ตอนที่ 323 พูดจาเหลวไหล
หลังเวทีมีนักร้องมากมาย ส่วนใหญ่เป็นนักร้องในแวดวงที่อยู่ปักกิ่ง
ไม่เหมือนกับนักร้องที่มาจากที่อื่น นักร้องเจ้าถิ่นมักไม่ค่อยตั้งเต็นท์ในสวนสาธารณะ แบ่งแยกจากพวกนักร้องที่มาจากต่างถิ่นจนแบ่งเป็นสองกลุ่มอย่างชัดเจน
ทว่าทั้งสองกลุ่มไม่ได้แบ่งแยกกันถึงขั้นไม่ข้องเกี่ยวกันเหมือนน้ำบ่อไม่ยุ่งกับน้ำคลอง ระหว่างทั้งสองกลุ่มมีคนที่รู้จักกันพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน มีที่เป็นเพื่อน มีที่เป็นเพื่อนของเพื่อน ไม่มีใครตั้งตัวเป็นอริกันให้เห็น
แต่ความแตกต่างยังคงมีอยู่
เช่น หากพูดถึงซูเปอร์สตาร์นักร้องที่มีชื่อเสียงในวงการ เลี่ยวเจี่ยกับลู่เฉินเป็นสองคนที่อยู่ในอันดับต้น นักร้องในเมืองหลวงล้วนเคารพและให้ความสำคัญกับคนทั้งสองเป็นอย่างยิ่ง ไม่เหมือนนักร้องที่มาจากต่างถิ่นที่คาดหวังว่าจะมาท้าทายพวกเขาบนเวที
เลี่ยวเจี่ยเป็นใคร เขาคือพี่ใหญ่แห่งวงการเพลงป็อประดับประเทศ ขึ้นชื่อเรื่องความเปิดเผยมีน้ำใจ
ส่วนลู่เฉินที่เป็นนักร้องนักแต่งเพลงหน้าใหม่ เขากลายเป็นตำนานเรื่องเล่าแห่งวงการนักร้องในเมืองหลวง เพลง ‘ในฤดูใบไม้ผลิ’ ที่ทำให้วงเฮสิเทชั่นโด่งดัง จนวันนี้ยังมีแต่คนพูดถึง
ดังนั้นบทสนทนาของทั้งสองจึงถูกคนจำนวนมากจับตามอง โดยเฉพาะเรื่องที่เลี่ยวเจี่ยกับลู่เฉินเดิมพันกัน ทุกคนไม่หันไปสนใจหน้าจอโทรทัศน์แล้ว
ทางนี้มีละครสนุกๆ น่าดูมากกว่า!
ลู่เฉินสังเกตเห็นสายตาของคนรอบข้าง จึงหัวเราะและกล่าวว่า “แค่เลี้ยงข้าวผมคนเดียวไม่พอ ต้องเลี้ยงข้าวทุกคนด้วย ทุกคนว่าดีไหมครับ”
นักร้องเจ้าถิ่นในปักกิ่งคล้อยตาม ไม่ว่าจะได้ยินชัดหรือไม่ ก็ตอบว่าดีไว้ก่อน
เอาเป็นว่าไม่มีทางเสียเปรียบแน่นอน
เลี่ยวเจี่ยบ่นใหญ่ “เจ้าเด็กนี่จ้องจะกินเงินฉันให้ได้เลยใช่ไหม ฝันไปเถอะ เลี้ยงข้าวทุกคนน่ะไม่มีปัญหาหรอก แต่ใครแพ้ต้องเลี้ยงที่โรงแรมรีเจนซี่นะ มีกี่คนก็ต้องเปิดโต๊ะตามจำนวนคน ทุกคนต้องได้กินหมด!”
ตอนนี้ทุกคนเข้าใจแล้ว หลายคนหัวเราะชอบใจ ร้องสรรเสริญเสียงดัง “พี่เลี่ยวเจี่ยจงเจริญ!”
โรงแรมรีเจนซี่เป็นโรงแรมห้าดาวอันเลื่องชื่อของเมืองปักกิ่ง การรับประทานบุฟเฟ่ต์ที่นั่นหัวละสามร้อยแปดสิบแปดหยวน ค่าเปิดโต๊ะยิ่งแพงเข้าไปอีก ตอนนี้คนที่อยู่หลังเวทีมีอย่างน้อยเป็นร้อยคน อย่างน้อยต้องเปิดสักสิบโต๊ะ!
เลี่ยวเจี่ยมองลู่เฉินอย่างได้ใจ…เจ้าหนูอยากลองดีกับฉัน ฉันจะกินเงินนายให้เรียบเลย!
ลู่เฉินยิ้ม “ตกลงตามนี้!”
เขายื่นมือออกไปตบมือทำสัญญากับเลี่ยวเจี่ย
เพียะ!
ฝ่ามือทั้งสองตบเข้าหากันอย่างหนัก กลายเป็นเรื่องน่าสนใจประจำเทศกาลดนตรี 72H ครั้งนี้
ความจริงไม่ว่าจะเป็นลู่เฉินหรือว่าเลี่ยวเจี่ย การเปิดโต๊ะสิบกว่าโต๊ะในโรงแรมห้าด้าวเลี้ยงข้าวแขกนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่โต ทั้งสองคนแค่อยากสร้างสีสันและความเร้าใจเฉยๆ
ดังนั้นข่าวนี้จึงถูกแพร่ออกไปทั่วทั้งงานเทศกาลดนตรีอย่างรวดเร็ว
เลี่ยวเจี่ยซดเบียร์หมดไปสองขวด เริ่มวิจารณ์นักร้องและวงดนตรีที่ขึ้นเวทีด้วยความเมาเล็กน้อย เนื้อหาครอบคลุมหลายด้านรวมถึงการแสดงบนเวที ผลงาน และการร้องของฝ่ายนั้น
คนที่อยู่ในนั้น มีเพียงเขาที่ทำเช่นนี้ได้ ลู่เฉินเองยังทำไม่ได้เลย
เลี่ยวเจี่ยพูดอย่างตรงไปตรงมา ถ้าเขาคิดว่าไม่เลวก็คือไม่แย่ ถ้าคิดว่าไม่ดีก็คือไม่ดี ไม่กล่าวถ้อยคำตามมารยาทและไม่พูดจาอ้อมค้อมเพื่อถนอมน้ำใจ วิจารณ์ได้อย่างถึงแก่นแท้
ลู่เฉินฟังมากกว่าพูด และเสวนากับเลี่ยวเจี่ยอยู่หลายประโยค
นักร้องที่อยู่รอบข้างถูกดึงดูดเข้ามา จุดประสงค์ที่สำคัญอย่างหนึ่งของเทศกาลดนตรี 72H คือการแลกเปลี่ยนความรู้ การได้รับฟังความคิดเห็นของนักร้องระดับซูเปอร์สตาร์คนนี้สดๆ เป็นประสบการณ์ที่หาได้ยากของพวกเขา และเป็นโอกาสที่ดีมากในการเพิ่มพูนประสบการณ์และความรู้ของพวกเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar