ตอนที่ 14 ความทระนงที่ซ่อนอยู่
ลู่เฉินตามเฉินเจี้ยนหาวออกมาถึงเขตที่นั่งพิเศษตรงชั้นบนของบาร์
บาร์เดย์ลิลลี่ดัดแปลงมาจากโกดังเก่าหลังหนึ่ง ความสูงของอาคารประมาณหกเมตรกว่าเกือบเจ็ดเมตร ดังนั้นจึงถูกสร้างเป็นสองชั้น ตรงกลางเว้นว่างไว้สำหรับเวที เป็นการออกแบบภายในที่ชาญฉลาด พื้นที่ใช้สอยได้ประโยชน์คุ้มค่ามาก
เหมือนกับบาร์อื่นๆ ส่วนใหญ่ในย่านทะเลสาบโฮ่วไห่ ในเขตที่นั่งพิเศษของบาร์เดย์ลิลลี่มีโต๊ะสามตัวที่ไม่ว่าลูกค้าจะมากแค่ไหน แต่โต๊ะสามตัวนี้จะเว้นว่างไว้เพื่อลูกค้าคนสำคัญที่อาจจะไม่ได้มา
เพราะในกิจการผับบาร์ เส้นสายความสัมพันธ์ส่วนตัวเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เฉินเจี้ยนหาวคบหาคนกว้างขวาง ถ้ามีเพื่อนสนิทหรือลูกค้าพิเศษที่ไม่ควรมีปัญหาด้วยมาถึงที่ร้านโดยไม่ได้บอกก่อน ช่วงเวลาที่ลูกค้ามากจนโต๊ะเต็มทั้งหมด ที่นั่งสักที่ยังไม่มีแล้วละก็ นั่นคงจะเป็นเรื่องน่าตะขิดตะขวงใจมาก
ดังนั้นจึงจัดพื้นที่พิเศษไว้
ผู้ที่ต้องการซื้อเพลงของลู่เฉินมานั่งอยู่ในเขตที่นั่งพิเศษได้ แสดงว่าต้องไม่ใช่คนธรรมดา
อาจเพราะมองออกว่าเขาประหม่า เฉินเจี้ยนหาวตอนที่กำลังเดินขึ้นบันไดจึงพูดกับเขาว่า “ไม่ต้องกังวล จะขายหรือเปล่าแล้วแต่นาย มีฉันอยู่ด้วย ไม่มีใครกล้าทำอะไรนายหรอก”
ลู่เฉินถอนหายใจ ตอบว่า “ขอบคุณครับเถ้าแก่”
เฉินเจี้ยนหาวเป็นหัวหน้าที่ดี แม้ปกติจะเข้มงวดไปสักหน่อย
โต๊ะในเขตที่นั่งพิเศษมีสามตัว มีเหลือว่างอยู่สองตัว โต๊ะตัวที่อยู่ใกล้กับระเบียงเหล็กดัดมีชายหญิงนั่งอยู่คู่หนึ่ง ผู้ชายอายุประมาณสามสิบ สวมชุดสูทเข้ากันดีกับแว่นตากรอบทอง ทรงผมหวีเรียบ มองแวบแรกก็รู้ว่าเป็นนักธุรกิจ
ส่วนหญิงสาวยังดูอ่อนเยาว์อยู่มาก รูปร่างค่อนข้างเล็ก แต่งชุดที่ดูสบายๆ มากกว่า ในมือของเธอถือแก้วเครื่องดื่มไว้ กำลังมองซ้ายทีขวาทีอย่างอยากรู้อยากเห็น ราวกับว่าการมาที่บาร์นี้เป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับเธอ
“ผู้จัดการซ่ง ผมพาคนมาแล้ว…”
เฉินเจี้ยนหาวเดินนำลู่เฉินเข้าไป ยิ้มแล้วบอกว่า “นี่คือลู่เฉิน เสี่ยวลู่!”
ชายชุดสูทรอจนเฉินเจี้ยนหาวเดินมาถึงเบื้องหน้าจึงค่อยลุกขึ้นยืน ใบหน้าของเขาปรากฏรอยยิ้มบาง หันไปพยักหน้าให้ลู่เฉินอย่างสุขุม
หญิงสาวข้างๆ รีบลุกขึ้นยืนตาม แต่ลืมวางแก้วเครื่องดื่มลง จึงทำให้เครื่องดื่มในแก้วกระฉอกออกมา
เฉินเจี้ยนหาวแนะนำ “เสี่ยวลู่ นี่คุณซ่งซิ่นเหว่ย รองผู้จัดการทั่วไปและผู้จัดการฝ่ายตัวแทนของบริษัทชิงอวี่มีเดีย และนี่คือผู้ช่วยผู้จัดการคุณต่งเสวียน”
บริษัทชิงอวี่มีเดีย? ไม่ใช่บริษัทของซูชิงเหมยผู้หยิ่งยะโสนั่นเหรอ ยังไม่ถอดใจจากเขาอีก?
