ตอนที่ 684 ยินดีแน่นอน
ภายในห้องสวีทห้องที่ 1908 โรงแรมลี่จิงในกรุงปักกิ่ง บรรยากาศกดดันมาก
หวังหาน เกาซาน และคนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเซินเยวี่ย ไม่ว่าอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่า เฉินเฟยมีเดียจะกล้าใช้วิธีการเปิดเผยสัญญามาตอบโต้ อย่างนั้นไม่เพียงล้มโต๊ะแล้ว แม้แต่หม้อข้าวยังทุบทิ้งอีกด้วย
เมื่อเป็นอย่างนี้ อันซินในฐานะที่เป็นคนต้นเรื่องก็ยิ่งกระอักกระอ่วนใหญ่
เธอทั้งไม่อาจปฏิเสธความจริง และยังแก้ต่างไม่ได้อีกด้วย คำพูดก่อนหน้านี้พูดไว้เสียสวยหรู จะให้กระโดดออกมาสงสัยในตัวเฉินเฟยมีเดียหรือว่าก่นด่าก็ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ ทั้งไร้เหตุผลและยังทำลายภาพลักษณ์ตัวเองอีกด้วย อย่างนั้นมันโง่งมเกินไป
การตอบโต้ที่ดีที่สุดก็คือการเงียบเสีย เงียบเพื่อให้เรื่องมันผ่านไป อย่างไรเสียอีกไม่กี่วันเรื่องก็คงหายไปกับเมฆฝน เรื่องราวประเด็นร้อนในวงการบันเทิงเกิดขึ้นไม่นานหรอก
สำหรับอันซินแล้ว เธอและหวังหานทำอุบายมากมาย เอาเปรียบไม่ได้แถมยังทำให้เฉินเฟยมีเดียขุ่นเคืองอีก แม้แต่คอมเมนต์บนอินเทอร์เน็ตยังไม่ดีเลย
แฟนคลับหลายคนล้วนกำลังสงสัยว่าอันซินกำลังทำตัวละโมบโลภมากเกินไปใช่หรือไม่ มีไม่น้อยเลยที่บอกว่าเธอนั้นลืมผู้มีพระคุณ
ทิศทางของกระแสคอมเมนต์บนอินเทอร์เน็ตมักจะเปลี่ยนไปมาง่ายมาก
และบัญชีทางการของเฉินเฟยมีเดียก็ยังเปิดเผยสัญญาตัวจริงออกมาอีก ในขณะที่กำลังพิสูจน์ความจริงนั้น ก็เหมือนตบลงไปบนหน้าของผู้ที่ปั้นน้ำเป็นตัวบนอินเทอร์เน็ตด้วย…อย่าซี้ซั้วพูด!
แน่นอนว่ายังมีคนไม่ยอมแพ้ สงสัยว่าสัญญานั้นเป็นฉบับจริงหรือไม่ อย่างไรเสียฉบับที่สแกนมาก็ปลอมขึ้นมาได้ง่ายมาก
แต่ลู่เฉินได้ออกมาพูดแล้ว
นับตั้งแต่เรื่องอื้อฉาวในการเซ็นสัญญากับอันซินเกิดขึ้น ลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์ก็เงียบมาโดยตลอด โดยอ้างว่ายุ่งอยู่กับการถ่ายทำเรื่อง ‘ยัยตัวร้ายกับนายต่างดาว’ และยังปฏิเสธการสัมภาษณ์จากสื่ออีกด้วย
สิ่งนี้ทำให้หลายคนคิดว่ามีลับลมคมในซ่อนอยู่
แต่ลู่เฉินไม่พูดอะไร ไม่ใช่เพราะเขากลัว แต่เป็นเพราะรอตอบโต้กลับในเวลาที่เหมาะสมต่างหาก
ตอนนี้เขาตอบโต้แล้ว
หลังจากการประกาศแถลงการณ์ของบริษัทเฉินเฟยมีเดียเพียงสองชั่วโมงเท่านั้น เขาก็ประกาศในบล็อกส่วนตัวของตัวเอง
เนื้อความในบล็อกนั้น ก่อนอื่นเขาคิดว่าเธอเป็นนักร้องที่มีพรสวรรค์ทั้งยังขยันเป็นอย่างมาก ทั้งยังรู้สึกเสียดายที่อันซินปฏิเสธสัญญาที่เฉินเฟยมีเดียเสนอ ทั้งยังอวยพรให้อันซินประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้นไปอีกบนเส้นทางบันเทิง
หลังจากนั้นลู่เฉินยังเอ่ยถึงสถิติเรตติ้งที่รายการ ‘เดอะวอยซ์ไชน่า’ ได้ทำไว้ในกลุ่มรายการวาไรตี้
ตอนนี้ทุกคนถึงได้ทราบว่า ที่แท้ไอเดียและคอนเซ็ปต์ของรายการ ‘เดอะวอยซ์ไชน่า’ นั้นมาจากลู่เฉินนั่นเอง ทั้งยังได้จดลิขสิทธิ์เอาไว้ทั่วโลกแล้ว นอกจากนี้ยังบรรลุข้อตกลงการขายลิขสิทธิ์กับสถานีโทรทัศน์เคบีเอสของเกาหลีใต้อีกด้วย
เช่นเดียวกัน กฎทั้งหมดของรายการ ‘เดอะวอยซ์ไชน่า’ ก็ถูกกำหนดโดยลู่เฉิน
ในด้านข้อกำหนดของกฎเกณฑ์ในรายการ รายการ ‘เดอะวอยซ์ไชน่า’ เรียกได้ว่าล้มล้างกฎกติกาเดิมๆ ของรายการวาไรตี้ประเภทเดียวกันไปเลย สำหรับกฎที่ว่าไม่บังคับให้ผู้เข้าแข่งขันต้องเซ็นสัญญานั้น ถือว่าได้ให้อิสระเป็นอย่างมากแก่ผู้เข้าแข่งขันในรายการ
ลู่เฉินย้อนรำลึกถึงเมื่อคราวที่ตัวเองเพิ่งเข้าวงการ เคยเผชิญหน้ากับสัญญาศิลปินที่เอารัดเอาเปรียบมากมาย ‘อะไรที่ตัวเองไม่ชอบ จงอย่าทำกับคนอื่น’ ดังนั้นเขาจึงได้ตัดสินใจแบบนี้ ต่อให้มีคนคัดค้านก็เถอะ
แม้ว่าจะทำให้เกิดกระแสขึ้นมา แต่เขาไม่เสียใจเลย
“ปีหน้ารายการ ‘เดอะวอยซ์ไชน่า’ ซีซันสอง กฎกติกาก็จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เฉินเฟยมีเดียและสตาร์แฟคตอรีมีเดียจะไม่มีทางทำสัญญาผูกมัดแน่นอน ต่อให้เป็นนักร้องที่มีสัญญาอยู่ก่อนแล้ว บนเวทีของเดอะวอยซ์ก็จะได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมแน่นอน”
นี่คือคำสัญญาที่ลู่เฉินประกาศกร้าวออกมาในบรรทัดสุดท้ายของถ้อยคำในบล็อก
โพสต์นี้ของเขา คือการอธิบายแถลงการณ์จากบัญชีทางการของเฉินเฟยมีเดียนั่นเอง เขาได้พิสูจน์ความจริงแล้ว
ที่จริงถ้าทุกคนคิดดูก็คงจะรู้แน่ชัด เฉินเฟยมีเดียสามารถเซ็นสัญญากับอันซินได้อย่างสบายๆ เลยระหว่างที่มีการแข่งขัน และก็มีความเป็นไปได้ที่อันซินจะไม่ปฏิเสธ
อย่างนั้นทำไมต้องรอให้ได้แชมป์ แล้วค่อยเอาสัญญาเอารัดเอาเปรียบไปบังคับให้เซ็นสัญญาล่ะ
ไม่มีเหตุผลโง่ๆ อย่างนั้นหรอก
เหตุผลจริงๆ แค่คิดดูก็รู้แล้ว หลายคนที่จริงแล้วก็เพราะถูกคอมเมนต์ในอินเทอร์เนตชักจูงไปนั่นเอง ถึงได้ลืมส่วนที่สำคัญที่สุดไป ตอนนี้เมื่อความจริงปรากฏถึงได้เข้าใจ
ส่วนแฟนคลับของลู่เฉินนั้น ก็สนับสนุนเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar