หมู่บ้านซิ่งฮวา
อ๋องเหยียนตัวปลอมนำทางพวกฉินเหยียนจนมาเจอฮ่องเต้ฉินที่ใช้ชีวิตอย่างหรูหรา
องครักษ์คนอื่นรออยู่ข้างนอกตำหนัก อ๋องเหยียนตัวปลอมพาองค์ชายทั้งสามไปถึงหน้าประตูวังแล้วพูดว่า
“องค์ชาย ฝ่าบาททรงอยู่ด้านใน แต่บางครั้งฝ่าบาทอาจจะมีอาการหลงลืมพวกท่านไปบ้าง ดังนั้นพระองค์อย่าทรงเสียใจไปเลยพ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากพูดเช่นนั้น เขายืนเฝ้าที่ประตู องค์ชายทั้งสามมองหน้ากัน จากนั้นเปิดประตูแล้วเดินเข้าไปในบ้าน
พวกเขาทั้งสามเดินเข้าไปหาฮ่องเต้ฉินที่นอนอยู่บนเตียง ชายตรงหน้าที่ครั้งหนึ่งเคยปกครองทั้งอาณาจักร ชายที่มีราศีของฮ่องเต้ แต่ในวันนี้ ใบหน้าครึ่งซีกเคลื่อนไหวได้เล็กน้อย หลับตาไม่สนิท ปากเบี้ยว เป็นโรคความจำเสื่อมนอนเป็นอัมพาตอยู่บนเตียง ไม่มีราศีแห่งความเป็นฮ่องเต้อีกต่อไป
จู่ๆ ทั้งสามพลันรู้สึกผิด เพื่ออาณาจักรตลอดหลายปีที่ผ่านมา พวกเขาไม่รู้เลยว่าเสด็จพ่อจะป่วยหนักเช่นนี้
“เสด็จพ่อ! ลูกผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
ประโยคนี้ทำให้ฮ่องเต้ฉินที่หลงอยู่ในความสับสนมานานหลายปี ได้สติขึ้นมา
ดวงตาหมองคล้ำ แววตามีประกายเล็กน้อยของเขามองตามไปที่ฉินชง ฉินอวี่ จากนั้นไปที่ฉินเหยียน
เขาเอ่ยชื่อออกมาอย่างลำบาก
“ชงเอ๋อร์ อวี่เอ๋อร์ เหยียนเอ๋อร์ พวกเจ้ากลับมาแล้ว”
เมื่อได้ยินเสด็จพ่อเรียกชื่อของตน พวกเขาถึงกับหลังน้ำตาออกมา
“เสด็จพ่อ พวกลูกมาสายเกินไป ทำให้ท่านต้องทุกข์ใจเช่นนี้!”
ในขณะนี้ฮ่องเต้ฉินแสดงสีหน้าที่ไม่อาจอ่านได้ ยกมือขึ้นและโบกมือเรียกฉินเหยียนให้เข้าไปหา
“เหยียนเอ๋อร์ มาหาพ่อ พ่อมีเรื่องจะถามเจ้า”
ฉินเหยียนรีบเดินเข้าไปหาทันที จับมือฮ่องเต้ฉินเอาไว้
“เสด็จพ่อค่อยๆ พูดเถิด”
ฮ่องเต้ฉินมองไปที่ฉินชงและฉินอวี่ แล้วพูดว่า
“ชงเอ๋อร์ อวี่เอ๋อร์ พวกเจ้าสองคนออกไปข้างนอกก่อน พ่ออยากคุยกับน้องสิบสี่ของพวกเจ้าเพียงลำพัง”
“พ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากที่ทั้งสองคนคุกเข่าลงแล้ว พวกเขาก็ลุกขึ้นและเดินออกไป
ในเวลานี้เหลือเพียงฉินเหยียนและฮ่องเต้ฉินที่อยู่ด้วยกันเพียงลำพัง
สายตาของฮ่องเต้ฉินจ้องตรงไปที่ฉินเหยียนแล้วถามออกไปว่า
“เจ้าเป็นใครกันแน่?”
เมื่อฉินเหยียนได้ยินเช่นนั้น เขาพลันหัวใจเต้นแรง
เขาลองถามออกไปว่า
“เสด็จพ่อหมายความว่าอย่างไร ลูกคือเหยียนเอ๋อร์พ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ฉินพูดอย่างหนักแน่นว่า
“เจ้าหลอกเราไม่ได้หรอก ลูกชายของเราไม่ว่าจะเก่งแค่ไหนก็ตาม เขาไม่มีทางควบรวมทุกอาณาจักรในจิ่วโจวได้”
“ความสามารถเจ้าไม่อาจมีใครเทียบได้ เจ้าเป็นเทพเจ้าอย่างนั้นหรือ?”
ฉินเหยียนอึ้งกับคำถาม แม้ว่าเขาไม่ใช่พระเจ้า แต่เรื่องที่เขาข้ามทะลุมิติ วิญญาณมาอยู่ในร่างนี้ก็เป็นเรื่องที่เขางุนงงเช่นกัน เขาพยายามอธิบาย
“ข้ามิใช่พระเจ้าพ่ะย่ะค่ะ อีกทั้งการที่ข้าได้มาอยู่ในโลกนี้ ทำให้ข้าแปลกใจมากเช่นกัน”
สายตาของฮ่องเต้ฉินแสดงความสับสน
“เช่นนั้นเจ้ามาจากที่ใด?”
ฉินเหยียนพูดอย่างจริงจัง
“ข้ามาจากโลกอนาคตพ่ะย่ะค่ะ”
“โลกอนาคตหรือ?”
ฉินเหยียนนึกย้อนกลับไปยังศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด เขาพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า
“โลกในยุคนั้นได้รับการพัฒนา มีความเจริญรุ่งเรืองกว่าเมืองเซียนตูหลายร้อยพันเท่า”
“อาคารสูงที่สามารถมองเห็นได้ทุกที่ มีรถยนต์ทุกประเภทวิ่งแล่นบนถนน มีเรือที่ใหญ่กว่าบ้านลอยอยู่ในทะเล เครื่องบินที่สามารถบรรทุกผู้โดยสารบินขึ้นสู้ท้องฟ้าได้”
“อีกทั้งยังมีสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เช่น โทรศัพท์มือถือ ที่ประชาชนใช้กัน แม้ว่าจะอยู่ในพื้นที่ห่างไกล ก็สามารถวีดีโอคอลโทรหากันได้”
“นอกจากนี้ในโลกนั้นไม่มีการปกครองระบอบกษัตริย์ ชายหญิงเท่าเทียมกัน ทุกคนในประเทศล้วนมีสิทธิเสรีภาพเป็นของตนเอง”
“กล่าวโดยสรุปคือ ทุกสิ่งในโลกนั้นไกลเกินกว่าที่ท่านจะจินตนาการได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...