สรุปตอน ตอนที่ 569 เรื่องมงคลสองเรื่อง – จากเรื่อง (นิยายแปล) Perfect Superstar โดย Internet
ตอน ตอนที่ 569 เรื่องมงคลสองเรื่อง ของนิยายSlice of Lifeเรื่องดัง (นิยายแปล) Perfect Superstar โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ตอนที่ 569 เรื่องมงคลสองเรื่อง
สตูดิโอลู่เฉินกับสตูดิโอเฉินเฟยเอ๋อร์ปล่อยภาพและข้อความออกมาพร้อมกัน ไม่เพียงแต่ทำให้แฟนคลับมากมายเข้าใจผิด เพื่อนฝูงในวงการบันเทิงของทั้งสองก็ส่ง ‘ข้อความแสดงความยินดี’ เพื่ออวยพรและยินดีกับทั้งคู่
ตอนนี้สนุกใหญ่แล้ว!
สตูดิโอทั้งสองเห็นทิศทางที่แผ่ขยายออกไปอย่างควบคุมไม่ได้ จึงรีบออกมาบอกความจริง
“จากการไตร่ตรองของลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์ เพื่อให้ธุรกิจก้าวหน้าได้ดียิ่งขึ้น ทั้งสองสตูดิโอจึงตกลงจะรวมตัวกัน กลายเป็นบริษัทมีเดียแห่งใหม่!”
ที่แท้ก็เป็นการ ‘อยู่ด้วยกัน’ แบบนี้นี่เอง ไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนคิด
เซอร์ไพรส์เปล่าครั้งนี้ทำให้แฟนคลับออกมาบ่นกันยกใหญ่
“ที่แท้ก็รวมสตูดิโอนี่เอง ฉันยังคิดว่าเฉินกับเฟยจะแต่งงานกันเสียอีก!”
“เสียความรู้สึกเลย หัวใจน้อยๆ ของฉันถูกทำร้าย!”
“ชดใช้มา ต้องชดใช้ให้กับความรู้สึกที่เสียไป เค้าตกใจหมดเลย!”
“ฮ่าๆ คนเมืองกรุงนี่ขี้เล่นจริงๆ”
“นั่นก็ควรยินดีด้วย ทั้งสองสตูดิโอรวมตัวกันเป็นแค่ก้าวแรกเท่านั้น ทุกคนใจเย็นๆ”
“ผมก็ว่า ต้องมีอะไรลับลมคมใน…”
นอกจากบัญชีทางการของทั้งสองสตูดิโอ แฟนคลับจำนวนนับไม่ถ้วนเข้ามาร้องเรียนในบล็อกส่วนตัวของลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์ด้วย เรียกร้องขอการชดเชยค่าความรู้สึกที่เสียไป กับค่าอาหารและยารักษาใจหมาโสด…
ลู่เฉินยอมรับผิด โดยการคัดเลือกไอดีแฟนคลับจากคอมเมนต์จำนวน 2,888 ไอดี เพื่อมอบของที่ระลึกและซีดีเพลงประกอบภาพยนตร์จากเรื่อง ‘โปเยโปโลเย’ มูลค่ามากว่าหนึ่งล้านหยวน ยังมีบัตรชมภาพยนตร์แบบเติมเงินด้วย!
เขายังโพสต์ภาพของที่ระลึกจากภาพยนตร์ลงในบล็อกของตัวเองด้วย
ภาพยนตร์ ‘โปเยโปโลเย’ ออกฉายในฮ่องกงจนถึงวันนี้ นอกจากตั๋วหนังที่ขายดิบขายดี ยังทำสถิติสูงสุดได้อีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือสถิติยอดขายของที่ระลึกของภาพยนตร์ฮ่องกงที่สูงที่สุด
ต้องรู้ว่าตลาดของที่ระลึกจากภาพยนตร์ในฮ่องกงเมื่อก่อนถูกหนังฮอลลีวูดครองพื้นที่ส่วนใหญ่ไป ภาพยนตร์ฮ่องกงแทบไม่มีส่วนแบ่งเลย แต่ยอดขายของที่ระลึกของ ‘โปเยโปโลเย’ ที่สูงกว่าสามสิบแปดล้านหยวนแล้ว ได้สร้างความสั่นสะเทือนไปทั้งวงการ
ตอนนั้นลู่เฉินได้ออกแบบและดำเนินการผลิตของที่ระลึกภาพยนตร์ ‘โปเยโปโลเย’ ไว้ล่วงหน้าแล้ว มอบให้โรงงานใหญ่ในเซินไห่ไปจัดการ ไม่ว่าจะเป็นโมเดล เครื่องประดับ หรือของใช้ ต่างเป็นของคุณภาพสูง
โดยเฉพาะโมเดลหนิงฉ่ายเฉิน เนี่ยเสี่ยวเชี่ยน เยียนชื่อเสีย และปิศาจแม่เฒ่า แบ่งออกเป็นหลายเวอร์ชัน ในนั้นเวอร์ชันเหมือนจริงและเวอร์ชันจิบิขายดีที่สุด ร้านค้าประจำโรงภาพยนตร์หลายแห่งของขาดตลาดแล้ว
ภาพที่ลู่เฉินโพสต์ล้วนถ่ายโดยช่างภาพมืออาชีพในสตูดิโอ ซึ่งแต่ละภาพนั้นสวยงามดึงดูดตา แม้ ‘โปเยโปโลเย’ ยังไม่ได้ออกฉายในโรงภาพยนตร์ของจีนแผ่นดินใหญ่ แต่ก็เพียงพอที่จะดึงดูดความสนใจของบรรดาแฟนคลับแล้ว
ตอนนี้เอาไม่อยู่แล้ว คอมเมนต์ในบล็อกของลู่เฉินแทบระเบิด ทุกคนเข้ามาบอกว่าขอแค่ถูกจับฉลากได้ ก็จะให้อภัย ‘การทำร้าย’ ของลู่เฉิน
ความวุ่นวายเล็กน้อยนี้ถูกดับลงไปได้ แม้ลู่เฉินจะต้องจ่ายเงินเป็นล้าน แต่ถ้าเทียบกับผลลัพธ์ของการประชาสัมพันธ์นี้แล้วถือว่าเล็กน้อยมาก!
