เมื่อเห็นลูกชายตนเองตกตะลึงอ้าปากค้าง
หยุนหว่านหนิงก็ได้แต่คร่ำครวญในใจว่า จบกัน ตอนนี้แม้นางจะเอาตัวเองกระโดดลงไปในแม่น้ำ ก็ไม่มีทางชะล้างให้สะอาดได้แล้ว
หยวนเป่าเจ้าลูกคนนี้ แม้จะมีอายุแค่สามขวบ……แต่ก็มุดเข้ามุดออกจากรูตรงกำแพงเสมอ ไม่รู้ว่าไปเรียนรู้กับใครมา จึงค่อนข้างเข้าใจในเรื่องทำนองนี้เป็นอย่างดี
เขามักจะทำท่าเหมือนผู้ใหญ่ตัวน้อยๆ สั่งสอนหยุนหว่านหนิงด้วยท่าทีหัวโบราณ
“พี่หนิง ข้าจะบอกท่าน ท่านเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ควรจะหาผู้ชายแต่งงานออกเรือนได้แล้ว ท่านเอาแต่เฝ้าข้า จะมีประโยชน์อะไร”
ทุกครั้งที่ได้ยินเช่นนี้ หยุนหว่านหนิงมักจะรู้สึกเอือมระอา
จากนั้น ก็ลากตัวเขาไปสั่งสอนยกใหญ่
เจ้าเด็กคนนี้แค่สามขวบ นางไม่เฝ้าเขาจะให้เฝ้าใคร
อีกอย่าง แม้นางจะอยากแต่งงาน แต่ก็ไม่มีใครกล้าแต่งด้วย
ใครใช้ให้นางเป็นพระชายาหมิงเล่า
สามีของนางคือโม่เยว่ ยังไม่ตายเลย
เป็นดังคาด หยวนเป่าไม่สนใจของว่างที่หล่นอยู่บนพื้น ก้าวเท้าอวบอ้วนของเขาวิ่งเข้ามาหา “พี่หนิง พี่ชาย พวกท่านทำอะไรกัน”
หรูยี่ก็ตามเขามา เพิ่งจะถึงหน้าประตู ก็เห็นฉากนี้เข้า และถอยออกไปในทันที
“ไม่ ไม่มีอะไร”
โม่เยว่ลุกขึ้นยืน “แม่เจ้านาง นางถูกยุงกัด ข้าก็เคยช่วยนางเกาหลัง”
“ไม่ใช่ ช่วยทายาน่ะ ถูกยุงกัด จึงใช้ยาทา จะได้ไม่รู้สึกคันอีก”
“ใช่ๆๆ”
หยุนหว่านหนิงพยักหน้าตาม
ยาในวังเป็นของดีมาก นี่เพิ่งจะทาไปไม่ถึงเวลาหนึ่งก้านธูป นางก็รู้สึกว่าอาการเจ็บปวดบรรเทาลงไปมากแล้ว รับรู้ถึงความเย็นสบาย ที่แผ่ไปทั่วเรือนร่าง
นางค่อยๆลุกขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดนั่งลงบนเตียง “ทำไมเจ้าจึงกลับมาเร็วนักล่ะ”
“กินอิ่มแล้วหรือ”
“ยัง”
หยวนเป่าส่ายหน้าอย่างน่าสงสาร “อาหารไม่อร่อยเท่ากับที่ท่านแม่ทำ ข้ากินไม่ลง”
“ข้าเป็นห่วงท่านแม่ หรูยี่บอกว่าท่านแม่กลับมาแล้ว ข้าก็เลยมาหาท่าน”
ศีรษะกลมๆเบียดเข้ามาที่ข้างเตียง เบียดโม่เยว่ให้พ้นทาง ใบหน้าเล็กๆพยายามซุกเข้าไปในอ้อมอกของหยุนหว่านหนิง“ท่านแม่ คืนนี้ท่านไปไหนมา ข้าหาท่านไม่เจอเลย ข้าเป็นห่วงท่านมาก……”
“แม่ไม่เป็นไร แม่ไปกับ……พี่ชายคนนี้ของเจ้า พอดีมีเรื่องคุยกัน จึงเสียเวลานานหน่อย”
หยุนหว่านหนิงยิ้ม กอดหยวนเป่าเข้ามาในอ้อมอก หอมเขาหนึ่งที
เห็นแม่ลูกทั้งสองแสดงความรักต่อกันอย่างอบอุ่น ในใจของโม่เยว่ก็เกิดความรู้สึกประหลาดขึ้นมา
ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่า ทำไมเมื่อครู่ตอนที่หยุนหว่านหนิงถูกโบย จึงต้องขอความช่วยเหลือจากเขาอย่างน่าสงสาร เพื่อให้พาหยวนเป่าไปจากตรงนั้น
มีลูกชายที่เป็นห่วงเป็นใยอยู่ข้างกายเช่นนี้ หากเป็นเขา ก็ยินดีจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อเขา
สองแม่ลูกคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าโม่เยว่ยังยืนอยู่ข้างเตียง หยุนหว่านหนิงก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา “ทำไมท่านอ๋องยังไม่ไปอีก นี่ก็ค่ำมากแล้ว”
นี่นางเอ่ยปากไล่เขาอีกแล้วอย่างนั้นหรือ
ใบหน้าของโม่เยว่ดูไม่เป็นธรรมชาติสักเท่าไหร่
เขากระแอมเบาๆ “ที่นี่เป็นจวนของข้า ข้าอยากจะอยู่ที่ไหนก็ย่อมได้ ”
นี่จะหน้าด้านอยู่ต่ออย่างนั้นเหรอ
หยุนหว่านหนิงไม่ได้ไล่เขาอีก เพราะเมื่อครู่เขาช่วยทายาให้นาง
นางวางหยวนเป่าลง ลงจากเตียง “ท่านอ๋องก็คงยังไม่ได้กินมื้อค่ำ ถ้าหากไม่รังเกียจว่ากับข้าวที่เรือนชิงหยิ่งของเราธรรมดา และจืดชืดเกินไปก็กินสักหน่อยเถอะ”
เห็นนางเดินกะเผลกไปยังห้องครัว โม่เยว่ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา “เจ้าจะไปทำกับข้าวเองหรือ”
“ในบ้านนี้ถ้าข้าไม่ทำ ยังมีคนรับใช้มาช่วยทำหรืออย่างไร ”
หยุนหว่านหนิงหันกลับไปมอง พูดกลั้วเสียงหัวเราะเยาะ “พวกเราสองแม่ลูก ชินกับการลงมือทำด้วยตนเองแล้ว คงสุขสบายจไม่เท่าท่านอ๋อง”
เขาอยากจะเห็นมาก ว่าที่อยู่ในปากของผู้หญิงคนนี้เป็นฟัน หรือว่าเข็มกันแน่
ทำไมจึงได้แหลมคมนัก แค่เปิดปากก็สามารถบาดเขาจนรู้สึกไม่สบายไปทั้งตัวได้เช่นนี้
“แต่ว่าเจ้าไม่สะดวก ข้าสั่งให้คนมาส่งก็ได้”
หยุนหว่านหนิงเดินออกไปโดยไม่หันกลับมา “ไม่จำเป็น หยวนเป่ากินอาหารเสริม และกับข้าวที่ข้าทำเองกับมือมาตั้งแต่เด็ก ไม่ชินกันการกินอาหารที่คนอื่นทำ ”
เมื่อครู่ลูกชายก็บอกแล้ว เขากินไม่อิ่ม
หยุนหว่านหนิงทำกับข้าวเร็วมาก
แม้ร่างกายจะบาดเจ็บ แต่ก็ยกกับข้าวเข้ามาอย่างรวดเร็ว ดูท่าแล้ว คงจะชินกับงานบ้านพวกนี้แล้ว ฉะนั้นจึงได้ดูคล่องแคล่วมาก
มองดูกับข้าวบนโต๊ะที่เป็นผัดสี่อย่างน้ำแกงหนึ่งอย่าง โม่เยว่มองนางอย่างตกตะลึง
“นี่คือที่เจ้าบอกว่า อาหารธรรมดาจืดชืดหรือ”
ในสายตาของโม่เยว่ ที่วางอยู่บนโต๊ะ มีก้อนเนื้อทอดจานใหญ่ สันในหมูผัดเปรี้ยวหวาน ปลานึ่ง และผัดผักอีกหนึ่งจาน และน้ำแกงไข่ไก่ใส่มะเขือเทศ
“กับข้าวธรรมดาที่พวกเจ้ากินทุกวัน คือสิ่งเหล่านี้หรือ”
โม่เยว่ถามอย่างไม่อยากเชื่อ
ถึงว่า
สี่ปีนี้หญิงสาวคนนี้ทำไมจึงได้กลายเป็นสาวแก่หน้าเหลือง แต่กลับอวบอิ่มน่าหลงใหลมากขึ้น
กินดีขนาดนี้ อยากจะผอมก็คงเป็นไปได้ยาก
“ใช่แล้ว นี่คือหัวสิงโตน้ำแดง ท่านคงไม่เคยกิน เป็นอาหารที่หยวนเป่าชอบมากที่สุดจานหนึ่ง ลองชิมดู”
หยุนหว่านหนิงชี้ไปที่หัวสิงโตน้ำแดง แต่ไม่ได้คีบกับข้าวให้เขา
นางรู้ดี โม่เยว่ไม่ชอบให้คนอื่นคีบกับข้าวให้
“คืนนี้มีเวลาน้อย กลัวว่าหยวนเป่าจะหิวนาน จึงทำกับข้าวแค่นี้ มีทั้งเนื้อสัตว์และผัก มีสารอาหารครบถ้วน ถึงจะนับว่าเป็นวิถีแห่งความแข็งแรง”
นางคีบเนื้อบดก้อนใหญ่ให้กับหยวนเป่า
โม่เยว่อยากจะล้มโต๊ะกินข้าวจริงๆ
เจ้าพวกบ่าวหน้าไหว้หลังหลอกเหล่านั้น
หลายปีมานี้ ถึงกับกล้าทำหูทวนลมต่อคำสั่งของเขา
ให้พวกเขาทรมานหยุนหว่านหนิง แต่กลับทรมานด้วยวิธีเช่นนี้อย่างนั้นหรือ
ตอนนี้เอง ด้านนอกประตูมีเสียงของหรูยี่ดังขึ้น “ท่านอ๋อง อ๋องหยิงกับพระชายาหยิงมาเยี่ยมท่าน ตอนนี้กำลังรออยู่ที่โถงใหญ่แล้ว”
หยุนหว่านหนิงชะงักไป ในสายตามีประกายหม่นหมองวาบขึ้นมา
โม่หุยเฟิงกับฉินซื่อเสวียมาอย่างนั้นหรือ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
นิยายสนุก แต่ช่วยมาลงต่อให้จบได้ไหมคะ...
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...