องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 54

"ขโมยอะไร เห็นอยู่ว่าเป็นดาบที่เสด็จพ่อพระราชทานให้ข้า!"

ฉินเหยียนดูพึงพอใจและคุยโวอย่างไม่หยุดหย่อน

"เหลวไหล ดาบชื่อเซียวเป็นสัญลักษณ์ของฮ่องเต้แห่งต้าฉิน เสด็จพ่อจะพระราชทานให้เจ้าได้อย่างไร?"

ฉินเหยียนเกาหูของเขาอย่างรำคาญและกล่าวอย่างเหยียดหยามว่า

"เอาล่ะ เอาล่ะ หากท่านไม่ยอมจะไปถามเสด็จพ่อดูย่อมได้ ข้ายังมีกิจธุระต้องทำ ไม่มีเวลามาพูดเรื่องไร้สาระกับท่าน ข้าจะเอากองทัพส่วนตัวของท่านไปล่ะ!"

"ข้าหรือ?"

องค์ชายแปดฉินอู่มิอาจตอบโต้ไปชั่วครู่

“ฉินเหยียน อย่าให้มากเกินไปนัก กองทัพส่วนตัวล้วนเป็นคนสนิทของข้า เจ้าคิดจะเอาไปก็เอาไปหรือ ข้าจะดูซิว่าใครจะกล้าไปกับเจ้า!"

ฉินเหยียนพูดอย่างหยิ่งผยองยิ่งขึ้น

"หากไม่ไปกับข้า นั่นคือการฝ่าฝืนคำสั่ง!"

พลางหันศีรษะไปทางกองทัพส่วนตัวและกล่าวว่า

"หากอยากมีชีวิตรอดก็ตามข้ามา แต่หากอยากตายก็จงอยู่ที่นี่!"

สายตาของเหล่าทหารของกองทัพส่วนตัวเต็มไปด้วยความตกใจ

ช่างดีจริงๆ เทพเจ้าต่อสู้กันแต่ผีน้อยต้องมารับเคราะห์ จะทำอย่างไรดี?

จริงอยู่ที่พวกเขาเป็นทหารส่วนตัวขององค์ชายแปดฉินอู่ ทว่าองค์ชายสิบสี่มีดาบชื่อเซียวอยู่ในมือ

แล้วจะทำอย่างไรได้ ล่วงเกินผู้ใดล้วนแต่เป็นการล่วงเกินทั้งนั้น!

เหล่าทหารต่างก็รู้สึกปวดหัว

ฉินอู่รู้สึกอิจฉาริษยาจึงคำรามขึ้นมาว่า

"ไม่ต้องฟังเขา เขาเป็นคนทรยศ ขโมยดาบชื่อเซียวของเสด็จพ่อ และวางแผนก่อความวุ่นวาย หากไปกับเขามีโทษถึงตาย!"

ฉินเหยียนกล่าวด้วยใบหน้าที่สง่างามว่า

"หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว วันนี้เสด็จพ่อยังพระราชทานตำแหน่งแก่ข้าอีกด้วย ข้ายังรอที่จะนำทัพเข้ารับตำแหน่งอยู่"

ในขณะที่พูดเขาก็จงใจหยิบดาบชื่อเซียวขึ้นมากวัดแกว่ง

"สายมากแล้ว ผู้ที่ไม่ไปกับข้าก็ฆ่าเสียตรงนี้!"

ภายใต้การใช้อำนาจในทางมิชอบของฉินเหยียน ทันทีที่คำกล่าวนี้ออกมาเหล่าทหารกองทัพส่วนตัวจึงได้แต่จนใจแต่ละคนล้วนหมดอาลัยตายอยาก

ดาบชื่อเซียวนั้นเป็นดาบของฮ่องเต้ฉิน เมื่อเห็นดาบก็เท่ากับการเข้าเฝ้าฝ่าบาท หากกล้าฝ่าฝืนคำสั่งนั่นก็คือการไม่เชื่อฟังพระองค์ท่าน จะต้องถูกตัดศีรษะทันที หากร้ายแรงขึ้นไปอีกสักนิด อาจจะประหารเก้าชั่วโคตรก็เป็นได้!

หลังจากพัวพันครั้งแล้วครั้งเล่า กองทัพส่วนตัวต่างก็เลือกที่จะติดตามฉินเหยียน

องค์ชายแปดฉินอู่ตะโกนด้วยความโกรธว่า

"ไม่มีคำสั่งของข้า ข้าจะดูซิว่าใครกล้าขยับ!"

ฉินเหยียนกดดันอีกครั้งและกล่าวอย่างไม่พอใจว่า

"ทำไม พวกเจ้าคิดจะขัดราชโองการหรือ?"

"พวกเจ้าเห็นอยู่แล้วนะว่าชื่อเซียวอยู่ในมือของข้า แม้จะเป็นองค์ชายแปดหากข้าคิดจะสังหารก็ย่อมได้!"

"ฉินเหยียน เจ้ากล้าสังหารข้าหรือ!"

"ฟิ้ว"

ดาบชี้ไปที่ฉินอู่

"เสด็จพี่แปด แค่กองทัพส่วนตัวเท่านั้น อย่าใจแคบนักเลย จะบีบบังคับให้ข้าสังหารพี่น้องก็คงไม่ดีกระมัง"

ฉินอู่ตระหนกทันที ร่างกายของเขาสั่นเทาและไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว

เมื่อได้ยินคำพูดนี้เหล่าทหารทั้งหมดต่างก็ยืนอยู่เบื้องหน้าฉินเหยียนและกล่าวพร้อมกันว่า

"รับฟังคำสั่งของอ๋องเหยียนพะยะค่ะ!"

ฉินเหยียนโบกมือและกล่าวว่า

"ไปกับข้า มีเนื้อกิน ไป!"

องค์ชายแปดฉินอู่โกรธมากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้!

"ฉินเหยียนเจ้ากล้าต่อสู้กับข้าไหม พวกเราต่อสู้กันอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา หากเจ้าชนะข้า เจ้าก็เอาคนของข้าไป!"

"หากเจ้าแพ้ก็มอบดาบชื่อเซียวให้ข้า!"

สีหน้าของทหารแต่ละคนหนักอึ้งและเหงื่อเย็นๆก็ไหลรินลงมาที่หลัง

องค์ชายทั้งสองนี้ทะเลาะกันเพราะแย่งชิงพวกเขา หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา และฮ่องเต้ฉินโกรธพวกเขา ถึงเวลานั้นจะมีกี่หัวให้ตัดก็ไม่พอ

ฉินเหยียนไม่อยากต่อสู้กับองค์ชายแปดผู้ไม่มีความรับผิดชอบผู้นี้ อย่างไรเสียแม้จะต่อสู้กับเขาก็ไม่อาจสังหารเขาได้ น่าเบื่อจริงๆ

นอกจากนี้เวลานี้เขามีดาบอยู่ข้างกายแล้ว ผู้ใดก็มิอาจหยุดเขาได้ ดังนั้นจึงแกว่งดาบชื่อเซียวไปข้างหน้า

"เสด็จพี่แปด นี่เป็นดาบชื่อเซียวของเสด็จพ่อเชียวนะ หากท่านต่อสู้กับข้านั่นก็เท่ากับไม่เคารพเสด็จพ่อ ท่านกล้าลองไหมเล่า?"

"เจ้า!"

องค์ชายแปด ฉินอู่โมโหจนดาบในมือสั่นแต่กลับไม่กล้าลงมือ

จึงกัดฟันและพูดว่า

"เจ้าพาพวกเขาไปก็ไม่มีประโยชน์ พวกเขาล้วนเป็นคนของข้าไม่ฟังคำสั่งของเจ้าหรอก"

ฉินเหยียนยิ้มเล็กน้อยและกวาดตามองกองทัพส่วนตัวด้วยแววตาที่ดุร้าย

"ผู้ใดกล้าไม่ฟังคำสั่ง ข้าจะสังหารผู้นั้น"

พลางยกดาบชื่อเซียวขึ้นและสุ่มชี้ไปที่คนผู้หนึ่งแล้วถามว่า

"เจ้ากล้าไม่ฟังคำสั่งหรือ?"

คนผู้นั้นสะดุ้งและส่ายศีรษะระรัวด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวพลางตอบว่า

"กระหม่อมมิกล้า กระหม่อมมิกล้าพะยะค่ะ!"

ฉินเหยียนชี้ไปที่อีกคนแล้วถามว่า

"เจ้ากล้าไม่ฟังคำสั่งหรือ?"

การกระทำของคนผู้นั้นเหมือนกันทุกประการ เขาตอบกลับอย่างรวดเร็วว่า

"มิกล้าๆ กระหม่อมจะฟังคำสั่งอย่างแน่นอนพะยะค่ะ!"

"หรือว่าเจ้ากล้าไม่เชื่อฟัง?"

"มิกล้าๆ! กระหม่อมมิกล้าพะยะค่ะ!"

ไม่ว่าฉินเหยียนจะเดินไปที่ใดก็ไม่มีใครกล้าเงยหน้าขึ้น พวกเขาต่างสวดภาวนาในใจด้วยเกรงว่าเทพสังหารผู้นี้จะถาม มาถึงตน

ผู้ที่ไม่ถูกถามล้วนมีความรู้สึกเหมือนเป็นผู้รอดชีวิตอย่างอธิบายไม่ถูก

ฉินเหยียนพนักหน้าด้วยความพึงพอใจ จากนั้นมองไปที่องค์ชายแปด ฉินอู่และกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า

"เสด็จพี่แปด ทหารที่ท่านฝึกมานี่ดีจริงๆ ล้วนเชื่อฟังคำสั่ง ข้ายังมีกิจธุระต้องทำ เช่นนั้นข้าจะพาไปทั้งหมดนี่ล่ะ!"

"ไปได้!"

ฉินเหยียนเดินนำทางอยู่เบื้องหน้า ส่วนกองทัพองครักษ์ตระกูลซือติดตามเขาอยู่ด้านหลัง

องค์ชายแปด ฉินอู่โกรธจัดจนกัดฟันแทบจะแตก

จะขวางก็ไม่ได้ จะห้ามก็ไม่ได้ ได้แต่มองทหารที่เขาฝึกมาอย่างยากลำบากประเคนไปให้เศษสวะอย่างเจ้าสิบสี่เช่นนี้ เขาไม่ยอม!

สองมือกำแน่นและจ้องมองร่างที่เดินจากไปด้วยดวงตาที่แทบแหลกสลาย ก่อนที่จะหายลับไปเขายังได้ยินฉินเหยียนตะโกนว่า

"ขอบพระทัยเสด็จพี่แปดพะยะค่ะ!"

นี่คือฟางเส้นสุดท้าย

ดวงตาของฉินอู่กำลังจะระเบิด และเขาก็คำรามว่า

"ฉินเหยียน เจ้าคอยดูนะ บัญชีนี้ข้าต้องให้เจ้าชดใช้เป็นสองเท่า!"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์