“ในใจของเสด็จพ่อกระจ่างแจ้งยิ่งกว่ากระจกใส เหตุใดจึงต้องเอ่ยถามลูกเล่า?”
หยุนหว่านหนิงเบ้ริมฝีปากเอ่ยอย่างมิพอใจนัก “เสด็จพ่อรู้อยู่ในใจตั้งแต่แรกแล้วว่าเรื่องเป็นไปมาเช่นไร แล้วเหตุใดจึงต้องให้ลูกกลายเป็นคนร้ายนั้น?”
“ท่านมิใช่คนร้ายหรอกหรือ?”
โม่จงหรานส่งเสียงหึๆ
เขาจัดแจงเสื้อผ้า “ข้าเป็นถึงฮ่องเต้ คนร้ายนี้หากมิใช่เจ้า จะให้ข้ามารับหน้าที่แทนหรือ?”
“จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์!”
หยุนหว่านหนิงกัดฟันกล่าวออกมา
“เจ้าว่าอย่างไรนะ?”
โม่จงหรานฟังมิชัด เขาเลิกคิ้วมองนาง
“ลูกรู้สึกว่าเสด็จพ่อทรงปรีชาสามารถยิ่งนัก!”
หยุนหว่านหนิงแสร้งยิ้ม “ดูเหมือนว่าในวันนี้หากลูกมิกล่าวสิ่งที่คิดออกมา เสด็จพ่อคงมิให้ลูกจากไปไหน”
“เสด็จพ่อเพคะ ตระกูลโจวกับอ๋องฮั่นนั้นรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน บัดนี้เมื่ออ๋องฮั่นตกอยู่ในความทุกข์ลำบาก ตระกูลโจวคงจะคิดหาวิธีมากมายมาช่วยเหลือเพื่อนำอ๋องฮั่นออกจากคุกหลวง มิใช่หาโอกาสใส่ความใส่ร้ายอ๋องฮั่นเช่นนี้”
โจวหยิงหยิงแต่งงานกับโม่ฮั่นอี่ว์ ด้านหลังของพวกเขาทั้งสองมีตระกูลโจวอยู่
ตระกูลโจวจะเรื่องเช่นนี้ โยนหินลงบ่อใส่โม่ฮั่นอี่ว์ได้อย่างไร?
“แม้ว่าตระกูลโจวจะเป็นตระกูลของแม่ทัพ แต่พวกเขาก็มิได้โง่ ต่อให้ต้องการทำร้ายอ๋องฮั่นจริงๆ เหตุใดจึงกระทำอย่างชัดเจนและถูกจับได้ง่ายดายเพียงนี้”
หยุนหว่านหนิงชะงักลงเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “ด้วยเหตุนี้เองเรื่องราวในครั้งนี้......”
“อาจมีคนต้องการยืมมือตระกูลโจวมาทำร้ายอ๋องฮั่น หรือไม่ ภายในตระกูลโจวก็มีหนอนบ่อนไส้”
ประโยคนี้ของเขาทำให้โม่จงหรานนิ่งเงียบครุ่นคิด
ผ่านไปสักพัก เขาจึงยกมือขึ้นกล่าวว่า “เจ้ากลับไปได้แล้ว”
หยุนหว่านหนิงกลอกตามอง “......เสด็จพ่อเพคะ ท่านรื้อถอนสะพานเมื่อข้ามแม่น้ำได้แล้วหรือ ลูกพยายามครุ่นคิดให้จนสุดความสามารถ ท่านมิเอ่ยขอบคุณกลับยังมาไล่!”
“ไล่เจ้าหรือ?”
โม่จงหรานครุ่นคิด เมื่อครู่น้ำเสียงของเขาดูเหมือนไล่นางกลับไปจริงๆ
เขากระแอมออกมาแล้วกล่าวว่า “เจ้าจงไปเถิด”
หยุนหว่านหนิง “......ถวายบังคมเสด็จพ่อ”
นางเดินไปได้เพียงมิกี่ก้าวก็หันกลับมามองด้วยความประหลาดใจ “เสด็จพ่อเพคะ อ๋องฮั่นมีสภาพแบบนี้แล้ว ท่านคิดจะจัดการกับเขาเช่นไร?”
