อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส นิยาย บท 126

เซียวหลันยวนไม่ได้พาฟู่จาวหนิงไปที่โถงใหญ่ด้านหน้า แต่พานางมายังห้องอุ่น ด้านนอกมีต้นแปะก๊วยสูงใหญ่อยู่ต้นหนึ่ง ช่วงนี้ใบแปะก๊วยดกหนา มีเพียงด้านเดียวที่มีสีเขียวแซมเหลือง

ถึงตอนนั้นถ้าหากทั้งต้นเปลี่ยนเป็นสีเหลือง พอขับเด่นกับห้องอุ่นที่เป็นกระเบื้องแดงละเขียว ก็ไม่รู้ว่าจะงดงามขนาดไหน

แต่ว่าเวลานี้ฟู่จาวหนิงก็ไม่มีกะจิตกะใจมาชื่นชมความงาม

นางมองเซียวหลันยวนที่นั่งอยู่ตรงข้าม ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

หลังจากนั่งลงก็ให้นางตรวจอาการแบบไม่รีบไม่ร้อน และก็ถามนางว่าทำไมจึงต้องไปตั้งแผง

"แน่นอนว่าเพื่อเลี้ยงชีพน่ะสิ ยังจะมีเรื่องอะไรได้อีก?"

"ท่านหมอหนิงแค่ไปรับป้ายอนุญาตหมอมาชิ้นหนึ่งจากโรงหมอเมตตาก็พอนี่ แค่ถือป้ายอนุญาตหมอก็สามารถไปเป็นหมอในโรงหมอต่างๆ ได้แล้ว ในแคว้นเจา ตัวตนฐานะของหมอก็สูงส่ง ท่านหมอหนิงไม่รู้หรอกหรือ?"

โรงหมอเมตตา?

ป้ายอนุญาตหมอ?

นางไม่รู้เลยจริงๆ!

หรือว่าสิ่งเหล่านี้คือเรื่องที่ทุกคนควรรู้?

"โรงหมอเมตตาทุกปีจะมีการทดสอบวิชาแพทย์ ทุกปีจะมีสามด่าน หลังจากสอบผ่านผลลัพธ์ก็จะแบ่งเป็นสามระดับ แบ่งเป็นป้ายตราสีม่วงแดงเขียว ระดับของป้ายอนุญาตหมอสามชนิดนี้ล้วนสูงกว่าป้ายไม้ธรรมดาทั่วไป ถ้าหากสามารถได้ป้ายสีม่วงมา จะไปที่ไหนก็ล้วนได้รับการยอมรับเป็นแขกทรงเกียรติเลยทีเดียว"

เซียวหลันยวนพูดเรื่องนี้กับฟู่จาวหนิง มองๆ นาง เห็นได้ชัดว่าไม่รู้อะไรเลยแม้แต่น้อย

ถ้าหากนางเป็นหมอที่อายุมากขนาดนี้จริง แล้วทำไมจึงไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ได้กัน?

"เช่นเดียวกับหมอเทวดาหลี่ เขาก็ถือป้ายตราสีม่วงอยู่"

ฟู่จาวหนิงพอได้ยินก็ลืมความโกรธเคืองที่เห็นจินเสวี่ยไปเมื่อครู่ ถึงอย่างไร ความแค้นส่วนตัวโยนไปข้างๆ ก่อน เรื่องเหล่านี้สำหรับนางแล้วมีประโยชน์มาก นางจึงฟังเอาไว้

"ป้ายสีม่วงคือสูงสุดแล้วหรือ? นั่นก็ไม่ใช่บอกว่าหมอเทวดาหลี่คือไร้เทียมทานแล้วหรือไร?"

"แน่นอนว่าไม่ใช่ โรงหมอเมตตาเป็นของแคว้นเจา แต่ว่า ก็เหมือนกับพันธมิตรโอสถใต้หล้า อันที่จริงแคว้นอื่นๆ ก็ยังเลือกคนที่ได้รับความเคารพสูงส่ง สร้างสมาคมหมอใหญ่ขึ้นมาแห่งหนึ่ง สมาคมหมอใหญ่ต่างหากจึงจะรวบรวมหมอมีชื่อเสียงที่แท้จริง ป้ายสีม่วง ก็แค่การเคาะประตูเพื่อเข้าสู่สมาคมหมอใหญ่เท่านั้น"

ซี๊ด ยังมีแบบนี้อีกหรือ?

