สิ่งที่หยุนหว่านหนิงยื่นมาให้ คือกระดาษหนึ่งแผ่น
แต่ไม่ใช่กระดาษธรรมดาทั่วไป
บนกระดาษใบนี้ไม่รู้ว่าใช้พู่กันอะไรเขียนตัวอักษรเต็มไปหมด ตัวอักษรเป็นระเบียบเรียบร้อย ด้านหลังยังมีรูปวาดประกอบด้วย แม้จะเป็นสีขาวดำ แต่ แต่สิ่งที่วาดไว้นั้นมีรูปร่างประหลาด เป็นสิ่งที่โม่เยว่ไม่เคยเห็นมาก่อน
ที่ทำให้เขารู้สึกตกตะลึงยิ่งกว่า คือในบรรดาตัวอักษรเล็กๆมากมายราวกับข้อมูลบางอย่างนั้น สิ่งที่ปรากฏขึ้นมามากที่สุดคือ
คำว่า “ค่ายเสินจี”
เขารีบแย่งไปจากมือนาง มองดูอย่างละเอียดอยู่หลายรอบ แล้วจึงมองไปทางหยุนหว่านหนิงอย่างไม่อยากเชื่อ “นี่มันอะไร เจ้าไปเอามาจากไหน”
“ท่านอ๋องยินดี จะทำข้อแลกเปลี่ยนกับข้าหรือไม่”
ปฏิกิริยาของเขา ทำให้หยุนหว่านหนิงรู้สึกพอใจมาก
เดิมทีโม่เยว่คิดว่าหยุนหว่านหนิงต้องเป็นฝ่ายขอร้อง ให้เขาปล่อยนางออกไปจากเรือนชิงหยิ่ง
ตอนที่เขามาที่นี่ มีความมั่นใจในชัยชนะอย่างเต็มเปี่ยม
ไหนเลยจะรู้ว่า นางไม่เพียงสามารถเอาเงินออกมาได้ ยังเอาสิ่งนี้ออกมาอีกด้วย
ถึงว่า หญิงสาวคนนี้ที่ถูกกักบริเวณถึงสี่ปีสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบาย ที่แท้ก็เพราะไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารและเสื้อผ้า และมีเงินใช้ไม่ขาดมือ
“เงินพวกนี้ สิ่งของเหล่านี้ เจ้าไปเอามาจากที่ใด”
โม่เยว่กัดฟันถาม
หยุนหว่านหนิงไม่ได้รีบร้อน คว้าข้อมูลคืนมาจากมือของโม่เยว่ บรรจงพับอย่างเรียบร้อยแล้วยัดกลับไปไว้บริเวณหน้าอกอีกครั้ง “ท่านอ๋อง คิดให้ดีนะ”
ข้อมูลนั้น ทำให้โม่เยว่รู้สึกอิจฉามาก
เขาเป็นคนที่มีคุณธรรมจริยาธรรมคนหนึ่ง จะให้ทำเรื่องล้วงควักแย่งกระดาษจากคนที่อ่อนแอกว่าได้อย่างไร
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “ข้าจะเชื่อเจ้าได้อย่างไร”
“ก็อาศัยเหตุผล ที่ข้าเป็นพระชายาของท่านไง”
หยุนหว่านหนิงเขยิบเข้าไปใกล้หูเขา หัวเราะออกมาเบาๆ “ตอนนี้ท่านมีศัตรูอยู่รอบด้าน มีเพียงข้า ข้าคนเดียวเท่านั้นที่ท่านจะเชื่อใจได้”
“เพราะว่าท่านกับข้า ต่างก็ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน ถ้าจวนอ๋องหมิงล่ม ข้าก็ไม่มีที่ไปแล้ว”
ท่าทีที่จวนยิ่งกั๋วกงมีต่อนาง ไม่มีใครเข้าใจดีกว่าโม่เยว่แล้ว
คำพูดของหยุนหว่านหนิงมีทั้งความจริงและความเท็จปะปนกันอยู่ ทำให้ยากจะแยกแยะได้
ผ่านไปครู่ใหญ่ เขาจึงพูดลอดไรฟันออกมาว่า “ได้ ข้าจะเชื่อเจ้าสักครั้ง ทำข้อแลกเปลี่ยนกับเจ้า”
เขาคิดว่า จะลองเดิมพันดูสักครั้ง
“ดีมาก เช่นนั้นท่านอ๋องก็รีบลงคำสั่งเถอะ”
หยุนหว่านหนิงเอนตัวไปบนเก้าอี้ “ข้าอยู่ที่เรือนนี้มาสี่ปี อยู่จนแทบจะเป็นโรคซึมเศร้าแล้ว ขอเพียงให้ข้ากับหยวนเป่าได้ไปไหนมาไหนอย่างอิสระ ไม่ว่าอะไรก็คุยกันได้”
“แล้วความจริงใจของเจ้าเล่า”
โม่เยว่จ้องมองดวงตานางเขม็ง
“ท่านออกคำสั่งก่อน ส่วนเรื่องความจริงใจ ประเดี๋ยวข้าจะให้คนส่งไปให้ท่าน”
หยุนหว่านหนิงพูด
ไม่ช้า ข่าวเรื่องการ“ถอนคำสั่งกักบริเวณพระชายา และคืนอำนาจในการเป็นเจ้าบ้านให้นาง” ก็ถูกกระจายไปทั่วทั้งจวนอ๋อง
ช่วงเวลาที่นางถูกกักบริเวณ มีพ่อบ้านลุงเว่ย และแม่เฒ่าผู้ดูแลที่ชื่อหลิ่วมามาควบคุมทุกเรื่องในจวนแห่งนี้
โม่เยว่สั่งการลงไป ทั้งสองก็รีบถือบัญชีเข้ามารายงานทันที เพื่อส่งมอบอำนาจคืน
บรรดาบ่าวรับใช้ในเรือน ต่างก็เข้ามาคำนับนาง
เมื่อสี่ปีก่อนนางแต่งงานเข้ามาในจวนอ๋อง นอกจากบ่าวในเรือนชิงหยิ่งไม่กี่คนแล้ว บ่าวในจวนอ๋องแทบจะไม่เคยคำนับนางอย่างเป็นทางการมาก่อน คืนนี้ กลับมายืนเรียงหน้าอยู่เต็มลานบ้านไปหมด
คนเหล่านี้ คุ้นชินกับการปรับตัวตามสถานการณ์มาก
หยุนหว่านหนิงยิ้มเย็นในใจ ในอ้อมอกนางอุ้มหยวนเป่าที่กำลังนอนหลับสนิทอยู่ ทำการสั่งสอนบ่าวทั้งหลาย
“พวกเจ้าจำไว้แค่เรื่องเดียวก็พอ ข้าไม่ใช่คนนิสัยดีพูดง่าย ล่วงเกินข้าเป็นเรื่องเล็ก แต่ถ้าหากใครทำไม่ดีกับลูกชายข้า ข้าจะสับมันเลี้ยงหมาป่าซะ”
สถานะของหยวนเป่า มีเพียงนางเท่านั้นที่รู้
บ่าวไพร่เหล่านี้ เกรงว่าคงจะเป็นเหมือนโม่เยว่ ต่างก็คิดว่าหยวนเป่าเป็นลูกของบ่าวรับใช้คนนั้น
เพราะฉะนั้น เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะรังแกหยวนเป่าลับหลังนาง
เมื่อก่อนตอนที่สองแม่ลูกถูกกักบริเวณอยู่ในเรือนชิงหยิ่ง ไม่ได้เจอบ่าวเหล่านี้ก็แล้วไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...