“ในเมื่อข้าตัดสินใจส่งเขาเข้าไปในคุกหลวงแล้ว แน่นอนว่าที่นี่จะเป็นที่หลับนอนสำหรับเขา ณ บัดนี้ เพียงแค่แน่ใจว่าเขาพ้นขีดอันตรายแล้ว ก็ให้เขาอยู่ในคุกหลวงต่อไป จะให้ข้าจัดการเช่นไรหรือ?”
“โหดเหี้ยม!”
หยุนหว่านหนิงมองไปทางโม่จงหรานแล้วจึงกล่าวขอตัว
......
เรื่องที่โม่ฮั่นอี่ว์ถูกวางพิษ ในมิช้าก็แพร่ไปทั่วพระราชวัง แม้แต่โม่เยว่ก็ได้ยินเช่นกัน
หยุนหว่านหนิงจะกลับมาถึงก็ได้ยินหรูโม่รายงานว่า “นายท่าน ข้าน้อยได้สั่งให้คนออกตามหาพยานหลักฐานแล้ว คาดว่ามิเกินสามวันก็คงได้เบาะแส”
“เหตุใดพี่รองจึงถูกวางยาพิษได้?”
โม่เยว่เอ่ยถาม
“ได้ยินว่า......”
หรูโม่ยังมิทันได้ตอบ น้ำเสียงของหยุนหว่านหนิงก็ดังขึ้นว่า “โทษที่เขาตะกละตะกลาม! จึงได้เป็นโอกาสให้คนอื่นมาวางยาพิษเอาไว้ เกือบเอาชีวิตเข้าไปเกี่ยวข้อง!”
“หากมิใช่เพราะพบเห็นทันเวลา คาดว่าบัดนี้ศพคงเย็นชืดแล้วกระมัง”
นางก้าวเท้าเข้ามาด้านใน
เมื่อเห็นนางเดินทางเข้ามา หรูโม่จึงได้เอามือแนบลำตัวยืนอยู่ด้านข้าง “พระชายา ผลการรบเป็นเช่นไร?”
เขาเอ่ยถามถึงเรื่องที่หยุนหว่านหนิงเดินทางเข้าวังในวันนี้
“เป็นไปอย่างราบรื่น!”
หยุนหว่านหนิงยังคงกล่าวต่อไปอย่างมั่นอกมั่นใจว่า “คาดว่าคงมิเกินคืนนี้ ก็น่าจะได้เห็นผล!”
โม่เยว่รู้สึกสงสัยนัก “ผลอันใดหรือ?”
“ความลับ!”
หยุนหว่านหนิงยิ้มขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ว่า “จริงสิ ในวันนี้ข้าถูกโม่หุยเหยียนกัดเข้าทีหนึ่ง ในวันหลังเจ้าต้องหาโอกาสกัดคืนข้าด้วย!”
รอยยิ้มของนางหุบลง สีหน้ามองไปทางโม่เยว่ด้วยท่าทีน้อยเนื้อต่ำใจ เริ่มต้นฟ้องเขา
โม่เยว่เคยเห็นหยุนหว่านหนิงมาหลายมุม
ทั้งดุดัน เยือกเย็น โมโห น่าหงุดหงิดใจ......
แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นนางทำท่าทีน้อยเนื้อต่ำใจต่อหน้าเขาเช่นนี้!
ก่อนหน้ามิใช่ว่ามิเคยเกิดเรื่องราวเช่นนี้มาก่อน แต่ในตอนนั้นเป็นเพียงแสดงละคร หยุนหว่านหนิงและเขามีข้อตกกันอยู่ ว่าต้องปฏิบัติต่อหน้าสาธารณชนเสมือนสามีภรรยา
ด้วยเหตุนี้เอง ต่อหน้าฉินซื่อเสวียและหยุนติงหลาน ทั้งสองเคยแสร้งแสดงความรักต่อกันมาก่อน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...