เมืองเปี้ยนจิง อาณาจักรจ้าว
ในเมืองหลวง แม้ว่าสถานการณ์โดยรวมจะยังดูปกติ แต่หลังจากการเปลี่ยนอำนาจ ในราชสำนักได้เกิดการเปลี่ยนสายเลือดครั้งใหญ่ ภายในตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย
ทั้งอาณาจักรจ้าวในทุกวันนี้ เรื่องแลกคือเรื่องความขัดแย้งในราชสำนัก เรื่องที่สองคือการแบ่งแยกดินแดน เรื่องที่สามคือโรคระบาด เรื่องที่สี่คือความอดอยาก ทุกเรื่องที่กล่าวมาทำให้เจ้าหน้าที่รัฐตกอยู่ในความลำบาก
ทุกคนรวมไปถึงนายพลสือและผู้ช่วยของเขา ทุกคนต่างมีภาระอันใหญ่หลวง
จักรพรรดินีจ้าวจีเอ๋อร์อ่านสาห์นรายงานสถานการณ์ในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นจำนวนผู้เสียชีวิตหรือจำนวนผู้บาดเจ็บจากโรคระบาด หรือจำนวนผู้ก่อกบฏ
ประชาชนในเมืองอาศัยอยู่อย่างยากลำบาก ทั้งไร้บ้านและอดอยาก
แม้ว่านางจะรู้ว่าเศรษฐกิจในอาณาจักรจ้าวนั้นตกต่ำลงอย่างมากหลังสงคราม พื้นที่ดินแห้งแล้ง แต่นางไม่มีทางเปลี่ยนสถานการณ์เหล่านี้ให้ดีขึ้นได้ ทำได้แต่นั่งกังวล
ในตอนกลางวัน นางต้องแสร้งทำเป็นจะกรพรรดินีที่สูงศักดิ์ ชี้แนะและรับฟังเรื่องการบริหารบ้านเมือง
แต่เมื่อนางอยู่คนเดียวในวังตอนกลางคืน ความเหนื่อยล้าไร้พลัง ทำให้นางรู้สึกเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ อีกทั้งยังนอนไม่หลับ
ตั้งแต่จักรพรรดินีหญิงขึ้นครองบัลลังก์ นางไม่เคยนอนหลับสบายเลยสักคืน และวงจรนี้ก็วนซ้ำไปซ้ำมา หากฉินเหยียนยังไม่กลับมา นางรู้สึกว่านางคงทนไม่ไหวอีกต่อไป
...
เช้านี้
จ้าวจีเอ๋อร์นั่งอย่างสง่างามอยู่หลังม่าน ขุนนางฝั่งบู๊ฝั่งบุ๋นต่างเข้ามารายงานสถานการณ์ในแต่ละวันตามปกติ
เสนาบดีกรมกลาโหมก้าวไปข้างหน้า ประสานมือขึ้นรายงานว่า
“ฝ่าบาท ขณะมีกบฏอยู่นอกเมืองเปี้ยนจิงจำนวนมาก กองทัพทหารไม่สามารถยับยั้งพวกมันได้ พวกโจรป่าเหล่านั้นเหมือนต้นหอมที่ฟันแล้วก็ขึ้นมาใหม่อย่างรวดเร็วพ่ะย่ะค่ะ!”
เสนาบดีกรมมหาดไทยยกมือขึ้นประสานเพื่อรายงานว่า
“ฝ่าบาท โรคระบาดกำลังแพร่กระจายไปทั่วเมือง ความอดอยากก็กระจายไปทั่วทุกหนแห่ง หากราชสำนักยังไม่หารือเกี่ยวกับมาตรการการบรรเทาทุกข์ ข้าเกรงว่าอาณาจักรของเราคงไม่อาจอยู่รอดต่อไปได้อีกไม่นานพ่ะย่ะค่ะ!”
จ้าวจีเอ๋อร์ยิ่งฟังยิ่งปวดหัว นางกุมหน้าผากเป็นเวลานาน แล้วถามออกมาว่า
“ทูตอาณาจักรฉินที่มายังอาณาจักรจ้าว ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ใด?”
ในท้องพระโรง ที่นำโดยสือเหล่ยยังคงส่ายหน้า ไม่ตอบคำถาม
เนื่องจากเกิดปัญหาไปทั่วทั้งอาณาจักร พวกเขานั้นยุ่งแทบไม่มีเวลาพัก อีกทั้งยังไม่ได้รับข่าวสารใดๆ จากอ๋องเหยียน พวกเขาไม่รู้ว่าตอนนี้อ๋องเหยียนอยู่ที่ใด
สือเหล่ยนับวันด้วยนิ้วของเขา และรายงานด้วยสีหน้าไม่สู้ดีว่า
“ฝ่าบาท หากยึดตามกำหนดการของอ๋องเหยียนก่อนหน้านี้ พวกเขาจะต้องมาถึงเมืองหลวงเมื่อครึ่งเดือนก่อนพ่ะย่ะค่ะ แต่ตอนนี้พวกเขายังมาไม่ถึง กระหม่อมไม่รู้ว่าเกิดเหตุอันใดทำให้กำหนดการล่าช้าหรือไม่”
เมื่อขุนนางคนสำคัญแห่งอาณาจักรจ้าวได้ยินคำว่าฉิน พวกเขารู้สึกโกรธและไม่พอใจขึ้นมาทันที
“ฝ่าบาท ชาวฉินไม่น่าไว้ใจ พวกเราไปเก็บเสบียงอาหารมาจากประชาชนแทนเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”
สือเหล่ยมองกลับด้วยสายตาไม่พอใจและพูดอย่างเย็นชาว่า
“การเก็บเสบียงอาหารจากประชาชน ไม่ได้หมายความว่าเจ้าทำไปเพื่อเอาตัวรอดไปวันๆ หรอกหรือ นี่คือวิธีการแก้ปัญหาของพวกเจ้าอย่างนั้นหรือ?”
ขุนนางสำคัญของอาณาจักรจ้าวลูบเคราและจ้องมองเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...
หายไปนานเลยนะครับ..ถ้ามาลงให้ได้อ่านต่อจะขอบพระคุณมากครับกำลังสนุก...
ซื้ออ่านยังไงได้ครับ...
ขอบคุณที่ลงเพิ่มครับ เรื่องนี้สนุกครับ...
ขอบคุณที่มาต่อให้ได้อ่านนะครับขอบุคุณมากๆสนุกดี...
จาก 438 เริ่มขยับแล้วววว 😁😁😁...