ลู่เฉินคิดในใจ ขณะเดียวกันก็ยื่นมือออกไปจับกับชายชุดสูท “สวัสดีครับ ผู้จัดการซ่ง”
ซ่งซิ่นเหว่ยยื่นมือออกมาจับด้วย “สวัสดีครับ”
ลู่เฉินหันมือไปทางต่งเสวียน “คุณต่ง สวัสดีครับ”
ต่งเสวียนรีบยื่นมือออกมาจับ ตอบกลับละล่ำละลักว่า “ค่ะ สวัสดีค่ะคุณลู่เฉิน…”
ลู่เฉินยิ้มออกมา
ผู้ช่วยผู้จัดการคนนี้ยังดูไร้เดียงสา เพิ่งเข้าวงการธุรกิจมาใหม่ๆ
แน่นอนว่าเขาไม่ต้องไปสนใจฝ่ายนั้นว่าจะเป็นผู้ช่วยผู้จัดการจริงหรือไม่ หลังจากพิธีรีตรองผ่านไป ทุกคนนั่งลงที่โต๊ะ
ซ่งซิ่นเหว่ยเอ่ยเข้าเรื่องไม่อ้อมค้อม “เสี่ยวลู่ เรื่องมันเป็นแบบนี้ คืนนี้ที่พวกเรามาเพราะคำไหว้วานของผู้อำนวยการซูชิงเหมย อยากจะซื้อลิขสิทธิ์เพลงจากคุณ”
เขาพูดพลางหันไปพยักหน้าส่งสัญญาณให้ต่งเสวียน ฝ่ายหลังรีบหยิบกระดาษหลายแผ่นออกมาจากกระเป๋าเอกสารที่พกติดตัวมาด้วย
ซ่งซิ่นเหว่ยพูดต่อว่า “ฝ่ายกฎหมายของบริษัทเราได้ตรวจสอบชัดเจนแล้วว่า ลิขสิทธิ์เพลงเธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉันเป็นของคุณทั้งหมด ด้วยเหตุนี้จึงอยากเสนอราคาสูงเพื่อซื้อลิขสิทธิ์มา เชิญคุณอ่านเอกสารฉบับนี้ดูก่อน”
ลู่เฉินรับเอกสารมาอ่านอย่างเงียบๆ
บริษัทชิงอวี่มีเดียตรวจสอบลิขสิทธิ์ได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่ใช้โปรแกรม ‘ห้องสมุดดนตรีจีน’ ก็รู้แล้ว ทั้งชื่อเพลง เนื้อเพลงหรือทำนอง ก็สามารถค้นหาได้
นี่เป็นสิทธิและความสะดวกของ ‘ห้องสมุดดนตรีจีน’ แม้ค่าจดทะเบียนลิขสิทธิ์จะสูงมาก แต่ในด้านการหลีกเลี่ยงปัญหาทางกฎหมายเรื่องลิขสิทธิ์ที่อาจตามมา จะช่วยให้ลดความยุ่งยากลงไปมาก
อีกอย่างขอเพียงลู่เฉินยินยอม เขาก็จะใช้ ‘ห้องสมุดดนตรีจีน’ ซื้อขายแลกเปลี่ยนลิขสิทธิ์ได้
แต่พวกนี้ไม่ใช่ข้อสำคัญ
ดวงตาของเขากวาดไปตามเงื่อนไขข้อต่างๆ อย่างรวดเร็ว แล้วไปหยุดอยู่ที่ใจความสำคัญ
นั่นคือราคาการซื้อขาย บนกระดาษสีขาวมีตัวอักษรสีดำเขียนไว้อย่างชัดเจนว่า 20,000 หยวน
ด้านหลังตัวเลขยังมีราคาที่เป็นตัวอักษรกำกับอีกครั้งว่าสองหมื่นหยวน
สองหมื่นหยวน!
ครั้งแรกที่มองเห็นราคา ลู่เฉินรู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อย
เมื่อก่อนเขาทำงานพิเศษสองงานต่อวันอย่างเอาเป็นเอาตาย ทำงานวันละมากกว่า 15 ชั่วโมงทุกวัน หาเงินได้เพียงพอแค่ประทังชีวิตไป ทุกเดือนเงินที่ส่งกลับบ้านอย่างมากก็ไม่เกินสี่ห้าพันหยวนเท่านั้น
อีกอย่างถ้าเขาเซ็นชื่อลงในสัญญาฉบับนี้ ก็จะได้เงินมาสองหมื่นหยวนอย่างง่ายดาย
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ในความทรงจำของเขายังมีเพลงดีๆ อีกมาก ขายไปสักเพลงหนึ่งจะเป็นอะไรไป
ด้านตรงข้ามของลู่เฉิน สายตาของซ่งซิ่นเหว่ยมองลอดผ่านกระจกแว่นบางๆ สายตาเฉียบคมสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของอีกฝ่าย นัยน์ตาของเขาฉายแววบางอย่างที่จับสังเกตไม่พบ
ถ้าไม่ใช่เพราะความต้องการของซูชิงเหมย เขาผู้เป็นถึงรองผู้จัดการทั่วไปของบริษัทชิงอวี่มีเดียไม่จำเป็นต้องพาคนมาด้วยตัวเองเพื่อเจรจากับเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนหนึ่ง แลกกับสัญญาราคาสองหมื่นหยวน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar