉินโบกมือปัด
“เข้าจะใจร้อนไปไย ทำไมถึงไม่ให้โอกาสเจ้าสิบสี่บ้างล่ะ?”
“นี่...”
ฮองเฮาฉินซวงหลานโกรธมาก ส่งสัญญาณให้บรรดาขุนนางที่เป็นพวกนาง
เสนาบดีกรมอาญาคุกเข่าลงกราบทูล
“ฝ่าบาท องค์ชายสิบสี่ฉินเหยียนไม่มีความรู้ อ่านหนังสือไม่ได้ จะเป็นการยากที่จะเข้าร่วมการสอบได้อย่างสง่างาม ได้โปรดนำรับสั่งคืนมาเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
คนของฮองเฮาอีกคนคุกเข่าตามมา
“ได้โปรดฝ่าบาทนำรับสั่งคืนมาด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”
ในท้องพระโรง มีหลายฝ่ายและความสัมพันธ์ต่างสลับซับซ้อน
ไม่เพียงแต่ฮองเฮาเท่านั้นที่คัดค้าน บรรดาขุนนางทั้งหกกรม คนขององค์ชายใหญ่และองค์ชายสี่ ต่างก็คุกเข่าขอร้องให้ถอนคำสั่ง
“ได้โปรดฝ่าบาทนำรับสั่งคืนมาด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”
“เฮอะ!”
ฉินเหยียนยักไหล่อย่างไม่แยแส และพูดอย่างไม่สนใจว่า
“ในเมื่อทุกคนต่างดูถูกข้า เช่นนั้นข้าขอตัวกลับไปนอนก่อน”
เดิมทีฮ่องเต้ฉินเองก็ตกที่นั่งลำบากอยู่แล้ว เมื่อได้ยินฉินเหยียนพูดจาไร้สาระเช่นนี้ จึงมีความคิดต้องการหลอมเหล็กให้เป็นเหล็กกล้า
“บังอาจ ข้าสั่งให้เจ้าไปแล้วหรือ?”
ฉินเหยียนประสานมือไว้ที่หน้าอกและพูดออกมาว่า
“เสด็จพ่อ มิใช่ว่าลูกอยากจะออกไป แต่เสด็จพ่อเองก็เห็นแล้วว่าบรรดาพี่น้องไม่ต้อนรับข้า ข้าจะขอแยกอยู่คนเดียว ไม่คิดที่จะแข่งกับพวกเขา”
“เจ้าพูดว่าไม่คิดแข่งจึงไม่แข่ง แต่เข้าเป็นลูกชายของข้า พวกเขาจะมีผลต่อการตัดสินใจของข้าได้อย่างไร?”
ทันทีที่พูดจบ ฉินเหยียนรีบคุกเข่าลงและพูดด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
“เสด็จพ่อ ในที่สุดท่านก็ตัดสินใจแทนข้าแล้ว! ด้วยคำพูดของเสด็จพ่อ ข้าจะรอดูใครกล้ารังแกข้าอีก”
ทั้งท้องพระโรงตกอยู่ในความเงียบ
ทุกคนในใจต่างตกใจกันมาก
ให้ตายเถอะ องค์ชายสิบสี่ไม่เดินตามกฎ ให้เรื่องทั้งหมดตัดสินลงเช่นนี้หรือ?
ต้องพูดว่าการเคลื่อนไหวเช่นนี้สร้างความเสียหายได้มากเลยทีเดียว หากมีใครกล้าพูดอะไรออกไป คงจะทำให้ฮ่องเต้ขุ่นเคืองใจ จะเป็นการสร้างผลร้ายมากกว่าผลดี
คนที่โกรธมากที่สุดนั้นคือฮองเฮาฉินซวงหลาน อกของนางแทบจะระเบิดออกมา
เหตุใดก่อนหน้านี้ถึงไม่เคยรู้ว่าองค์ชายสิบสี่จะพูดจาเป็นเช่นนี้ คำนวณผิดไปมาก!
ความจริงแล้วฮ่องเต้ฉินเองก็เพิ่งจะรู้สึกได้เช่นว่าองค์ชายสิบสี่ในวันนี้แตกต่างไปจากเมื่อก่อน?
ทันทีที่เขาคิดเช่นนี้ เขาเห็นฉินเหยียนยืนขึ้นพร้อมรอยยิ้มขี้เล่น และประสานมือไว้ที่หน้าอกไปทางบรรดาขุนนางที่ตอนนี้สีหน้าเต็มไปด้วยความลำบากใจ
“ยอมรับสิ ยอมรับเลย!”
ยังเป็นเขาคนเดิม!
ยังเป็นเด็กที่ชอบเยาะเย้ยถากถางคนอื่นไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย
“แค่กๆ!”
ฮ่องเต้ฉินกระแอมสองครั้ง ขันทีพลันเข้าใจในทันที รีบประกาศออกไป
เขาหยิบหมากรุกออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ และวางพวกมันมันลงบนกระดานหมากรุกแบบสุ่มๆ
เมื่อเห็นภาพนี้ ในสายตาของคนอื่นต่างก็คิดว่าเขายอมแพ้แล้ว
ไม่ยอมแพ้ก็ไม่ได้น่ะสิ แม้แต่องค์ชายสี่ที่อ่อนแอมากที่สุดยังมีกรมกลาโหมบรรดานายพลมาช่วยแก้โจทย์นี้
องค์ชายสิบสี่จะสร้างคลื่นใหญ่ลมแรงได้อย่างไรในเมื่ออยู่ตัวคนเดียว?
ในขณะที่ผู้ชมทุกคนยังคงโต้เถียงกันว่าสามหรือสี่แถว ฉินเหยียนก็ยกมือขึ้นแล้วรายงานว่า
“ข้าเรียงเสร็จแล้ว”
ทั้งท้องพระโรงตกอยู่ในความเงียบไปครู่หนึ่ง ทุกคนพากันเหลือบมองเขาแล้วพูดคุยกันต่อ
ไม่มีใครเชื่อว่าเขาสามารถแก้คำตอบจากปัญหานี้ได้
คนเดียวที่อยากรู้คือจ้าวจือหย่า นางตั้งหน้าตั้งตารอคำตอบของฉินเหยียนอย่างกระตือรือร้น
ฮ่องเต้ที่มีความคิดต้องการหลอมเหล็กให้เป็นเหล็กกล้า ส่งสัญญาณให้ขันที ขันทีจึงเตือนว่า
“องค์ชายสิบสี่ ข้อนี้มีเวลาเท่ากับธูปหนึ่งเล่ม ท่านคิดให้ถี่ถ้วนเสียก่อน ไม่จำเป็นที่จะต้องรีบตอบเช่นนี้”
ฉินเหยียนกล่าวโดยไม่ใส่ใจ
“นี่คือคำตอบที่ดีที่สุดแล้ว พวกเจ้าไม่ต้องแข่งกันแล้ว”
ทันทีที่ประโยคนี้หลุดออกมา บรรดาขุนนางที่ไม่เชื่อว่าองค์ชายสิบสี่จะตอบคำถามได้ถูกต้องภายในระยะเวลาอันสั้นเพียงนี้
อย่างมากที่สุดก็สามารถตอบได้แค่ว่าเรียงหนึ่งแถวหรือสองแถว แม้แต่เด็กน้อยก็ยังตอบได้ ยังจะต้องให้เขาบอกอีกหรือ
ขันทีก้าวไปด้านหน้าอย่างช่วยไม่ได้ มองไปที่องค์ชายสิบสี่อย่างเคร่งขรึม
“คำตอบที่ดีที่สุดของท่านล่ะ ให้ข้าดูเสียหน่อย ยังพอมีเวลา ท่านคิดคำนวณอีกรอบยังได้”
“มีทั้งหมดสิบคน สี่คนยืนเรียงกัน จำนวนสูงสุดยืนเรียงกันได้ห้าแถว ไม่ต้องคิดแล้ว”
“ห้าแถว?”
ทุกคนต่างพากันอึ้งและประหลาดใจกับคำตอบขององค์ชายสี่
“ห้าแถว? เป็นไปได้อย่างไร? เขาต้องพูดซี้ซั้วแน่ๆ!”
“ไม่รู้ว่าพูดซี้ซั้วหรือไม่ ดูคำตอบก็รู้แล้ว”
ขันทีก้มลงมอง พูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง คุกเข่ารายงานอย่างตื่นเต้นว่า
“ฝ่าบาท องค์ชายสิบสี่สามารถเรียงได้ห้าแถวจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ!”
ฮ่องเต้ฉินตกใจเป็นอย่างมาก
“ขอเราดูหน่อย เขาเรียงออกมาเป็นอย่างไร!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...