ตอนที่ 309 ตัวตลกปลิ้นปล้อน
เพื่อนของหลินจื้อเจี๋ยชื่ออวี๋จี้จง เปิดสตูดิโอศิลปะอยู่ในศูนย์ศิลปะยุคใหม่
สตูดิโอของอวี๋จี้จงอยู่ไม่ไกลจากเฟยสือเรคคอร์ด เดินเพียงห้านาทีก็ถึง สถานที่ที่สตูดิโอแห่งนี้ตั้งอยู่เป็นสิ่งปลูกสร้างอันโดดเด่น มีพื้นที่กว้างขวาง ผนังภายนอกเป็นโครงเหล็กและกระจก มีสนามหญ้าเขียวขจีกั้นกลางระหว่างตัวอาคารกับจัตุรัสศิลปะ
อาคารต่างๆ ในศูนย์ศิลปะยุคใหม่ล้วนโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ที่แห่งนี้ไม่มีตึกสูงใหญ่อะไร ส่วนใหญ่เป็นสิ่งปลูกสร้างสูงสองถึงสามชั้นเท่านั้น สตูดิโอของอวี๋จี้จงก็เช่นกัน
ชั้นล่างนอกจากเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์แล้ว พื้นที่ว่างส่วนมากเป็นพื้นที่จัดแสดงผลงานศิลปะ หลักๆ เป็นพวกภาพวาดสีน้ำมัน งานประติมากรรมขนาดเล็ก ผลงานภาพถ่าย และผลงานศิลปะสมัยใหม่
ชั้นสองเป็นสถานที่สำหรับทำงานศิลปะ รวมทั้งห้องวาดรูป ห้องสร้างงานประติมากรรม และออฟฟิศ
ลู่เฉินพบอวี๋จี้จงในห้องวาดรูป
ศิลปินคนนี้อายุประมาณสี่สิบถึงห้าสิบปี ชุดทำงานเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบสีน้ำมัน รูปร่างของเขาอวบอัด ใบหน้าสว่างรับกับคิ้วเข้ม ทรงผมและหนวดเครายุ่งเหยิงตามแบบฉบับของศิลปิน
หลินจื้อเจี๋ยแนะนำทั้งคู่ให้รู้จักกัน “ลู่เฉิน คนนี้คืออาจารย์อวี๋จี้จง เป็นศิลปินตัวจริง!”
ลู่เฉินยื่นมือออกไป พร้อมกับเอ่ยคำทักทาย “อาจารย์อวี๋ สวัสดีครับ ผมได้ยินชื่อเสียงของคุณมานานแล้ว”
ความจริงแล้วเขาไม่เคยรู้จักฝ่ายตรงข้ามมาก่อน และไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของคนคนนี้ด้วย แต่เป็นการเอ่ยตามมารยาท
“คนนี้คือลู่เฉิน เป็นนักร้องนักดนตรี เปิดสตูดิโอของตัวเอง”
เฉินเฟยเอ๋อร์มีธุระกลับไปก่อนแล้ว หลินจื้อเจี๋ยจึงพาลู่เฉินมาเพียงลำพัง
อวี๋จี้จงน่าจะไม่เคยดูข่าวบันเทิง เขาประเมินลู่เฉินด้วยสายตาเงียบๆ น่าจะไม่รู้จักลู่เฉินด้วย ก่อนจะยื่นมือออกมาจับมือกับลู่เฉินและทักตอบอย่างเฉยเมย “สวัสดี”
หลินจื้อเจี๋ยหัวเราะ “เหล่าอวี๋ ลู่เฉินอยากเช่าพื้นที่ของนาย นายช่วยเห็นแก่หน้าฉันหน่อยได้ไหม!”
ในที่สุดอวี๋จี้จงก็เผยรอยยิ้มออกมา “มาคุยที่ออฟฟิศของฉันดีกว่า”
มีหลินจื้อเจี๋ยคอยเชื่อมโยงให้ อวี๋จี้จงคงต้องเห็นแก่หน้าเขา
อวี๋จี้จงเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดสะอาด แล้วให้ผู้ช่วยยกน้ำชามาเสิร์ฟ จากนั้นในออฟฟิศก็ราวกับเพื่อนกำลังพูดคุยกันเรื่อยเปื่อย
สตูดิโอของอวี๋จี้จงครอบครองอาคารนี้ทั้งหลัง มีพื้นที่ใช้สอยประมาณหนึ่งพันแปดร้อยตารางเมตร อวี๋จี้จงปล่อยพื้นที่ว่างออกมาให้ได้มากที่สุดหนึ่งพันตารางเมตร เปลี่ยนจากการเช่าเดี่ยวเป็นการเช่าร่วม
แน่นอนว่าค่าเช่าช่วงไม่น้อย ตามที่ศิลปินท่านนี้กล่าวไว้ เพียงแค่เขาปล่อยข่าวออกไป ก็มีคนมากมายยอมจ่ายค่าเช่าสูงลิ่ว เพราะทำเลนี้เป็นทำเลที่ดีมากในศูนย์ศิลปะยุคใหม่
ในเมื่อลู่เฉินเป็นเพื่อนของหลินจื้อเจี๋ย เขาย่อมยกผลประโยชน์ให้ลู่เฉินก่อน แต่ก็มีเงื่อนไขอยู่อย่างหนึ่ง
“ถ้านายทำดนตรี อย่าให้รบกวนมาถึงพวกเราทางนี้ ไม่อย่างนั้นต่อให้ราคาสูงกว่านี้ก็ไม่ต้องเจรจา!”
ลู่เฉินยิ้ม “เรื่องนี้ง่ายมาก ตอนที่ผมตกแต่งใหม่รับประกันว่าจะกั้นเสียงอย่างดี”
การกั้นเสียงของห้องอัดต้องดีที่สุด ไม่มีเสียงใดๆ รบกวน ปัญหาเดียวที่มีอยู่คือห้องซ้อม แต่ในเมื่อตกแต่งทำห้องใหม่ให้ดีย่อมไม่รบกวนเพื่อนบ้านที่อยู่ข้างๆ ในพื้นที่ออฟฟิศของตัวเขาเองก็ไม่ชอบเสียงรบกวนเช่นกัน
อวี๋จี้จงพูดแบบนี้ แสดงว่าเรื่องนี้ไม่น่ามีปัญหาแล้ว
ส่วนราคาค่าเช่าช่วง ต้องให้ทั้งสองฝ่ายนั่งลงตกลงกัน ไม่ใช่เรื่องที่จะพูดให้จบในไม่กี่ประโยคได้
เอาเป็นว่าการเจรจาราบรื่น ทั้งสองฝ่ายล้วนพึงพอใจ อวี๋จี้จงไม่มีนิสัยแปลกประหลาดเหมือนศิลปินคนอื่น
เพียงแต่ตอนที่เอ่ยลา จู่ๆ เขานึกขึ้นได้ จึงถามว่า “ลู่เฉิน คุณคือคนที่เขียนเพลง ‘เดอะบลูโลตัส’ ใช่ไหม”
ลู่เฉินตะลึง “เอ่อ…ใช่ครับ”
อวี๋จี้จงพยักหน้าบอกว่า “ผมเคยฟัง เพลงนี้เขียนได้ไม่เลว”
…
ตอนที่ลู่เฉินกลับมาถึงสตูดิโอฟ้าก็ใกล้มืดแล้ว
เลยเวลาเลิกงาน ในออฟฟิศไม่มีใครอยู่สักคน แต่ห้องผู้จัดการไฟยังเปิดสว่างอยู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar