อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ นิยาย บท 27

หยุนหว่านหนิงถูกกดเอาไว้บนกำแพง รู้สึกแต่เพียงว่าตอนนี้ตัวเองเหมือนกับจิ้งจกที่ติดอยู่บนกำแพง ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ก็คือนักล่าที่กำลังจ้องจะตะครุบนางอยู่

น่าเสียดาย ที่นางไม่สามารถตัดหางตัวเองแล้วหนีไปได้

“มีอะไรก็พูดกันดีๆ! อย่าลงไม้ลง......”

นางดิ้นรนอย่างอึดอัดครู่หนึ่ง

ยังไม่ทันได้พูดจบ ก็ถูกโม่เยว่ตอกกลับไป “ไม่ลงมือ หรือว่าจะลงปาก?”

ทันทีที่เอ่ยปาก ริมฝีปากบางก็สัมผัสไปยังหน้าผากที่สะอาดหมดจดจริงๆ

คราวนี้ ทั้งสองคนต่างก็ร่างกายแข็งทื่อไป

เกรงว่าภาพเช่นนี้ถูกใครเห็นเข้า ไม่ว่านางจะแก้ต่างอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้นแล้ว หยุนหว่านหนิงกัดฟันเอาไว้ ใช้แรงผลักเขาออกไป “ท่านคิดจะพูดอะไรกันแน่?”

นางก้มหน้าเอาไว้ รีบเดินออกไปจากข้างกายเขาอย่างรวดเร็ว และไปนั่งลงบนเก้าอี้ตรงระเบียงทางเดิน

นางเดินเร็วมาก แต่โม่เยว่ก็ยังเห็นหูของนางเผยสีแดงออกมาเล็กน้อย

ผู้หญิงคนนี้ หลายวันก่อนยังเยาะเย้ยเขาอย่างปากคอเราะรายเลยไม่ใช่หรือ?

เขาฮึออกมาเบาๆ แล้วเดินตามไป

“ข้าฆ่าคนไปแล้ว”

โม่เยว่นั่งลงไปตรงข้ามนาง เบาบางเหมือนกับกำลังบอกว่า “ข้าเพิ่งกินข้าวเสร็จ” “ต้องขอบคุณวิธีดีๆของเจ้า ตอนนี้คำพูดของข้าใช้การได้ดีมากขึ้นแล้ว”

“อะไรนะ? !”

หยุนหว่านหนิงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง

นางเพียงแต่ให้เขา เอาทหารลูกกระจ๊อกสองสามคนมาลงมือก่อนเท่านั้น

แต่ไม่ได้พูดว่า ให้เขาฆ่าคนนะ!

“คำแนะนำของเจ้ากับเสด็จพ่อต่างก็เหมือนกัน ดังนั้นข้าจึงรับคำแนะนำของพวกเจ้าเอาไว้ ต้องบอกว่า การฆ่าคนที่ไม่เชื่อฟังตัวเอง ความรู้สึกแบบนี้สบายใจมากจริงๆ”

โม่เยว่นั่งพิงอยู่บนพนักพิงเก้าอี้ สีหน้าพึงพอใจ

หยุนหว่านหนิง: “......ท่านแน่ใจนะ ว่าไม่ได้หาเรื่องเดือดร้อนมาให้ตัวเอง?”

ทันทีที่เสียงหยุดลง หรูโม่ก็เข้ามารายงาน “นายท่านนายท่าน เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”

“ท่านอ๋องหยิงพาคนมาด้วยลักษณะท่าทางดุดัน! ตอนนี้กำลังรออยู่นอกประตู! บอกว่านายท่านฆ่าคนของเขา มาขอคำอธิบายจากนายท่านแล้ว!”

หยุนหว่านหนิงเหลือบมองเขาครู่หนึ่ง สีหน้าท่าทางแบบ “ที่ข้าพูดไม่ผิดใช่ไหม”

ใครจะรู้ว่าโม่เยว่จะฆ่าคนของโม่หุยเฟิงจริงๆ นี่ไม่ใช่การยั่วยุให้เกิดสงครามหรอกหรือ? !

“ก็แค่คนไม่สำคัญไม่กี่คนเท่านั้น ก็ควรค่าให้พี่สามมาด้วยตัวเองในครั้งนี้เลย!”

โม่เยว่ไม่เห็นด้วย เพียงแค่ฮึออกมาอย่างเย็นชา ลุกขึ้นแล้วก็ออกไปเลย

เดิมทีหยุนหว่านหนิงคิดว่า นี่เป็นเรื่องระหว่างผู้ชายของพวกเขา มันไม่ดีที่นางจะเข้าไปยุ่ง

แต่ตอนนี้นางกับโม่เยว่ลงเรือลำเดียวกันแล้ว ท้ายที่สุดก็ลุกขึ้นแล้วตามออกไป

โม่หุยเฟิงนำคนบุกเข้ามาในจวนอ๋องหมิงแล้ว

เขานำคนมาไม่มาก ประมาณสิบกว่าคน

แต่ในบรรดาสิบกว่าคนนี้ต่างก็ติดอาวุธกันทุกคน สวมเครื่องแบบทหาร ลักษณะท่าทางดุดัน มองแวบแรกก็ดูออกเลยว่า ไม่ได้มาหาโม่เยว่เพื่อ “ดื่มชา”

“ไม่ทราบว่าพี่สามนำทหารใช้กำลังบุกเข้ามาในจวนอ๋องหมิงข้า ด้วยเหตุอันใด?”

โม่เยว่เดินออกมาด้วยสีหน้าราบเรียบ

“ใช้กำลังบุกเข้ามา? ข้าก็แค่ทำร้ายบ่าวรับใช้ชายที่เฝ้าหน้าประตูเท่านั้น”

หางตาของโม่หุยเฟิง มองไปทางบ่าวรับใช้ชายที่กำลังร้องด้วยความเจ็บปวดตรงหน้าประตู ฮึเย็นชาออกมาคำหนึ่ง “ไอ้สุนัขที่ไม่มีตาคนนี้ กล้าขวางข้าไว้ตรงหน้าประตู น้องเจ็ดคิดว่าสมควรโดนตีหรือไม่?”

“กล้าขวางพี่สามเอาไว้ สมควรโดนตีจริงๆ!”

โม่เยว่พยักหน้า “เด็กๆ! ยังไม่รีบพาเขาออกไปอีก?”

พาออกขอให้หมอช่วยรักษา

“แต่ว่า พี่สามมาอย่างเอิกเกริกเช่นนี้ คนที่ไม่รู้ ยังนึกว่าเกิดศึกสงครามกันแล้วเสียอีก! ก็ไม่แปลกที่บ่าวรับใช้ชายในจวน ไม่กล้าให้ท่านเข้ามา”

ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงบ่าวรับใช้ชายเฝ้าประตูตำแหน่งเล็กๆ แต่ก็เป็นคนของจวนอ๋องหมิงเขา!

เขาโม่เยว่ เข้าข้างคนของตัวเอง!

“น้องเจ็ด นี่เจ้ากำลังตำหนิข้าหรือ?”

สีหน้าของโม่หุยเฟิงดำมืด

“ไหนเลยจะกล้า?”

“ข้าจะสั่งให้ผู้ใต้บังคับ จงใจเป็นศัตรูกับเจ้าได้อย่างไร?”

เห็นเขาไม่ยอมรับ โม่เยว่ก็ไม่ได้กดดัน เพียงแต่กล่าวด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน “ในเมื่อพี่สามไม่ได้เป็นคนสั่งการ เช่นนี้ก็เป็นไอ้สุนัขพวกนั้นผู้น้อยล่วงเกินผู้บังคับบัญชาแล้ว”

“เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าลงโทษปลาซิวปลาสร้อยไม่กี่ตัว พี่สามจะแตกคอกับข้า เพื่อพวกเขาอีกหรือ?”

คราวนี้ โม่หุยเฟิงพูดไม่ออกแล้ว

เขาหน้าเขียวหน้าดำ แก้มตึงไปหมด

นานพักใหญ่ ถึงได้กล่าวออกมาอย่างไม่เต็มใจ “เจ้ากับข้าเป็นพี่น้องกัน”

“ตอนนี้เจ้าบัญชาการค่ายเสิ่นจี ข้าที่เป็นพี่สามคนนี้ย่อมสมควรสนับสนุนเจ้าก่อนถึงจะถูก! ในเมื่อเป็นเพราะไอ้พวกไม่มีตาไม่กี่คนนั่นยั่วโมโหเจ้า พวกมันก็สมควรโดนแล้ว”

พูดจบ เขาก็สูดหายใจเข้าลึกๆเฮือกหนึ่ง สายตามองไปทางด้านหลัง ส่งสัญญาณให้พวกเขาออกไปก่อน

“น้องเจ็ด ตอนนี้เห็นเจ้าเอาการเอางานเช่นนี้ พี่สามรู้สึกดีใจแทนเจ้าด้วยความจริงใจ!”

โม่หุยเฟิงยื่นมือออกไป ตบไปที่ไหล่ของโม่เยว่อย่างแรง “แต่ว่า…….”

“อย่างไรเจ้าก็ยังเด็กอยู่ หากมีอะไรที่ตัดสินใจไม่ได้ ก็มาขอคำแนะนำจากพี่ได้เลย ไม่จำเป็นต้องขอคำแนะนำจากเสด็จพ่อทุกเรื่อง!”

“วันใดวันหนึ่งเสด็จพ่อจะได้ไม่หมดความอดทน แล้วคนที่เสียเปรียบจะเป็นเจ้านะ!”

ท่าทางนั่น เหมือนกับพี่ชายที่สั่งสอนน้องชายด้วยความจริงใจจริงๆ

แต่โม่เยว่ ได้ยินเสียงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างชัดเจน

เขาจะไม่รู้ได้อย่างไร โม่หุยเฟิงทำเป็นเกลี้ยกล่อมเขา แต่ความจริงกลับกำลังข่มขู่เขาอยู่? !

“ขอบคุณพี่สามสำหรับคำสั่งสอน ข้าจะจำเอาไว้”

โม่เยว่ยิ้มออกมาเล็กน้อย

เห็นว่าไม้อ่อนไม้แข็งใช้ไม่ได้กับเขา……

โม่หุยเฟิงฮึเย็นชาออกมาคำหนึ่ง สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินจากไป

ตอนที่ออกไป เขาต่อยไปที่วงกบประตูอย่างแรงหนึ่งหมัด และออกไปอย่างไม่หันกลับมามองเลย

จนกระทั่งหลังจากเขาจากไปแล้ว หยุนหว่านหนิงถึงได้เดินเข้ามาใกล้ ส่ายหน้าเดาะลิ้นแล้วกล่าวว่า “จึ๊ๆ ไอสังหาร! ท่านเห็นหรือไม่ ทั่วทั้งตัวของท่านอ๋องหยิงเต็มไปด้วยไอสังหาร!”

“โม่เยว่ท่านจบเห่แล้ว เขาต้องจ้องเล่นงานท่านแน่!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์