ตอนที่ 11 พี่น่า
เวลาหนึ่งทุ่มเพิ่งผ่านไป ลู่เฉินรีบมาให้ถึงบาร์เดย์ลิลลี่ก่อนเวลา
เขาไม่ลืมบทเรียนจากค่ำคืนวาน บวกกับการได้หยุดพักผ่อนในช่วงเช้า เขาจึงรีบนั่งรถไฟใต้ดิน ก่อนช่วงเวลาคนเลิกงานไปทะเลสาบโฮ่วไห่ก่อน แล้วรับประทานอาหารเย็นง่ายๆ แถวถนนคนเดิน
ตอนที่เปิดประตูร้านเข้าไป ลู่เฉินแปลกใจที่ไม่เห็นเถ้าแก่เฉินเจี้ยนหาวอยู่หลังเคาน์เตอร์บาร์เหมือนเคย
แต่เป็นบาร์เทนเดอร์หนุ่มสูงผอม ไว้หนวดงามเล็กๆ หันมายิ้มและพยักหน้าให้เขา
ถ้าเป็นเมื่อก่อน ลู่เฉินไม่มีทางได้รับการปฏิบัติแบบนี้
“สวัสดีครับพี่เดวิด!”
เขาเดินเข้าไปทักทายฝ่ายนั้น แล้วถามอย่างสงสัยว่า “เถ้าแก่ยังไม่มาเหรอครับ?”
เฉินเจี้ยนหาวทุ่มเทเงินเก็บทั้งชีวิตไปกับบาร์เดย์ลิลลี่ จึงตั้งใจดูแลกิจการเป็นอย่างดี ปกติแล้วนอกจากมีเรื่องด่วน ไม่เช่นนั้นทุกคืนเขาจะต้องอยู่ที่บาร์ ตอนที่ลูกค้าเยอะงานยุ่ง เขาจะลงไปเสิร์ฟเครื่องดื่มให้ลูกค้าด้วยตัวเอง
บาร์เทนเดอร์หนุ่มเดวิดเทเครื่องดื่มรสมิ้นต์ให้ลู่เฉิน ยักไหล่แล้วพูดว่า “เถ้าแก่น่าจะมีธุระ…”
สำเนียงการพูดของเดวิดไม่เป็นภาษาจีนกลางมาตรฐาน ติดสำเนียงแปร่งหูบางอย่างมาด้วย ถึงเขาจะเป็นคนเชื้อสายจีน แต่เติบโตมาในต่างประเทศ ไม่กี่ปีก่อนเพิ่งกลับมาใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศจีน
“ขอบคุณครับพี่เดวิด!”
ลู่เฉินดื่มเครื่องดื่มในแก้วสีใสหมดในอึกเดียว จากนั้นเตรียมตัวไปหลังเวที เขายังไม่รู้ตารางแสดงของคืนนี้
“ไม่ต้องเกรงใจ…”
เดวิดเก็บแก้วกลับไป เอ่ยอย่างจริงจังว่า “ฉันชอบเพลงที่นายร้องเมื่อคืนมาก คูล”
เขายกนิ้วโป้งให้ลู่เฉิน “สู้ๆ!”
ลู่เฉินยิ้มแล้วประสานมือคำนับแบบจอมยุทธ์ จากนั้นเดินไปที่ห้องใหญ่ด้านหลังเวที
สิ่งที่ทำให้ลู่เฉินตกใจคือ คืนนี้เขาไม่ได้มาถึงเป็นคนแรก ในห้องมีหลายคนอยู่ก่อนแล้ว
นอกจากนักร้องนำของบาร์เดย์ลิลลี่อย่างพี่หงหรือหลี่หง พี่เยี่ยหรือเยี่ยเจิ้นหยาง และหวังเสี่ยวไซว่แล้ว แม้แต่พี่น่าก็ยังอยู่ด้วย คนทั้งห้ากำลังนั่งล้อมวงคุยกัน
“เสี่ยวลู่!”
เมื่อเห็นลู่เฉินเข้ามา พี่น่ายืนขึ้นคนแรก เดินเข้ามากอดเขาทีหนึ่งด้วยใบหน้ายิ้มกว้าง “ยินดีด้วยที่ได้เลื่อนขั้น!”
ลู่เฉินเอ่ยอย่างเก้อเขิน “ขอบคุณครับพี่น่า…”
พี่น่าหรือจางนาน่า ปีนี้อายุเต็ม 40 ปีแล้ว ทั้งในบาร์เดย์ลิลลี่และย่านทะเลสาบโฮ่วไห่ อายุงานของเธอมากที่สุด ตั้งแต่อายุ 17 ปีเธอออกจากบ้านมาเผชิญโลกตามลำพัง ไขว่คว้าความใฝ่ฝันที่มีต่อเสียงดนตรี
พี่น่าเป็นนักร้องที่เซ็นสัญญากับบาร์เดย์ลิลลี่อย่างเป็นทางการ หน้าตาธรรมดาของเธอพูดได้ว่าออกไปทางไม่ค่อยสวย โหนกแก้มสูงและริมฝีปากหนา ดั้งจมูกบี้แบนเล็กน้อย เวลายิ้มยังมีรอยตีนกาลึกตรงหางตา
แต่ไม่มีใครกล้าดูถูกเธอด้วยเหตุผลของรูปลักษณ์ เพราะการแสดงของเธอเป็นพรสวรรค์ที่ไม่มีใครเหมือน ช่วงเสียงกว้างและประสบการณ์มากมาย ทำให้เธอสามารถร้องเพลงที่ยากหลายเพลงได้อย่างสบายๆ เป็นนักร้องที่มีความสามารถของจริง
เฉินเจี้ยนหาวเคยบอกเป็นการส่วนตัวว่า เหตุผลที่พี่น่าร้องเพลงมายี่สิบกว่าปีแต่ไม่โด่งดังนั้น นอกจากเรื่อง รูปลักษณ์หน้าตาแล้ว คือเธอไม่มีเพลงดีๆ เป็นของตัวเอง และยังไม่มีคนตาถึงที่เข้าใจดนตรีอย่างแท้จริง
ถ้าไม่ใช่เพราะแบบนี้ เขาไม่มีทางชวนพี่น่าเข้ามาร้องเพลงในบาร์เดย์ลิลลี่หรอก
ทว่าด้วยนิสัยของพี่น่าที่เป็นคนเปิดเผย ไม่มีความรู้สึกของคนเก็บกดมีเรื่องในใจ ไม่ว่าจะทั้งการปฏิบัติ ต่อบริกรในบาร์หรือต่อคนในวงเฮสิเทชั่นผู้ยิ่งใหญ่ เธอก็จะพูดคุยอย่างอบอุ่นเป็นมิตร
ด้วยเหตุนี้เธอจึงเป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ดีเป็นที่สุด!
