ไม่กี่คนที่ยืนหน้าประตูงงงัน
ความจริงเป็นเพราะ เวลานี้ฮองเฮาจ้าวดูสะบักสะบอมเล็กน้อย
นางผมเผ้ารุงรัง สีหน้าแววตาลำบากใจ บนใบหน้าเหมือนจะมีรอยน้ำอยู่ แม้ว่าจางหมัวมัวจะเช็ดออกให้นางในทันที แต่ก็ยังมีคราบน้ำบนปกเสื้ออยู่ที่หนึ่ง เห็นได้ชัดเป็นอย่างมาก!
นี่คือ........ถูกโม่จงหรานสาดน้ำชาใส่งั้นหรือ? !
เห็นบนมวยผมของนางยังมีใบชาอยู่สองสามใบ หยุนหว่านหนิงและโจวหยิงหยิงจึงสบตากันเงียบๆ
ฉินซื่อเสวียก็ตกใจแล้ว
ไม่กี่ปีมานี้ ยังเป็นครั้งที่ได้เห็นฮองเฮาจ้าวสะบักสะบอมเพียงนี้ โม่จงหรานโกรธเคืองนางได้ถึงเพียงนี้เชียว!
นางรีบเดินเข้าไป “เสด็จแม่ ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่เพคะ?”
“ข้าจะเป็นอะไรได้?”
ฮองเฮาจ้าวตำหนินางเบาๆคำหนึ่ง “พูดจาเป็นหรือไม่?”
โชคร้ายที่ได้เผชิญวันนี้ ล้วนเป็นเพราะเจ้าคนโง่ผู้นี้!
ฮองเฮาจ้าวโมโหฉินซื่อเสวียจนปวดตับปวดใจ!
เห็นฉินซื่อเสวียเข้ามา หนานกงเยว่ก็ทำได้เพียงเข้ามาด้วยเช่นกัน นางไม่ได้พูดจา แต่เพียงแค่ล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดใบชาบนมวยผมของฮองเฮาจ้าวเบาๆเท่านั้น
เห็นว่านางสุขุมนิ่มลึกเช่นนี้ ฮองเฮาจ้าวก็สบายใจขึ้นมาเล็กน้อย
“พวกเจ้ามาทำอะไร? เสด็จพ่อของเจ้ากำลังโมโหอยู่! ยังไม่รีบออกไปอีก?”
นางกล่าวเบาๆ “ห้องทรงพระอักษร เป็นสถานที่ที่พวกเจ้าสามารถมาได้ตามอำเภอใจหรือ?”
“เพคะ เสด็จแม่”
หนานกงเยว่ตอบรับปฏิบัติตาม ระหว่างนั้นหางตาของนางมองไปทางหยุนหว่านหนิงและโจวหยิงหยิง พยุงฮองเฮาจ้าวหมุนตัวแล้วจากไป
ทีแรกฉินซื่อเสวียก็อยากตามไปด้วย
แต่ช่วยไม่ได้นางเป็นห่วงโม่หุยเฟิงยิ่งกว่า ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจการตำหนิติติงเมื่อครู่ของฮองเฮาจ้าว ยังคงกัดฟันแล้วยืนอยู่ที่เดิม
เห็นดังนั้น โจวหยิงหยิงยิ้มเยาะและเหล่ตามองนางแวบหนึ่ง “ตอนนี้พระชายาหยิงคงน่าจะเป็นกังวลมากสินะ? ไม่ว่าอย่างไรครั้งนี้อ๋องหยิง เกรงว่าคงจะหนีไม่พ้นแล้วน่ะสิ!”
สีหน้าของฉินซื่อเสวีย แทบจะซีดขาว
นางกัดฟันฝืนทน ไม่พูดจา
ในห้องทรงพระอักษร เสียง “ปัง”เสียงหนึ่งดังมา เหมือนเป็นสิ่งของอะไรถูกเขวี้ยงลงพื้น
เสียงอันโกรธเคืองของโม่จงหรานดังขึ้น “สารเลว! คิดไม่ถึงว่าเจ้ายังจะกล้าแก้ตัวอีก? !”
ฉินซื่อเสวียเป็นกังวลอย่างถึงที่สุด คนทั้งคนโอนเอนแทบจะล้ม
ประตูตำหนักถูกเปิดออกอีกครั้ง ซูปิ่งซ่านออกมาด้วยท่าทางรีบร้อน “ให้คนมา! รีบไปเชิญหมอหลวง!”
“เกิดอะไรขึ้นหรือ? ซูกงกง?”
หยุนหว่านหนิงรีบเอ่ยถาม
“ฝ่าบาท ฝ่าบาทเป็นลมหมดสติไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
เห็นหยุนหว่านหนิงเอ่ยถาม ซูปิ่งซ่านเหมือนคว้าจับฟางช่วยชีวิตไว้ได้ “พระชายาหมิง ท่านรีบเข้าไปดูเถอะ! ฝ่าบาทหมดสติไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
สีหน้าของหยุนหว่านหนิงเปลี่ยนไปทันที รีบเข้าไปในห้องทรงพระอักษร
โม่หุยเฟิงกำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น น้ำชาไหลลงมาจากศีรษะ เขาก้มหน้าก้มตาเหมือนดั่งสุนัขกลางถนนตัวหนึ่ง
นางรีบเดินไปทางโม่จงหราน โดยไม่ทันได้มองเขาให้มากหน่อย
โม่จงหรานฟุบอยู่บนโต๊ะ หมดสติไปแล้วจริงๆ
หยุนหว่านหนิงจับชีพจรของเขา พบว่าไฟโทสะพุ่งเข้าสู่หัวใจ รีบสั่งให้ซูปิ่งซ่านออกแรงช่วย ช่วยประคองโม่จงหรานไปนอนลงบนเตียง แล้วหยิบเข็มเงินออกมาจากช่องว่างเพื่อฝังเข็มให้เขา
ตั้งแต่ต้นจนจบ นางก็ไม่ได้พูดกับโม่หุยเฟิงสักประโยคเดียว
แต่โม่หุยเฟิงยืดคอยาว ดูการเคลื่อนไหวของนางอย่างละเอียด
เห็นนางคลำเข็มเงินเล่มหนึ่งออกมาจากในแขนเสื้อ แววตาของโม่หุยเฟิงก็ชะงักเล็กน้อย
ผู้หญิงคนนี้ คิดไม่ถึงว่าจะพกเข็มเงินติดตัว!
นี่หากว่าเห็นใครขวางหูขวางตา โยนเข็มเงินเข้าไป......
เขารู้สึกสั่นสะท้าน
รู้สึกเพียงแค่หยุนหว่านหนิงในตอนนี้ ไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้แล้วจริงๆ
ในไม่ช้า โม่จงหรานก็ค่อยๆฟื้นกลับคืนมาแล้ว เห็นหยุนหว่านหนิงนั่งมองดูเขาด้วยความเป็นห่วงอยู่ข้างเตียง เขาจึงเอ่ยถามด้วยเสียงหนักแน่นว่า “หว่านหนิง นี่ข้าเป็นอะไรไปหรือ?”
“เสด็จพ่อ พระองค์ไฟโทสะพุ่งเข้าสู่หัวใจเพคะ”
สีหน้าของหยุนหว่านหนิงเป็นกังวล “เสด็จพ่อ เดิมทีพระพลานามัยของพระองค์ก็ไม่ดี ไม่สามารถโมโหเช่นนี้ได้อีกแล้วเพคะ”
“หึ”
โม่จงหรานเปล่งเสียงไม่พอใจอย่างเย็นชาเสียงหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...