เซียวหลันยวนมองนาง "สมาคมหมอใหญ่ก็มีการทดสอบวิชาแพทย์เช่นกัน ทุกๆ สองปีพวกเขาจะรวบรวมคนป่วยที่มีโรคที่รักษายาก ถ้าหากผ่านการยอมรับจากผู้ป่วยแล้ว ก็จะกลายเป็นหนึ่งขั้นตอนการทดสอบ หมอที่ผ่านไปได้ ก็จะได้รับป้ายอนุญาตหมอสีทอง พอมีป้ายอนุญาตหมอสีทอง ทุกปียังได้รับเงินเดือนหมอจากสมาคมหมอใหญ่ด้วยนะ"

มีเงินเดือนหมอให้ด้วยหรือ?

ฟู่จาวหนิงตาเป็นประกาย "เงินเดือนหมอนี่เท่าไรหรือ?"

"ว่ากันว่า จะมอบให้ตามรายรับประจำปีของสมาคมหมอใหญ่ หนึ่งปีสามร้อยตำลึงจนถึงหนึ่งพันตำลึง"

ถ้าหากเป็นคนธรรมดา หนึ่งปีสามร้อยตำลึงก็แก้ปัญหาเรื่องเสื้อผ้าปากท้องได้แล้ว

แต่ว่า คนที่จะได้ป้ายอนุญาตหมอสีทองมาดันไม่ใช่คนธรรมดานี่สิ

"พอถึงตอนนั้น สมาคมหมอใหญ่บางครั้งจะมีภารกิจบางส่วน ถ้ารับภารกิจได้ ก็จะได้รับเงินอีกด้วย นั่นต่างหากถึงจะเป็นก้อนใหญ่ เคยมีหมอจากสมาคมหมอใหญ่คนหนึ่งรักษาอาการป่วยซ่อนเร้นของพระมเหสีจากราชวงศ์หนึ่งมา ได้รับเงินถึงหนึ่งแสนตำลึง ทองคำเสียด้วย"

เป็นไปตามคาด พอพูดถึงจุดนี้เขาก็เห็นดวงตาของ "หมอชราตัวน้อย" คนนี้เปล่งประกาย

ขาดเงินขนาดนั้นเลยหรือ? แต่ว่าพอคิดถึงสถานการณ์ตอนนี้ของบ้านตระกูลฟู่ เขาก็รู้สึกว่าปกติอยู่

"ทำไมพอได้ยินว่าจะได้ทองคำก้อนเงิน ท่านหมอหนิงจึงตื่นเต้นเช่นนี้กัน? คนเป็นหมอ ไม่ใช่ว่าควรมีภารกิจเพื่อช่วยชีวิตประคับประคองผู้บาดเจ็บ แล้วในจิตใจไม่ละโมบต่อเงินทองหรือไรกัน?" เซียวหลันยวนจงใจเอ่ยถามขึ้น

ฟู่จาวหนิงลูบคิ้วขาว ถอนหายใจ

"ถ้าว่าตามหลักการมันก็ใช่ แต่เหล่าผู้ดีก็เรียกร้องต่อคนเป็นหมอสูงเสียเหลือเกินมิใช่หรือ? พวกท่านรู้ไหมว่าหมอคนหนึ่งจะเรียนรู้ให้สำเร็จ จำเป็นต้องจ่ายเงินทองกับเวลาออกไปมากเท่าไร? ยิ่งไปกว่านั้นหมอเองก็เป็นคน มีพ่อมีแม่มีลูก พวกเขาก็ล้วนต้องดื่มต้องกินต้องใช้ชีวิต ถ้าหากหมอทุกคนเอาแต่สนใจช่วยชีวิตประคับประคองคนเจ็บกัดหมด แล้วคนในบ้านจะทำอย่างไรกัน?"

"แล้วก็ วัตถุดิบยาบางส่วน ถ้าไม่มีเงินระดับหนึ่งก็ไม่มีทางหามาได้ บางครั้งการผ่าตัดหนึ่งครั้ง ข้าหมายถึงการยืดชีวิตครั้งหนึ่ง อาจจะกินเวลายาวนานหลายชั่วยาม คนเป็นหมอก็ยังต้องอดต้องทน ตนเองสุดท้ายก็ยังต้องดูแลสุขภาพมิใช่หรือ ต้องพักผ่อนให้ดิบดีมิใช่หรือ? สิ่งเหล่านี้ล้วนต้องมีเงินทองมาเป็นพื้นฐานทั้งสิ้น"

"ท่านอ๋อง ชามาแล้วเจ้าค่ะ"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส