อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ นิยาย บท 9

เสียดาย ตอนที่เต๋อเฟยตามออกไป แต่ไม่รู้ว่าโม่เยว่พาหยวนเป่าไปที่ใด

แม่นมมองท้องฟ้าที่มืดสนิทแวบหนึ่ง เตือนนางว่าประตูวังจะปิดลงแล้ว เต๋อเฟยรู้สึกไม่พอใจ แต่ก็พาคนในวังทั้งหมดจากไป

ก่อนจะจากไป ได้สั่งหรูโม่กับหรูยี่ ว่าต้องตรวจสอบให้ได้ว่าเด็กคนนั้นเป็นใคร

หยุนหว่านหนิงถูกส่งกลับไปที่เรือนชิงหยิ่ง

นางไม่ได้สลบอย่างที่คนอื่นคิด สาวรับวางนางเอาไว้ที่เตียงแล้วก็จากไป

นางพยายามจะลงจากเตียง ไปหยิบยามาทาแผลของตนเองอย่างยากลำบาก

แต่ว่า สะโพกหลังที่ได้รับบาดเจ็บ การทายาเองไม่สะดวกเลยสักนิด……

ประตูห้องถูกผลักออก นางนึกว่าหยวนเป่ากลับมาแล้ว กำลังจะเอ่ยปากห้าม แต่กลับได้ยินเสียงทุ้มต่ำของโม่เยว่ดังขึ้น “ข้าเอง”

นางจึงรู้สึกโล่งใจขึ้น ดึงผ้าห่มมาคลุมเอาไว้

“ท่านอ๋องมาทำไม มาหัวเราะเยาะข้าหรือ”

“หยุนหว่านหนิง เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดจาให้เจ็บแสบก็ได้ ”

โม่เยว่ขมวดคิ้ว

อาศัยแสงเทียน เขาเห็นสีหน้าเจ็บปวดของหยุนหว่านหนิง จึงวางยาที่ถือไว้ในมือลงบนโต๊ะอย่างแรง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าคงจะคิดมากไปเอง”

เขานั่นเอายามาให้ด้วยความหวังดี

แววตาของหยุนหว่านหนิงสั่นระริกเล็กน้อย น้ำเสียงอ่อนโยนลง เปลี่ยนหัวข้อสนทนา “หยวนเป่าเล่า”

“เขาหิวแล้ว ข้าได้สั่งให้คนครัวดูแลเรื่องการกินของเขา ทำอาหารค่ำให้ ตอนนี้ หรูยี่กำลังดูแลเขากินข้าวอยู่ที่ห้องครัว”

ได้ยินอย่างนี้ หยุนหว่านหนิงก็รู้สึกผิดในใจขึ้นมา

ดึกขนาดนี้แล้ว หยวนเป่าต้องหิวมากแน่ๆเลย

เห็นนางไม่พูดอะไร โม่เยว่จึงเอายาเดินเข้าไป “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ทายาเองได้หรือไม่”

หยุนหว่านหนิงทายาเสร็จแล้ว แต่ว่ายังมีบางที่ ที่ทาไม่ถึงจริงๆ

มองดูยาในมือของโม่เยว่แวบหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเป็นยาของโรงเรียนแพทย์หลวง น่าจะได้ผลมากกว่าแน่

ถ้าหากนางได้รับบาดเจ็บ หยวนเป่าก็ไม่มีคนดูแล

ในเมื่อ ก็แค่เป็นการทายา ไม่ได้เสียเนื้อเสียตัว……หยุนหว่านหนิงตัดสินใจ พูดกับโม่เยว่ว่า “ข้า ข้าทาเองไม่สะดวก ท่านช่วยข้าทายาได้หรือไม่”

“ว่าไงนะ”

โม่เยว่ชะงักไปชั่วครู่ คิดว่าตัวเองได้ยินผิดไป

“ข้าบอกว่า ท่านช่วยข้าทายาได้หรือไม่”

หยุนหว่านหนิงมองเขา พูดซ้ำอีกครั้งอย่างหนักแน่นจริงจัง

บางทีอาจเป็นเพราะเห็นแววตาตกใจของเขา ใบหน้าของนางก็เลยแดงระเรื่อขึ้นมาจางๆ และหลบตา“ในเมื่อ ข้าแต่งงานกับท่านแล้ว ท่านคงไม่ได้อายจนไม่กล้าทายาหรอกกระมัง”

นางพึมพำ ใช้วิธีพูดเพื่อกระตุ้นเขา

“ใคร ใครบอกว่าข้าไม่กล้า”

โม่เยว่กัดฟัน เปิดจุกขวดยาออก เลิกผ้าห่มขึ้น

มองดูบาดแผล ที่จริงก็ไม่ได้ร้ายแรงมาก

แม่นมคนนั้น ยังรู้จักยั้งมืออยู่บ้าง

“เจ้าเองก็ปากแข็ง เสด็จแม่ลงโทษเจ้า เจ้าก็ยอมรับผิดแต่โดยดีก็พอแล้ว ทำไมต้องต่อปากต่อคำกับเสด็จแม่ด้วย”

เขาควักยาออกมา ทาไปที่แผ่นหลังของนางอย่างเบามือ สั่งสอนนางราวกับกำลังสั่งสอนลูก “คนอย่างเสด็จแม่ ก็แค่ปากร้ายแต่ใจดี……”

“ฮึ สำหรับท่านน่ะปากร้ายแต่ใจดี กับข้าแล้วร้ายทั้งปากและร้ายทั้งใจ”

หยุนหว่านหนิงยิ้มขัน

แม้ว่าโม่เยว่จะได้รับบาดเจ็บเพราะนาง แต่เมื่อคืนนางได้ถอนพิษและทายาให้เขาแล้วมิใช่หรือ

หันกลับไปมองแวบหนึ่ง ไหล่ของเขาได้รับบาดเจ็บ ฉะนั้นการเคลื่อนไหวจึงไม่สะดวกนัก

“ตอนนี้พวกเราสองคนช่างน่าขันจริงๆ ไหล่ท่านเจ็บแต่ยังต้องช่วยทายาให้ข้า ส่วนข้าที่เจ็บก้นก็ยังต้องช่วยเปลี่ยนยาให้ท่านอีก ถ้าหากเรื่องนี้แพร่ออกไป คงจะกลายเป็นเรื่องตลกแน่”

โม่เยว่นิ่งเงียบไป ได้แต่ทายาให้นางอย่างตั้งใจ

สายตาของเขาจดจ่อ ใบหูกลับแดงก่ำ

สายตาไม่กล้าเคลื่อนไปมองที่อื่น ……แม้ว่า เขากับหยุนหว่านหนิงจะเคยร่วมหอกันแล้วก็ตาม

นิ้วมือเรียวยาวชะงักไปเล็กน้อย เมื่อสัมผัสกับผิวของหยุนหว่านหนิง

ผู้หญิงคนนี้ถูกกักบริเวณมาสี่ปี ทำไมผิวพรรณจึงได้ดีเช่นนี้

ช่างอ่อนนุ่ม ราวกับแตะต้องเบาๆก็อาจแตกเป็นเสี่ยงได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์