ตอนที่ 54 ขุนศึกตระกูลลู่ออกรบ
“เฮ่ย!”
ลู่เฉินย่ำเท้าอยู่กับที่ชกหมัด ปล่อยเสียงลมหายใจออกมาอย่างฉับพลัน ราวกับปล่อยพลังทั้งหมดของร่างกายออกมา
เสื้อเชิ้ตบนตัวของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ พลังแฝงที่ซ่อนอยู่ทุกอณูของร่างกายถูกเค้นออกอย่างสุดขีด กล้าม เนื้อประสาทและกระดูกปวดเมื่อยจนเหน็บชา แต่เขาก็ยังยืนหยัดชกมวยชุดนี้ให้จบ
ถึงแม้จะเหนื่อย แต่ลู่เฉินก็เคยชินและชอบวิธีการออกกำลังแบบนี้ แค่เวลาครึ่งชั่วโมง เขาก็รู้สึกถึงร่างกายที่เกิดความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีอย่างเห็นได้ชัด
สิ่งสำคัญที่สุดคือ การออกกำลังกายที่เหมือนจะทรมานตัวเองแบบนี้ ทำให้อารมณ์ด้านลบที่สะสมอยู่ในใจของเขาไหลตามเหงื่อออกไปอย่างง่ายดาย เหลือเพียงความสบายผ่อนคลายและความสุขหลังจากที่พยายามอย่างหนัก!
“พ่อหนุ่ม เธอชกมวยชุดนี้ได้มันมาก…”
ลู่เฉินเพิ่งจะหยุด จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงคนชราดังมาจากข้างหลัง “เรียนกับใครมาเหรอ”
ลู่เฉินจึงหันไปมอง และคนที่พูดก็คือชายชราที่มีใบหน้าเลือดฝาดผมขาวแกมเทาทั่วทั้งศีรษะ สวมเสื้อเชิ้ตผ้าฝ้ายผสมลินินสีขาวชุดฮั่นฝูสไตล์จีน สวมรองเท้าผ้าสไตล์ปักกิ่งโบราณสีดำ มีมาดไม่ธรรมดาเป็นอย่างมาก
เขาจึงยิ้มตอบว่า “สวัสดีครับท่านอาวุโส ผมก็ฝึกมั่วๆ ครับ ต้องให้คุณขำเสียแล้ว”
ลู่เฉินมาออกกำลังกายตอนเช้าที่สวนสาธารณะเล็กๆ ข้างทะเลสาบทุกวัน เขาเคยเห็นผู้อาวุโสท่านนี้ชอบมาฝึกมวยไทเก๊กอยู่หลายครั้ง ทว่าแต่ก่อนก็แค่พยักหน้าทักทายยามที่เจอกันเท่านั้น ไม่ได้พูดอะไร
ต้นกำเนิดการฝึกมวยของเขาล้วนมาจากความทรงจำของโม่หราน
ในโลกแห่งความฝันของเขา วัฒนธรรมการฝึกวรยุทธ์ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายมานานแล้ว เกิดภาพยนตร์แนวกังฟูและกำลังภายในแนวคลาสสิคมากมายนับไม่ถ้วน ในวงการภาพยนตร์ก็มีปรมาจารย์กับดาราที่เชี่ยวชาญทางด้านการฝึกศิลปะการต่อสู้อยู่ไม่น้อย
และที่น่าสนุกก็คือ ในโลกแห่งความฝันของลู่เฉินนั้น ฮ่องกงซึ่งเป็นมหานครนานาชาติทางตอนใต้ของประเทศได้กลับคืนสู่มาตุภูมิในปี 1997 ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดศิลปะวัฒนธรรมการต่อสู้พอดี และในวงการศิลปะด้านอื่นก็เคยปรากฏบุคคลระดับปรมาจารย์ขั้นสุดยอดสองสามคน
ทว่าฮ่องกงในความเป็นจริงนั้นกลับคืนมาพร้อมกับไต้หวันในปี 1967 บวกกับมาเก๊าที่กลับมาในปี 1969 และเขตบริหารพิเศษทั้งสามแห่งก็ยังดำเนินการตามนโยบายหนึ่งประเทศสองระบบ ซึ่งแตกต่างจากโลกของความฝันเป็นอย่างมาก
แต่สิ่งที่คล้ายกับในความฝันก็คือ อุตสาหกรรมทางศิลปวัฒนธรรมของฮ่องกงเคยมีความเจริญรุ่งเรืองมาก่อนในยุค 80 และยุค 90 ผลงานโทรทัศน์และภาพยนตร์ส่วนใหญ่จะเป็นแนวตำรวจ-ผู้ร้าย เทพเจ้าผีสาง แนวรักแบบชู้สาว ละครสมัยใหม่ สงครามการค้าหรือแนวอีโรติกก็มี รวมทั้งเพลงภาษากวางตุ้งที่เคยเป็นที่นิยมอย่างมากในสมัยหนึ่ง เกิดผลกระทบอย่างมากต่อวัฒนธรรมของจีนแผ่นดินใหญ่อย่างแพร่หลาย
โม่หรานฝึกศิลปะการต่อสู้มาตั้งแต่เด็ก เพื่อบุกเบิกเส้นทางในการแสดง เขาทุ่มเทฝึกฝนในด้านนี้เป็นอย่างมาก ถือว่าเป็นผู้ที่มีความสามารถไม่ธรรมดาคนหนึ่ง น่าเสียดายที่เกิดเรื่องเสียก่อน เขาจึงไม่เคยได้เป็นตัวเอกในภาพยนตร์หรือโทรทัศน์เลยสักครั้ง
ชีวิตคนเรามักจะเป็นแบบนี้ ใช่ว่าตัวเองพยายามแล้วจะได้ผลลัพธ์เหมือนที่ตัวเองอยากได้เสมอไป
แต่ลู่เฉินรู้ว่า ถ้าหากไม่พยายาม เช่นนั้นก็อย่าคิดว่าจะประสบความสำเร็จ!