ความสัมพันธ์ของลู่เฉินกับพี่น่าก็ดีใช้ได้ ครั้งแรกที่เขาได้ขึ้นเวทีร้องเพลงในบาร์ ก็เป็นเพราะพี่สาว คนนี้ช่วยพูดให้ เฉินเจี้ยนหาวถึงยอมตกลง
ด้วยเหตุนี้ ลู่เฉินจึงรู้สึกซาบซึ้งใจมาตลอด
เมื่อมีพี่น่าเป็นผู้นำ คนอื่นต่างพากันเข้ามาแสดงความยินดี พวกเขารู้แล้วว่าลู่เฉินได้ขึ้นเป็นนักร้องนำแล้ว
จากเดิมในบาร์เดย์ลิลลี่ มีเพียงลู่เฉินคนเดียวที่เป็นนักร้องเสริม ตำแหน่งระดับล่างสุด ตอนนี้ถือว่าเทียบชั้นได้ กับหลี่หงและเยี่ยเจิ้นหยางแล้ว และได้รับเงื่อนไขในแบบเดียวกัน
“พี่น่า เมื่อคืนเสี่ยวลู่ร้องเพลงของตัวเองด้วย…”
หลี่หงยิ้มพลางบอกเล่า “ได้รางวัลจากคนทั้งบาร์เลย ยังมีคนมาชวนให้เขาไปเข้าสังกัดบริษัทดนตรีอีกด้วยนะ!”
แม้จะดูเป็นการคุยเล่นธรรมดา แต่ในคำพูดแอบแฝงด้วยความอิจฉาชนิดที่ปิดไว้ไม่มิด
นอกจากพี่น่าแล้ว สีหน้าของเยี่ยเจิ้นหยางกับหวังเสี่ยวไซว่ดูไม่เป็นธรรมชาติ
บาร์เดย์ลิลลี่ไม่ได้ใหญ่โต พนักงานและนักร้องมีไม่กี่คน ดังนั้นมีเรื่องเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย ข่าวจะถูกแพร่ ออกไปอย่างรวดเร็ว
เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน ผลงานเพลงของลู่เฉินที่ร้องเมื่อคืนได้รับความชื่นชอบจากลูกค้า ทั้งยังได้รับการทาบทามจากบริษัทชิงอวี่มีเดียให้เซ็นสัญญาเข้าเป็นศิลปินหน้าใหม่เพื่อฝึกฝนพัฒนาต่อไป
หากมีเพียงเท่านี้ พวกเขาอย่างมากก็แค่อิจฉาตาร้อนเท่านั้น เพราะในแวดวงผับบาร์ย่านทะเลสาบโฮ่วไห่ ไม่เคยขาดพวกนักร้องตกอับที่มีแมวมองมาทาบทามตัวไปแล้วโด่งดังเป็นพลุแตก ลู่เฉินไม่ใช่คนเดียวที่โชคดี
แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนทึ่งจนเบิกตาโตอ้าปากค้างคือ ลู่เฉินปฏิเสธ!
ทำให้พวกเขาไม่เข้าใจว่าโอกาสอันล้ำค่าที่ไม่ใช่ใครจะได้มาง่ายๆ ทำไมลู่เฉินกลับปฏิเสธอย่างไม่ไยดี?
พวกเขารู้สึกเหมือนถูกทำร้ายจิตใจ!
เยี่ยเจิ้นหยางหัวเราะ “น่าเสียดายที่เสี่ยวลู่ทระนงตัวไปหน่อย ไม่อย่างนั้นอนาคตอาจจะมีนักร้องดัง ช่วยส่งเสริมพวกเราบ้าง ให้พวกเรามีหน้ามีตาไปด้วย!”
ถ้าเทียบกับหลี่หง เขาไม่พอใจลู่เฉินมากกว่า ถ้าไม่ได้เอ่ยเหน็บแนมเข้าหน่อยคงไม่สบายใจ
เมื่อสองวันก่อนลู่เฉินยังเป็นน้องใหม่ของวงการที่ไม่มีความสำคัญอยู่เลย ตอนนี้ไม่เพียงแต่จะได้เป็น นักร้องหลักแล้ว ถึงขั้นยังโดดเด่นกว่าตัวเขาเสียอีก!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar