อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ นิยาย บท 12

“พระชายาหยิงเป็นห่วงท่านอ๋องของพวกเราเสียจริง”

หยุนหว่านหนิงถือแก้วน้ำชาเอาไว้ มองนางด้วยสายตาเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “หรือว่า ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว ในใจของพระชายาหยิงยังคงมีเขาอยู่”

แค่คำพูดประโยคเดียว สีหน้าของทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็เปลี่ยนเป็นไม่พอใจขึ้นมาทันที

โดยเฉพาะโม่หุยเฟิง

ฉินซื่อเสวียตกใจมาก

นางคิดไม่ถึงว่า หยุนหว่านหนิงจะกล้าพูดเรื่องนี้ออกมาตรงๆ

หลายปีมานี้ เรื่องนี้เป็นดั่งหนามยอกอกในใจของพวกเขาทุกคน แม้ว่านางจะแต่งงานกับโม่หุยเฟิงแล้ว และยังให้กำเนิดลูกสาวสองคนด้วย แต่ในใจของเขาก็ยังคงสงสัยในตัวนางอยู่

คิดว่านางยังคงลืมโม่เยว่ไม่ได้

ฟ้าดินเป็นพยาน นางไม่เคยหวั่นไหวกับโม่เยว่มาก่อนเลย

โม่เยว่สีหน้าขรึมลง ตำหนิหยุนหว่านหนิงทันที “พูดจาเหลวไหลอะไร ถ้าขื นยังพูดจาเรื่อยเปื่อยอีก ก็ออกไปเลย”

“ท่านอ๋อง ข้าพูดเหลวไหลหรือไม่ ท่านย่อมรู้ดีแก่ใจ สี่ปีก่อน พระชายาหยิงท่านนี้ทุ่มเทแรงใจวางแผนการทำอะไรไว้บ้าง ข้ารู้ดีกว่าพวกท่านทั้งหมด”

หยุนหว่านหนิงยิ้มเย็น

คนอย่างนาง ถือคติที่ว่ามีแค้นต้องชำระมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

ถ้าหากไม่ใช่เพราะเมื่อสี่ปีก่อนนางอ่อนแอเกินไป ก็คงไม่มีทางปลอ่ยให้ฉินซื่อเสวียใช้ชีวิตอย่างสุขสบายมาถึงสี่ปีแน่

วันนี้ นางจะพูดถึงเรื่องเมื่อสี่ปีก่อนให้ชัดเจน

เห็นนางจะเปิดเผยเรื่องราวออกมา ฉินซื่อเสวียก็รู้สึกกลัวมาก รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “อ๋องหมิง ข้ากับท่านอ๋องได้นำโสมมาด้วย จะได้ใช้บำรุงร่างกายให้ดีขึ้น”

“พระชายาหยิงร้อนตัวอย่างนั้นหรือ”

สีหน้าของหยุนหว่านหนิงมีแววเย็นชา “นี่ท่านไม่กล้า จะเผชิญหน้ากับข้าหรือ”

“หลายปีมานี้ กลางคืนท่านนอนหลับสนิทหรือไม่ ข้าถูกท่านใส่ร้าย ถูกใช้เป็นเครื่องมือในแผนการ ท่านเคยรู้สึกเสียใจบ้างหรือไม่”

เมื่อเห็นว่าการเบี่ยงเบนหัวข้อสนทนาล้มเหลว ฉินซื่อเสวียก็รีบเบือนสายตาออกไปอย่างร้อนรน “ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร”

“ไม่รู้ หรือว่าไม่กล้ายอมรับ”

เมื่อปะทะเข้ากับสายตาที่บีบคั้นของนาง ฉินซื่อเสวียก็รู้สึกร้อนใจมาก แต่ใบหน้ายังคงฝืนว่านิ่งสงบ

ฉินซื่อเสวียไม่พอใจขึ้นมาแล้ว “หยุนหว่านหนิง เจ้ากำลังพูดจาเหลวไหลอะไร อย่าคิดจะใส่ร้ายป้ายสีกันอย่างเด็ดขาด”

“ข้าพูดจาใส่ร้ายหรือว่าพูดเรื่องจริง พระชายาหยิงรู้ดีแก่ใจ อ๋องหยิงจิตใจดีมากจริงๆ ถึงสามารถปล่อยให้พระชายาหยิงหลอกลวงท่านมาจนถึงบัดนี้”

นางหัวเราะเบาๆ

หยุนหว่านหนิงได้ตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ถ้าวันนี้ไม่ทำให้น้ำขุ่นจะไม่ยอมรามือ

“พระชายาหมิง ไม่ทราบว่าข้าไปทำให้เจ้าไม่พอใจตรงไหน เจ้าจึงต้องใส่ร้ายข้าเช่นนี้”

ฉินซื่อเสวียหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา บีบน้ำตาออกมาสองหยด “ตอนนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทุกคนต่างก็รู้ดี เดิมทีข้าไม่อยากจะสืบสาวเอาเรื่องอีกแล้ว แต่คืนนี้เจ้ากลับดื้อดึงพูดออกมาโดยไม่ยอมปล่อยเลย เช่นนั้นพวกเราก็มาคุยกันให้จบเถอะ”

ที่นางทำอยู่ คือน้ำตาไหลพรากเต็มใบหน้า ท่าทีดูน่าสงสารจับใจ

“ตอนนั้นข้าถูกเจ้าทำลายจนเสียความบริสุทธิ์”

“พอเห็นอ๋องหมิงกักบริเวณเจ้าเป็นการลงโทษ ข้าก็รู้สึกเห็นใจ ฉะนั้น จึงไม่ได้ถือสาเอาเรื่องอีก ไหนเลยจะคิดว่าตอนนี้เจ้าจะมาแว้งกัดข้า พูดจาใส่ร้ายป้ายสีกันเช่นนี้……”

ระหว่างพูด นางก็สะอื้นไปด้วย

ฉินซื่อเสวียเหมือนจะพูดต่อไปไม่ไหวแล้ว ได้แต่เช็ดน้ำตา จากนั้นค่อยพูดต่อว่า “นี่เจ้าจงใจ จะบีบข้าให้ตายเลยหรือ”

ผู้หญิงคนนี้ ต้องเป็นหญิงตอแหลที่ร้ายกาจที่สุดแน่ๆ

คำพูดนี้ พูดได้มีชั้นเชิงจริงๆ

ใช้คำพูดสวยหรูมาขยายประโยคนับครั้งไม่ถ้วน และยังพูดออกมาอย่างได้ใจว่าโม่เยว่ลงโทษนางเพราะนาง สุดท้ายยังใช้ความตายมาบีบบังคับคนอื่นอีก

หยุนหว่านหนิงอดที่จะรู้สึกทึ่งไม่ได้

นางปรบมือ “พระชายาหยิงพูดได้เยี่ยมจริงๆ ทำไมไม่ไปร่วมพูดในงานวิพากษ์วิจารณ์เล่า ช่างน่าเสียดายที่เอาแต่อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน”

งานวิพากษ์วิจารณ์

นางกำลังพูดจาเหลวไหลอะไรกัน

คิ้วของโม่เยว่ขมวดเข้าหากันแน่น

“เจ้าเอาแต่บอกว่าข้าใส่ร้ายเจ้า เจ้ากล้าสาบานกับข้าหรือไม่”

หยุนหว่านหนิงเก็บรอยยิ้มทันที จ้องนางด้วยสายตาดุดัน “เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสี่ปีก่อน ถ้าหากข้าพูดเท็จแม้แต่คำเดียว ขอให้ฟ้าผ่าข้า ไม่ได้ตายดี”

“พระชายาหยิง เจ้ากล้าหรือไม่”

ฉินซื่อเสวียย่อมไม่กล้าอยู่แล้ว

แต่เมื่อเห็นสายตาของโม่หุยเฟิงกับโม่เยว่ ต่างก็กำลังจ้องมาที่นาง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์