เมื่อได้ยินการตอบอย่างถ่อมตัวของลู่เฉิน ผู้อาวุโสท่านนั้นจึงโกรธ แล้วพูดบ่นเสียงดังว่า
“ฝึกมั่วๆ เรอะ เธอคิดว่าฉันไม่เข้าใจหรือไง เธอตาบอด แต่ตาแก่ๆ คู่นี้ของฉันไม่ได้บอดนะ ไม่พูดก็ไม่เป็นไร!”
พูดจบเขาก็หันหน้าเดินออกไปด้วยความเดือดดาล
ลู่เฉินงงพูดไม่ออกจริงๆ คิดไม่ถึงว่าผู้อาวุโสหน้าตาดูใจดีคนนั้น จะมีนิสัยโผงผางขนาดนี้!
ลู่เฉินจึงส่ายหน้าอย่างจนใจ แล้วเดินกลับบ้านไปตามทางเดินเล็กๆ
เมื่อเทียบกับห้องพักรูหนูที่เก่า ระยะห่างจากเขตจิ่นเฉิงหย่วนถือว่าไกลอยู่บ้าง เพราะฉะนั้นเมื่อรอให้ลู่เฉินทานอาหารเช้าเสร็จแล้วเดินกลับมาที่อพาร์ทเม้นท์อีกที ก็เป็นเวลาเก้าโมงกว่าแล้ว
ลู่เฉินจึงอาบน้ำก่อนด้วยความเคยชิน จากนั้นจึงเปิดคอมพิวเตอร์ตรวจสอบแผนการรบของตัวเอง
ถูกแล้ว คือสงครามการแข่งขันการแสดง!
พอเข้าเฟยซวิ่น ก็มีข้อความนับไม่ถ้วนกรูเข้ามาเหมือนฝูงผึ้ง เสียงติ๊งๆ ดังติดต่อกันไม่หยุด
ลู่เฉินเปิดฟังก์ชั่นหยุดเสียงรบกวน ดังนั้นข้อความที่ส่งเข้ามาจึงเป็นเพื่อนที่เขาแอดด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้นจึงเปิดดูว่าเกิดอะไรขึ้น
ผลสรุปคือข้อความจำนวนมาก ถูกส่งมาจากหลี่ไป๋พ่อมหาเศรษฐีนั่นเอง!
“พี่ใหญ่ อยู่ไหม”
“ถ้าอยู่ก็รีบตอบกลับมานะ พวกเราทุกคนต้องการคุณ!”
“ลู่สุดหล่อ ทำไมคุณถึงปิดโทรศัพท์ ติดต่อไม่ได้เลย กลุ้มใจจริง!”
“อยู่ไม่อยู่…”
ลู่เฉินควักโทรศัพท์อออกมาดู ที่แท้แบตเตอร์รี่หมดแล้วเครื่องก็ดับไปเอง เขาจึงรีบตอบกลับข้อความของหลี่ไป๋
“เพิ่งกลับมาจากวิ่ง โทรศัพท์แบตหมด มีเรื่องอะไรเหรอ”
หลี่ไป๋รีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว
“โธ่ ในที่สุดพี่ใหญ่ก็โผล่มาแล้ว ขุนศึกตระกูลลู่ของพวกเราจะออกโรงแล้ว คุณรีบมาระดมพลก่อนรบสิ สร้างขวัญและกำลังใจให้กับกองทัพ!”
ลู่เฉินจึงมองดูเวลาอย่างช่วยไม่ได้ แล้วตอบว่า
“ตอนนี้เร็วไปหรือเปล่า”
หลังจากวันที่เขาประกาศในกลุ่มของเฟยซวิ่นว่าจะเข้าร่วมการแข่งขันการแสดงใน ‘จิงอวี๋ทีวี’ แฟนคลับตัวยงในห้องถ่ายทอดสดลู่เฟย ซึ่งก็คือกลุ่มแฟนคลับขุนศึกตระกูลลู่ที่ก่อตั้งโดยหลี่ไป๋ได้เกิดความฮือฮาเป็นอย่างมาก
ในฐานะผู้ก่อตั้งขุนศึกตระกูลลู่และเป็นผู้สนับสนุนใหญ่ที่สุด หลี่ไป๋จึงรีบคิดหาวิธีผลักดันให้ลู่เฉินเข้าไปอยู่ในลำดับของผู้จัดรายการยอดฮิตของ ‘จิงอวี๋ทีวี’ และนั่งบัลลังก์ห้าอันดับแรกของการแข่งขันให้ได้!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar