ที่ฉินเหยียนไม่อยากจะเป็นฮ่องเต้ นั่นเพราะมีความกังวลมาตลอด เขาเป็นคนยุคปัจจุบัน รู้ประวัติศาสตร์ของหวังหมั่ง
เพราะหวังหมั่งได้สร้างระบบสมัยใหม่ขั้นสูงมากมายที่ไม่ได้อยู่ในยุคนั้น ดังนั้นจึงมีข่าวลือทางอินเทอร์เน็ตว่าหวังหมั่งคือคนยุคปัจจุบันที่ข้ามมิติไปยุคโบราณ
ในตอนที่ฉินเหยียนยังไม่ได้ข้ามมิติมา เขาก็ไม่เชื่อเรื่องไร้เหตุผลมากเช่นนี้ แต่เมื่อการข้ามมิติเกิดขึ้นกับตัวเขาเอง ในขณะที่ตกตะลึง ก็จำใจต้องยอมรับความจริง
จากมุมมองทางประวัติศาสตร์ ความล้มเหลวของหวังหมั่งเกิดขึ้นเพราะเขาละเลยรากฐานของการสถาปนาอาณาจักรไป ไม่ได้วางพื้นฐานชีวิตของเหล่าชาวเมืองไว้ดีพอ
สังคมโบราณแบ่งออกเป็นสามชนชั้น คือราชวงศ์เป็นชนชั้นสูง ตระกูลขุนนางที่ทรงอิทธิพลเป็นชนชั้นกลาง และชาวเมืองที่เป็นชั้นล่าง
เหตุผลที่หวังหมั่งล้มเหลวในตอนนั้นก็คือ เขายืนอยู่บนอำนาจสูงสุดของราชวงศ์ ก้าวข้ามชนชั้นกลางไป และดำเนินนโยบายสิทธิพิเศษสำหรับชนชั้นล่างเองตรงๆ การทำเช่นนี้ดูเหมือนทำเพื่อชาวเมือง แต่หวังหมั่งละเลยไปว่าผู้ดำเนินการล้วนเป็นชนชั้นกลาง คือตระกูลขุนนางผู้ทรงอิทธิพลจากแต่ละที่
การแบ่งที่ดินออกจากเจ้าของบ้านนั้นเป็นไปได้อยู่แล้ว แต่เจ้าบ้านต้องเอาตัวรอด ใช้บุญคุณนำพาเหล่าชาวเมืองที่โง่เขลาก่อกบฏ หวังหมั่งผู้สูงศักดิ์ไม่สามารถดูแลเองได้โดยตรงอยู่แล้ว
ดังนั้นฉินเหยียนไม่อยากจะครองบัลลังก์ แต่จะทำการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชนชั้นกลางก่อน แล้วจึงบูรณาการเข้ากับผู้คนในชนชั้นล่าง
เมื่อทำให้ชาวเมืองมีการคชนึกคิดที่ดีขึ้นได้ เปลี่ยนคนที่ซื่อสัตย์ต่อฉินเหยียนในชนชั้นกลาง เมื่อสามารถเข้าใจนโยบายที่เขาดำเนินการแล้ว เหล่าชาวเมืองจึงจะเคารพรักเขา สนับสนุนเขา เป็นที่รักของเหล่าชาวเมือง และมีใจที่สามัคคีกัน
ดังนั้น การจะได้เป็นฮ่องเต้รึไม่นั้น ไม่มีความจำเป็นเลย อีกทั้งความทะเยอทะยานของฉินเหยียนไม่ได้มีเท่านี้ ในเมื่อให้โอกาสการข้ามมิติแก่เขาแล้ว ให้เขาได้เข้ามาสู่ชีวิตเกมโบราณ เขาไม่มีทางคร่ำครึอยู่กับพื้นที่เพียงที่เดียวหรอกนะ โลกนั้นกว้างใหญ่ ทั้งยังมียุโรป แอฟริกา อเมริกา ฯลฯ เหตุใดจึงต้องอยู่แต่กับที่เล็กๆอย่างการเป็นฮ่องเต้ด้วย
แน่นอนว่าจ้าวจีเอ๋อร์ไม่สามารถเข้าใจความคิดที่ยิ่งใหญ่ของฉินเหยียนได้ จึงได้เปลี่ยนเรื่องไปว่า
“หม่อมฉันไม่อาจเข้าใจความคิดของท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันช่วยท่านชำระกายเปลี่ยนเสื้อผ้าจะดีกว่าเพคะ”
ฉินเหยียนยืนขึ้น น้ำเสียงของเขามีความหนักอึ้งเล็กน้อย “เจ้าน่ะ ยังต้องศึกษาอีกเยอะเชียวละ”
......
เมื่อฮ่องเต้ฉินกลับมาถึงตำหนักหย่างซินแล้ว สีหน้าของเขาก็หนักอึ้งอยู่ตลอด
เขานั่งอยู่บนบัลลังก์ ในหัวเอาแต่คิดถึงคำพูดอันสะเทือนหูของเจ้าสิบสี่ การเป็นฮ่องเต้นั้นถึงแม้ว่าจะมีอำนาจอยู่เหนือผู้คนทั้งปวง แต่อุปสรรคที่ขัดขวางเขา และทำให้เขาหวาดกลัววิตกกังวลจริงๆ
เจ้าสิบสี่นั้นยังสามารถเลือกได้ แต่เขาอยู่บนบัลลังก์นี้ ต้องคอยพยุงอาณาจักรฉินต่อไป ขณะนี้สงครามตึงเครียด แต่กองทัพอาณาจักรฉินกลับพ่ายแพ้ติดต่อกัน หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ เกรงว่าอาณาจักรฉินคงล้มลงก่อนที่อวิ๋นเฉิงจะบุกโจมตีเสียอีก
เมื่อคิดเช่นนั้น ฮ่องเต้ฉินก็เถียงกับตนเองอยู่นาน สุดท้ายก็ตัดสินใจให้เจ้าสิบสี่ไปคอยบัญชาการที่แนวหน้า และสั่งให้ขันทีเกาไปส่งพระราชโองการที่จงเหรินฝู่ด้วยตนเอง
......
จงเหรินฝู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...
หายไปนานเลยนะครับ..ถ้ามาลงให้ได้อ่านต่อจะขอบพระคุณมากครับกำลังสนุก...
ซื้ออ่านยังไงได้ครับ...
ขอบคุณที่ลงเพิ่มครับ เรื่องนี้สนุกครับ...
ขอบคุณที่มาต่อให้ได้อ่านนะครับขอบุคุณมากๆสนุกดี...
จาก 438 เริ่มขยับแล้วววว 😁😁😁...