ได้ยินคำพูดของหรูยี่โม่เยว่ก็เผลอมองไปทางหยุนหว่านหนิงแวบหนึ่ง
สี่ปีก่อนสิ่งที่นางทำกับฉินซื่อเสวียเป็นความจงใจ และเป็นเรื่องไม่เล็กเลย……
เดิมคิดว่า จะสามารถเห็นอะไรบางอย่างจากสีหน้าเขา แต่โม่เยว่ก็ต้องผิดหวัง ตั้งแต่ต้นจนจบนางสีหน้าไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย เอาแต่คีบกับข้าวให้หยวนเป่า กำชับให้เขากินข้าวดีๆ
ไม่มีแววอิจฉาริษยา ไม่มีแววแค้นเคือง กระทั่งสีหน้าก็ยังไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด
ผู้หญิงคนนี้ ไม่ได้สนใจเลยสักนิด
นี่มันเป็นไปไม่ได้
โม่เยว่ขมวดคิ้ว
สี่ปีก่อน เพื่อให้ได้แต่งงานกับเขา นางได้ทำลายความบริสุทธิ์ของฉินซื่อเสวีย
หลังจากเกิดเรื่อง ก็ใส่ร้ายป้ายสีฉินซื่อเสวียอีกหลายครั้ง บอกว่านางเป็นคนสั่งให้ทำสิ่งเหล่านั้น โม่เยว่ย่อมไม่เชื่อคำโกหกของนาง ยิ่งรู้สึกโกรธเกลียดแค้นใจในเรื่องโกหกของนางมากขึ้นด้วย
“พี่สามกับพี่สะใภ้สามมาแล้ว เจ้าจะออกไปพบพวกเขากับข้าหรือไม่”
เขาจงใจหยั่งเชิง
หยุนหว่านหนิงยังคงสีหน้าไม่เปลี่ยน “อ๋องหยิงกับพระชายาหยิงมาเยี่ยมท่านอ๋อง ข้าจะไปทำไม”
“อีกอย่าง ในเมืองหลวงใครบ้างไม่รู้ ข้ากับความสัมพันธ์ของท่านอ๋องนั้นไม่ดีถูกกักบริเวณอยู่ในเรือนชิงหยิ่ง หากออกไปพบหน้าผู้คนอย่างกะทันหันคงไม่ดีแน่”
“ข้านึกว่าเจ้า ก็อยากจะไปพบพี่สะใภ้สามเหมือนกัน ”
โม่เยว่ยังคงหยั่งเชิงต่อไป “เพราะว่าเมื่อก่อน พวกเจ้าเคยเป็นเพื่อนกัน”
เป็นเพื่อนกัน
อืม แทบอยากจะขีดฆ่าคำว่าเป็นเพื่อนกันของฉินซื่อเสวียไปเสียจริง
หยุนหว่านหนิงยิ้มเย็นในใจ “ท่านอ๋องอยากจะพูดอะไรก็พูดมาตรงๆเลยดีกว่า ไม่จำเป็นต้องหยั่งเชิงกันเช่นนี้”
ถูกนางจับได้แล้ว
โม่เยว่ยิ้มอย่างทำตัวไม่ถูก “ข้าคิดว่า เจ้าอยากจะพบนาง”
“ถ้าหากข้าอยากพบ ท่านอ๋องสามารถพาข้าไปพบได้อย่างนั้นหรือ”
หยุนหว่านหนิงเลิกคิ้ว
นางอยากจะเจอฉินซื่อเสวียจริงๆ
อยากจะเห็น ยอดดวงใจของโม่เยว่ รวมไปถึงคนที่ทำให้นางต้องถูกขังอยู่ในเรือนชิงหยิ่งถึงสี่ปี ถูกผู้คนตราหน้าว่าเป็นตัวหายนะ
เมื่อเห็นว่านางอยากจะไปขึ้นมาจริงๆ สีหน้าของโม่เยว่ก็ไม่น่าดูขึ้นมา
เป็นดังคาด
ผู้หญิงคนนี้ ยังคงมีความอิจฉาต่อฉินซื่อเสวียที่ปล่อยวางไม่ได้
ผ่านไปตั้งสี่ปีแล้ว เดิมทีเขาคิดว่าสองสามวันที่ผ่านมานี้นิสัยของนางจะเปลี่ยนไปแล้ว ไม่เหมือนกับเมื่อก่อนแล้ว
แต่ตอนนี้ดูแล้ว ก็ยังคงน่ารังเกียจเหมือนเดิม
“ในเมื่อเจ้าอยากไป ข้าก็จะพาเจ้าไป ”
โม่เยว่มองนางด้วยสายตาเรียบเฉย ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะไม่น่ากินแล้ว เขาสั่งให้หรูยี่อยู่ดูแลหยวนเป่าแล้ว ก็พาหยุนหว่านหนิงไปที่โถงด้านหน้า
แม้จะถูกโบยไป แต่หยุนหว่านหนิงที่อาบน้ำแต่งตัวแล้ว อดทนต่อความเจ็บปวดเอาไว้ก็มองไม่ออกว่ามีตรงไหนไม่ถูกต้อง
เมื่อไปถึงโถงหน้า โม่เยว่เพิ่งจะรู้ว่า ผู้หญิงคนนี้ไม่เหมือนกับเมื่อก่อนแล้วจริงๆ
ตอนนี้เป็นเวลาดึกมากแล้ว
โม่หุยเฟิงกับฉินซื่อเสวียกำลังดื่มชา เมื่อเห็นโม่เยว่เดินเข้ามาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ ฉินซื่อเสวียก็รีบลุกขึ้นยืน “อ๋องหมิง ข้ากับท่านอ๋องมาดึกขนาดนี้ คงไม่เป็นการรบกวนการพักผ่อนของเจ้ากระมัง”
รู้ว่าดึกแล้ว ยังเลือกมาในเวลาเช่นนี้ แล้วยังพูดแบบนี้อีก
เป็นยอดฝีมือในบรรดาผู้หญิงตอแหลชัดๆ
คำพูดที่ฟังดูตอหลดตอแหลของฉินซื่อเสวียหยุนหว่านหนิงได้แต่ยิ้มเย็นในใจ
โม่เยว่เพียงแต่พยักหน้าเล็กน้อย พูดคำว่า “ขอบคุณความห่วงใยของพี่สามและพี่สะใภ้สาม” จากนั้นก็นั่งลง
หยุนหว่านหนิงที่เดินตามมาข้างหลัง ปรากฏขึ้นต่อหน้าฉินซื่อเสวียกับโม่หุยเฟิง
สี่ปีที่ไม่ได้เจอ และต้องพบนางอีกครั้งอย่างกะทันหัน ฉินซื่อเสวียยังจำนางไม่ได้
ตอนที่นางมองหยุนหว่านหนิงอย่างวิเคราะห์นั้น หยุนหว่านหนิงก็วิเคราะห์นางเช่นเดียวกัน ……คุณหนูฉินคนนี้ เป็นหญิงงามสมคำร่ำลือในเมืองหลวงจริงๆ มีใบหน้าที่อวดงามอ่อนช้อย
ขาเล็กนั่น เกรงว่าจะใหญ่ไม่เท่าแขนของนางด้วยซ้ำ
ดวงหน้าที่เต็มไปด้วยความรัก เกรงว่าชายคนใดก็ไม่อาจจะต้านทานได้
ไม่เสียดาย ที่เป็นถึงยอดดวงใจของโม่เยว่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...