หยุนหว่านหนิงตื่นขึ้นเพราะความเจ็บปวด
เสียงหายใจของผู้ชายดังอยู่ข้างหู นางพยายามลืมตาขึ้น……ประสานเข้ากับดวงตาแดงก่ำของชายหนุ่มเข้าพอดี สายตาเต็มไปด้วยความรังเกียจและชิงชัง
ให้ตายเถอะ
เดิมทีนางเป็นพนักงานของพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ คืนนี้นางกำลังเข้าเวรอยู่
แต่ก่อนหน้านี้ไม่กี่นาที นางกำลังเช็ดทำความสะอาดกำไลข้อมือหยกชิ้นหนึ่งอยู่ ทันใดนั้นก็รู้สีกเจ็บแปลบที่ปลายนิ้วและมีเลือดหยดออกมา กำไลหยกชิ้นนั้นดูดกลืนเลือดเข้าไป ทันใดนั้นก็ปล่อยแสงจ้าแยงตาออกมา
นางถูกแสงสว่างคลุมเอาไว้ ทันใดนั้นก็หายวับไปจากพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ
และหลังจากตื่นขึ้นมาอีกครั้ง นางก็ถูกผู้ชายหน้าด้านคนนี้กดเอาไว้บนเตียงและกำลังทำเรื่องอย่างว่า
อีกอย่าง ท่าทางนี้ก็น่าอับอายเกินไปกระมัง ……นางเหมือนคนที่ใช้สนองตัณหาของผู้ชายคนนี้ มากกว่าจะเป็นภรรยาที่เพิ่งจะแต่งงานกันหมาดๆ ช่างซวยจริงๆเลย
หยุนหว่านหนิงชะงักไปชั่วครู่ จากนั้นก็ดิ้นรนต่อต้านสุดแรงเกิด “ไสหัวไป คนผีทะเล แกอยากตายหรือไง”
เห็นนางตื่นขึ้นมาแล้ว คิ้วของชายหนุ่มก็ขมวดแน่นขึ้น เอามือปิดดวงตาของนางเอาไว้ทันที
หยุนหว่านหนิงพยายามจะดิ้นรน แต่ว่าร่างกายนี้ช่างอ่อนแอเสียเหลือเกิน
การต่อต้านของนาง กลับกระตุ้นให้ชายหนุ่มโกรธมากยิ่งขึ้น เขาตบลงมาที่หน้าของนางอย่างแรง ตบจนนางมองเห็นดวงดาววิบวับเต็มไปหมด “หยุนหว่านหนิง เจ้าบอกว่าเจ้าทนความเหงาไม่ได้ไม่ใช่หรือ แม้แต่ข้ารับใช้ในจวนอ๋องเจ้าก็ยังชอบ”
“คืนวันแต่งงานเช่นนี้ เจ้ากำลังดูถูกข้าหรืออย่างไร”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะสนองให้เจ้าเอง”
ความเจ็บปวดรุนแรง ทำให้หยุนหว่านหนิงร้องขึ้นอย่างน่าอนาถ
นางไม่ได้รู้สึกถึงความหฤหรรษ์เลยแม้แต่น้อย รับรู้เพียงการหยามเหยียดและความเจ็บปวดอย่างไร้ที่สิ้นสุดเท่านั้น
เขาถอนร่างลุกขึ้น ดวงตายังคงแดงก่ำเหมือนเดิม ยืนมองหยุนหว่านหนิงที่นอนอยู่บนเตียงด้วยความอ่อนล้าเต็มที “เพื่อให้ได้แต่งงานกับข้า เจ้าถึงกับใช้แผนการสารพัด ”
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มลอง ว่าอะไรคือการอยู่ไม่สู้ตาย”
ระหว่างที่พูด เขาก็สวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ผืนผ้าที่เคยใช้เช็ดมือ ถูกกระแทกไปที่ใบหน้าของหยุนหว่านหนิง “เด็กๆ ตั้งแต่วันนี้ไปกักบริเวณพระชายาให้อยู่แต่ในเรือนชิงหยิ่ง ไม่มีคำสั่งจากข้า ห้ามให้ใครเข้าเยี่ยมอย่างเด็ดขาด”
“ถ่ายทอดคำสั่งของข้าลงไป พระชายาไม่สบายต้องการพักผ่อนเงียบๆ บ่าวรับใช้ในเรือนชิงหยิ่งทั้งหมด ให้ย้ายไปรับใช้ที่ลานด้านหน้า”
“ตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป ให้ปิดประตูของเรือนชิงหยิ่งซะ”
พูดจบแล้ว เขาก็เดินออกไปโดยไม่หันกลับมามอง ทิ้งไว้เพียงเงาหลังที่เลือนรางเท่านั้น
หยุนหว่านหนิงนั้นรู้สึกอ่อนแรงมาก
ร่างกายนี้ถูกทรมานจนเหลือแค่ลมหายใจเฮือกเดียวเท่านั้นแล้ว นางนอนอยู่บนเตียงไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ได้แต่มองดูประตูห้องที่ถูกปิดลงอย่างไร้น้ำใจด้วยตาปริบๆ
นางใช้สติปัญญาเท่าที่เหลืออยู่พยายามนึกย้อนกลับไป
ที่นี่คือราชวงศ์เป่ยจวิ้น เป็นรัชสมัยที่ไม่เคยถูกบันทึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์
ผู้ชายที่แสดงความใคร่กับนางราวกับสัตว์ป่าคนนั้นชื่อว่าโม่เยว่ เป็นอ๋องหมิงในสมัยนี้ สามีของนาง
นาง เดิมทีเป็นบุตรสาวคนโตของจวนยิ่งกั๋วกง คุณหนูหยุนหว่านหนิง
นางหลงรักโม่เยว่มาตั้งแต่เด็ก แต่กลับไม่อยู่ในสายตาเขาเลย ……เพื่อจะได้แต่งงานกับเขา นางคิดแผนการนับไม่ถ้วน และแผนการครั้งนี้นางได้ใช้น้องสาวแท้ๆของเขาโม่เฟยเฟยเป็นเครื่องมือ
ทำเอาโม่เฟยเฟยเกือบจะถูกย่ำยีให้เสียหาย
แม้ว่านางจะสามารถแต่งงานเข้ามาอยู่ในจวนอ๋องหมิงได้อย่างราบรื่น แต่โม่เยว่ก็เกลียดนางเข้ากระดูกดำ
คืนนี้ เป็นคืนเข้าหอของพวกเขา
นางถูกตบตีอย่างเหี้ยมโหดจากคำสั่งของโม่เยว่ จากนั้นก็ถูกเขาข่มขืนด้วยความรุนแรง
หยุนหว่านหนิงทนต่อไปไม่ไหวแล้ว หลับตาลง เข้าสู่ห้วงแห่งความมืดมน
……
ผ่านไปสี่ปี
โม่เยว่เดินอย่างรวดเร็วเข้าไปในจวนอ๋อง ใบหน้าเขาดำคล้ำมาก ในดวงตาเต็มไปด้วยความกราดเกรี้ยว ราวกับสิงโตที่เดือดจนใกล้จะปะทุแล้ว องครักษ์ที่ตามอยู่ทางด้านหลัง ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
เมื่อไปถึงห้องโถงใหญ่ เขาก็ทุบโต๊ะเก้าอี้ แจกันและแก้วน้ำแตกกระจายเต็มพื้น
“หยุนหว่านหนิงตัวดี ข้าก็แค่ให้เจ้าพักฟื้นสี่ปีเท่านั้น ถึงกับกล้าเขียนจดหมายไปยั่วยุไทเฮา คงจะรอไม่ไหวที่จะออกจากเรือนชิงหยิ่งซินะ อยากถูกข้าเล่นงานให้ตายหรืออย่างไร”
เขาเงยหน้าขึ้น เส้นเลือดสีแดงในดวงตาของเขาปูดขึ้นอย่างชัดเจน
“ข้าจะสงเคราะห์เจ้าเอง”
เขาทำเสียงขึ้นจมูก เดินไปทางเรือนชิงหยิ่งด้วยท่าทีโมโหสุดขีด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...