ท้ายที่สุดเหลือเท่าไรก็คงรู้ การแข่งขันยังดุเดือดเกินบรรยายอีก ถ้าไม่มีเบื้องหลังสนับสนุนคงไม่มีทางเข้าไปได้
ว่ากันว่าภาพยนตร์ที่ถ่ายทำในจีนแผ่นดินใหญ่ มีภาพยนตร์เพียงหนึ่งในสามเท่านั้นที่ได้เข้าฉายในโรงของเครือโรงภาพยนตร์ นอกนั้นถ้าไม่ไปฉายในเมืองเล็กๆ หรือชนบทห่างไกลเพื่อกอบกู้เงินทุนคืน ก็ต้องไปฉายในอินเทอร์เน็ตเพื่อเลี้ยงปากท้อง
นี่จึงเป็นเหตุผลหลักที่ลู่เฉินเลือกจะไปเปิดกิจการด้านภาพยนตร์ของตัวเองในฮ่องกงตั้งแต่แรก ภาพยนตร์ไม่เหมือนกับละครโทรทัศน์ โครงสร้างตลาดที่ตายตัว เขาไม่สามารถทำลายมันลงได้ นอกเสียจากเข้าร่วมกับบริษัทใหญ่ๆ
ผู้ซึ่งคุ้นเคยกับการยืนหยัดด้วยตัวเองอย่างลู่เฉินมีหรือจะยินยอม?
อาศัยนโยบายสนับสนุนภาพยนตร์ของรัฐบาลฮ่องกงเปิดทางให้เขาเดินอย่างสะดวก ยังต้องเชื่อมสัมพันธ์อันดีกับเครือข่ายโรงภาพยนตร์หลักทั้งสามแห่ง โดยต้องแบ่งผลประโยชน์ส่วนหนึ่งเพื่อแลกกับความช่วยเหลือด้านการจัดรอบฉาย
สรุปคือ ภาพยนตร์เรื่องหนึ่งจะขายดีหรือไม่ ต้องมีทั้งคุณภาพ การโปรโมต และเครือข่ายโรงภาพยนตร์ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้!
‘โปเยโปโลเย’ ที่กำลังรอการตรวจสอบจากกรมวิทยุและโทรทัศน์แห่งชาติ ได้ดำเนินการติดต่อทำความร่วมมือกับเครือข่ายโรงภาพยนตร์ไปพร้อมกัน สตูดิโอสองแห่งรวมตัวเข้าด้วยกันจึงกลายเป็นเรื่องสำคัญเรื่องใหญ่ในตอนนี้
ลู่เฉินได้คุยกับเฉินเฟยเอ๋อร์เรียบร้อยแล้ว เพื่อความรวดเร็วและหลีกเลี่ยงความยุ่งยาก สตูดิโอของเฉินเฟยเอ๋อร์จะรวมเข้ากับสตูดิโอลู่เฉิน หลังจากนั้นสตูดิโอลู่เฉินค่อยยื่นเอกสารขอจดทะเบียนบริษัทใหม่
สำนักงานใหญ่ของบริษัทเฉินเฟยมีเดียยังคงตั้งอยู่ที่ที่อยู่เดิมของสตูดิโอลู่เฉิน หรือก็คือในศูนย์ศิลปะยุคใหม่ ไม่ต้องเปลืองแรงขนย้ายข้าวของ
การจดทะเบียนบริษัทใหม่ไม่มีปัญหาใดๆ อย่างมากจะเสร็จสิ้นภายในหนึ่งสัปดาห์ แต่ปัญหาอย่างแรกของการรวมตัวสตูดิโอทั้งสองก็คือ…พื้นที่ในศูนย์ศิลปะยุคใหม่ไม่พอใช้!
…………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar