ตอนที่ 42 การเชื้อเชิญของฉางเหว่ย – ตอนที่ต้องอ่านของ (นิยายแปล) Perfect Superstar
ตอนนี้ของ (นิยายแปล) Perfect Superstar โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายSlice of Lifeทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 42 การเชื้อเชิญของฉางเหว่ย จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ตอนที่ 42 การเชื้อเชิญของฉางเหว่ย
“นายจะดังแล้ว!”
พี่น่าพูดอย่างมั่นใจ
“ร้อยเปอร์เซ็นต์!”
ฉินฮั่นหยางพยักหน้าอย่างแรงอยู่ข้างๆ เธอ แสดงความเห็นด้วยกับคำยืนยันของพี่น่า
‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ ‘ซินเดอเรลล่า’ ‘ในฤดูใบไม้ผลิ’ และ ‘เดอะบลูโลตัส’ ผลงานชิ้นเอกที่เขียนขึ้นมาสี่เพลง ลู่เฉินมีพรสวรรค์และความสามารถเป็นที่น่าตกใจอย่างเห็นได้ชัด บวกกับพลังในการร้องเพลงและรูปร่างหน้าตาของเขา ถ้าไม่ดังก็ไม่มีเหตุผลแล้ว!
อ้อใช่ ยังมีเพลงที่เขาแต่งให้พี่น่าอีก ผลงานเพลงต้นฉบับทั้งห้าเพลงจึงมีคุณสมบัติกลายเป็นเพลงคลาสสิค!
ลู่เฉินยิ้มพูด “ขอบคุณพี่น่าครับ!”
เขาไม่ได้คิดในแง่ดีขนาดนั้น
ช่วงที่ผ่านมา ลู่เฉินนอกจากเรียบเรียงเพลงที่อยู่ในความทรงจำอยู่ในบ้านแล้ว ก็ยังค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องของวงการบันเทิงในอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลที่เปิดเผยหรือข่าวของวงใน หรือข่าวที่ไม่มีหลักฐานเขาก็ไม่ปล่อย พยายามทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับวงการกระแสหลักที่ตัวเองกำลังจะก้าวเข้าไป
ยุคปัจจุบันนี้ไม่ใช่ยุค 80 และยุค 90 แล้ว กระทั่งเมื่อสิบปีก่อนก็ยังมีการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง
นักร้องนักแต่งพลงในยุคก่อน อาศัยผลงานเพลงที่โดดเด่นเพลงเดียวก็สามารถโด่งดังไปทั่วทุกสารทิศ จากนั้นก็ใช้เพลงนี้หากินได้สองสามปีกระทั่งสิบกว่าปี ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำจนคนต้องอิจฉาใจเต้น
เมื่อเข้าสู่ยุคใหม่ มีการพัฒนาธุรกิจบันเทิงขนาดใหญ่กับความสนใจทุกด้านในโลกอินเทอร์เน็ตทั่วโลก เรื่องที่ดีแบบนี้เห็นได้น้อยมาก เพราะว่าสายตาของคนเรากว้างไกลมาก ระดับในการชื่นชมก็เพิ่มมากขึ้น ความต้องการดื่มด่ำกับเสียงสัมผัสก็เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
นักร้องในสมัยก่อนอยากจะมีชื่อเสียงด้วยเพลงเพลงเดียว ต้องทุ่มเงินในการนำเสนอผลงานของตัวเองเป็นอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกัน นักร้องในอินเทอร์เน็ตยุคใหม่ก็ยังต้องอาศัยอิทธิพลของสื่อให้ความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
เพลงที่ดีเพลงหนึ่ง ผ่านการตลาดแบบไวรอลก็ดังได้อย่างรวดเร็ว ต่อให้ไม่ขายอัลบั้ม และอาศัยเพียงการดาวน์โหลดเสียงรอสายเป็นต้น ก็ได้รับผลประโยชน์หลายช่องทาง ทำกำไรก้อนโตได้เหมือนกัน
แต่พอมาถึงยุคนี้ อยากจะมีชื่อเสียงเป็นภารกิจที่ยากมากระดับสูงสุดไปแล้ว ใช่ว่าคุณจะมีหน้าตาดี ร้องเพลงดีหรือไม่ก็สามารถแต่งเพลงต้นฉบับได้แล้วจะโดดเด่นไม่เหมือนใคร เพราะยังต้องอาศัยการโปรโมทจำนวนมหาศาลกับการสร้างกระแสเช่นกัน
บางคนที่อยากดัง จึงใช้วิธีการต่ำๆ หลากหลายวิธี ทำให้วงการบันเทิงถูกบดบังไปด้วยแสงสีมากมายหลาย หลากและพิลึกกึกกือขึ้นมาอีกชั้น ไม่รู้ว่าคนที่มีความสามารถและพรสวรรค์ต้องตกหลุมพรางอีกกี่คน จากนั้นก็หายตัวเข้ากลีบเมฆไป
ลู่เฉินอยากอาศัยผลงานต้นฉบับของตัวเองให้กลายเป็นดาราดังที่น่าจับตามองของทุกคน และวิธีที่ดีที่สุดก็คือการเซ็นสัญญากับบริษัทบันเทิงหรือบริษัทมีเดียที่ใดที่หนึ่ง แล้วให้บุคคลมืออาชีพช่วยโฆษณา เป็นทางลัดที่เร็วมากที่สุด
แต่ลู่เฉินกลับไม่ยอม…ไม่มีอะไรขัดขวางฉันได้ เดินไปข้างหน้าเพื่อเสรีภาพของตัวเอง!
สำหรับในอนาคต ลู่เฉินได้มีความคิดขั้นต้นแล้ว
“เอ๊ะ”
แน่นอนว่าเวลานี้ลู่เฉินจะไม่พูดสิ่งที่อยู่ในใจเพื่อให้ทุกคนต้องเซ็ง เขามองด้านในหลังเวที แล้วจึงถามอย่างสงสัย “พี่กานหล่างไปไหนครับ”
ลู่เฉินไม่ได้จงใจจะตบหน้าใครจริงๆ เขาจบการแสดงเดินลงมาจากเวที ก็ควรจะถึงรอบของกานหล่างกับวงจื่อเป่ยเจินขึ้นแสดงแล้ว
ทว่ากานหล่างยอมแพ้และจากไป เหล่าสมาชิกของเขาอยากจะร้องไห้แต่ร้องไม่ออก มีหรือที่ยังจะอยู่ต่อ!
ฉินฮั่นหยางกระแอมสองทีแล้วพูดว่า “พี่กานหล่างมีธุระด่วน พี่น่า พวกเราขึ้นเวทีกันเถอะ!”
หากไม่ขึ้น เดี๋ยวการแสดงจะขาดตอน
ลู่เฉินเข้าใจแล้ว จึงไม่ถามต่อ ยิ้มพูดว่า “อย่างนั้นผมจะเป็นกำลังใจให้พี่น่าอยู่ตรงนี้ครับ!”
พี่น่าพูด “คืนนี้ฉันจะไม่ร้องเพลงใหม่แล้ว”
ที่เธอไม่ร้องเพลงใหม่เพราะมีเหตุผลที่แตกต่างจากกานหล่างอย่างสิ้นเชิง คนหลังถูกลู่เฉินโจมตีจนสูญเสียความกล้าในการขึ้นเวที แต่พี่น่ากลับไม่อยากแย่งความโดดเด่นที่เป็นของลู่เฉินแม้แต่นิดเดียว
ภายในสถานที่จัดงานหากมองจากภายนอกแล้ว ก็ยังมีเสียงคำว่า ‘เอาอีก’ ดังมา
งานไลท์บลูมิวสิคออฟไนท์ของค่ำคืนนี้ น่าจะมีเพียงลู่เฉินที่เป็นดวงดาวสว่างไสวมากที่สุด!
ฉินฮั่นหยางเข้าใจเธอ จึงพูดว่า “อย่างนั้นพวกเราก็ร้องเพลงเก่าทั้งสองเพลงกันเถอะ!”
ทั้งสองคนพาวงเฮสิเทชั่นออกไป
ลู่เฉินก็ทำเหมือนกับฉินฮั่นหยางและพี่น่า ยืนอยู่ตรงทางออกหลังเวที เตรียมให้กำลังใจกับการแสดงของพวกเขา
ถึงแม้ว่าลู่เฉินจะทำงานที่บาร์เดย์ลิลลี่ครึ่งปีกว่าแล้ว แต่ก็เคยเห็นการร่วมงานกันของทั้งสองคนนี้ไม่กี่ครั้ง
เนื่องจากตอนที่วงเฮสิเทชั่นแสดง ก็เป็นเวลาที่เขาเลิกงานแล้ว พอเลิกงานเขาก็รีบนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินกลับบ้าน
เพลงสุดท้าย ‘City Of The Sky’ ฉินฮั่นหยางก็เป็นตัวเอกไม่ยอมใคร เขาใช้เสียงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวกับโชว์เสียงร้องที่ทรงพลังอย่างเต็มเปี่ยมสะเทือนถึงคนดู ชนะใจทุกคนเหมือนเดิม!
ถึงแม้ลู่เฉินจะเป็นของมีค่าก่อนหน้านี้ แต่ทั้งสองคนที่มีประสบการณ์มากก็อาศัยการแสดงที่โดดเด่นของตัวเอง จึงได้รับการยอมรับชื่นชอบจากผู้คนมากกว่าสองพันคน
ตอนที่ขอบคุณ เสียงปรบมืออย่างล้นหลามดังไปทั่วนานติดต่อกันครึ่งนาที
ลู่เฉินก็ปรบมือเช่นกัน เพื่อให้กำลังใจพวกเขา ตอนที่ทั้งสองคนกลับมาที่ด้านหลังเวที เขาจึงชูนิ้วโป้งขึ้นเพื่อแสดงความยินดี และยังกอดพี่น่าอย่างอบอุ่น
พี่น่ายิ้มพูด “วันนี้มีความสุขมากจริงๆ!”
ถึงแม้หน้าตาของเธอจะธรรมดามาก กระทั่งออกขี้เหร่ด้วยซ้ำ แต่เวลานี้รอยยิ้มดีใจบนใบหน้าก็น่าประทับใจเช่นกัน
ฉินฮั่นหยางก็ทอดถอนใจ “ไม่ได้ขึ้นเวทีนานแล้ว รู้สึกไม่เลวจริงๆ!”
การแสดงร้องเพลงต่อหน้าลูกค้าร้อยกว่าคนในบาร์ กับการแสดงร้องเพลงต่อหน้าผู้ชมมากกว่าสองพันคน เป็นประสบการณ์ที่ไม่เหมือนกันเลย เวลายืนอยู่บนเวทีจะทำให้อะดรีนาลีนของคนหลั่งเร็วขึ้น ตื่นเต้นจนไม่อาจควบคุมตัวเองได้
โชคดีที่ทั้งสองคนมีประสบการณ์มากมาย จึงเอาอยู่
“พี่ฉิน พี่น่า อาจารย์ลู่เฉิน!”
พนักงานเสิร์ฟคนเดิมเมื่อครู่โผล่มาอีกครั้ง ก้มหน้าพูดว่า “เถ้าแก่ฉางของพวกเราขอเชิญท่านทั้งสามคนครับ”
เมื่อเทียบกับตอนแรก ท่าทางของเขายิ่งมีมารยาทมากขึ้นอีก
ฉินฮั่นหยางกับพี่น่าไม่เข้าใจ ต่างมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ
พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมฉางเหว่ยถึงเรียกตัวเองพร้อมกับลู่เฉิน
ลู่เฉินเข้าใจเป็นอย่างดี พูดทันทีว่า “พี่ต้าฉิน พี่น่า ในเมื่อเถ้าแก่เชิญ อย่างนั้นพวกเราก็ไปด้วยกันเถอะครับ เถ้าแก่ของพวกเราก็น่าจะอยู่ข้างบน”
ฉินฮั่นหยางกับพี่น่าเข้าใจทันที คิดว่าเป็นเหตุมาจากเฉินเจี้ยนหาว
…………………………………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar