“ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังพูดถึงอะไร! ข้าแค่ได้ยินเรื่องนี้ แล้วรู้สึกสงสัยเท่านั้นเอง!”
โม่หุยเหยียนกระแอมเบาๆ
“อ๋องฉู่ว่างจริงๆ! แค่ข่าวลือก็เอามาคิดจริงจัง และยังมาถามถึงคุกหลวง หรือว่าช่วงนี้ อ๋องฉู่ไม่ยุ่งกับงานราชการแล้ว”
น้ำเสียงของโจวฉางเฟิง แฝงความประชดประชัน “เพราะอ๋องฮั่นถูกคุมขัง อ๋องหมิงได้รับบาดเจ็บ อ๋องฉู่ ควรจะงานยุ่งมากขึ้นหรือ”
โม่หุยเหยียนโมโหจนหน้าแดงก่ำ “ข้างานยุ่งมาก”
“ถ้าเช่นนั้น เชิญท่านอ๋องออกไปได้แล้ว”
โจวฉางเฟิงนั่งพิงกำแพงพักสายตา เห็นได้ชัดว่าไม่อยากสนใจเขา...
เขาหันไปมองโม่ฮั่นอี่ว์
“มองข้าทำไม”
โม่ฮั่นอี่ว์จับฟางเส้นหนึ่ง แล้วทำการถักเป็นตัวผีเสื้อ แล้วยื่นให้เขา “พี่ใหญ่ ท่านคิดว่าตอนนี้ข้าถูกขังไว้ในคุกหลวง”
“จะมีโอกาสพลิกผันชีวิตหรือไม่”
โม่หุยเหยียนมองไปที่ผีเสื้อที่ใช้ฟางถักที่เขามอบให้ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
เขารับมันมา แล้วขยี้มันอย่างแรง ก่อนจะโยนมันลงบนพื้น “อาจจะมีก็ได้!”
แต่เขาจะไม่มีวันปล่อยให้โม่ฮั่นอี่ว์พลิกสถานการณ์จากร้ายกลายเป็นดีได้อย่างแน่นอน!
พอเห็นผีเสื้อที่ใช้ฟางถักของเขาถูกโยนลงบนพื้นเช่นนี้ โม่ฮั่นอี่ว์ก็ขมวดคิ้ว “พี่ใหญ่ ท่าหมายความว่าอย่างไร เหตุใดต้องขยี้ผีเสื้อที่ข้าพับด้วย”
“ข้ากำลังแสดงความยินดีกับเจ้า สักวันหนึ่ง เจ้าจะพลิกสถานการณ์จากร้ายกลายเป็นดีได้”
เขามองไปที่โม่ฮั่นอี่ว์ด้วยสีหน้าเยาะเย้ย “แต่ก่อนที่จะถึงวันนั้น เจ้าควรลดน้ำหนักให้ได้เสียก่อน”
“จะได้ตัวลอย แล้วไม่ตกลงมาเพราะอ้วนเกินไป!”
หลังจากนั้นเขาก็จากไปพร้อมกับคำพูดที่เย็นชา
โม่ฮั่นอี่ว์ตกตะลึงไปเล็กน้อย จากนั้นก็หันไปถามหยุนหว่านหนิง “หว่านหนิง โม่หุยเหยียนหมายความว่าอะไร”
“เขาเยาะเย้ยเจ้าว่าอ้วน!”
หยุนหว่านหนิงพูดช้าๆ ชัดๆ “หมายความว่าตอนนี้เจ้าเป็นดักแด้ที่ทั้งอ้วนและโง่ ถึงจะกลายเป็นผีเสื้อ เจ้าก็ยังเป็นผีเสื้ออ้วน! เขาดูถูกเจ้า!”
โม่ฮั่นอี่ว์โกรธมาก เขาเริ่มพับแขนเสื้อขึ้น
“โม่หุยเหยียน! กลับมาเดี๋ยวนี้นะ! กล้าดีอย่างไรมาดูถูกข้า?!”
เขาตะโกนคำรามออกมา
เสียงของผู้คุมขังดังเข้ามา “อ๋องฮั่น หยุดตะโกนส่งเสียงดังรบกวน อ๋องฉู่เดินออกไปนานแล้ว เขาไม่ได้ยินที่ท่านพูด”
โม่ฮั่นอี่ว์ยิ่งโกรธ ยิ่งมองไปที่ผีเสื้อที่ถูกโม่หุยเหยียนขยี้ทิ้งเขาก็ยิ่งโกรธ เขาเหยียบมันหลายครั้ง
จากนั้นโจวฉางเฟิงก็ขยับเข้ามาหา “พระชายาหมิง”
“อ๋องหมิงเริ่มมีความเคลื่อนไหวแล้วหรือ?”
หยุนหว่านหนิงแสร้งทำเป็นไม่รู้ “ความเคลื่อนไหวอะไร”
โจวฉางเฟิงไม่พูด แต่มองมาที่นางด้วยสีหน้าจริงจัง
พอเห็นท่าทางจริงจังของนาง โจวฉางเฟิงก็ลดเสียงลง “ไม่เช่นนั้น โจวถงจะหายไปได้อย่างไร”
ถึงแม้โจวฉางเฟิงจะยังไม่รู้ว่าทำไมโจวถงถึงหายไป แต่หยุนหว่านหนิงรู้นี่นา!
โจวถงอยู่ที่ไหน สารภาพอะไรออกมาบ้าง ใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังคอยยุยงให้เขาทรยศ ใส่ร้ายตระกูลโจว หยุนหว่านหนิงเป็นคนทำให้อีกฝ่ายยอมสารภาพออกมาทั้งหมด!
พอเผชิญหน้ากับคำถามของโจวฉางเฟิง นางทำสีหน้าไร้เดียงสา “เจ้าถามข้าแล้วข้าจะไปถามใคร?”
“ข้ากับเจ้าก็ถูกขังอยู่ในคุกไม่ใช่หรือ?”
คำพูดนี้ทำให้โจวฉางเฟิงหยุดถาม
เขาชะงักไปเล็กน้อย “แต่ท่านคือพระชายาหมิง! อ๋องหมิงต้องบอกท่านแน่นอน จริงไหม?”
“หลายวันมานี้ท่านอ๋องก็ไม่ยอมมาเยี่ยมข้า! ข้าจะรู้ได้อย่างไร”
โจวฉางเฟิงถูกคำถามของหยุนหว่านหนิงทำให้ชะงักไป
พอเห็นว่าถามอะไรจากนางไม่ได้ เขาจึงจนใจยอมแพ้ แล้วนอนลงบนกองฟางอีกครั้ง
สำหรับโจวถง เขาไม่รู้สึกดีกับเขามาตั้งแต่เด็กแล้ว
ถึงแม้เขาจะเป็นคนตระกูลโจว มีสายเลือดของตระกูลโจวก็ไหลเวียนอยู่ในร่างกาย แต่ตระกูลโจวต่างก็มีความซื่อสัตย์ ถ้าไม่ปกป้องประเทศชาติ ก็เข้ารับใช้ราชสำนัก
โจวถงเป็นเพียงลูกนอกสมรส เป็นลูกนอกสมรสของพี่ชายคนละมารดาของท่านปู่ของเขา
ช่างเป็นความสัมพันธ์ที่ยุ่งเหยิงยิ่งนัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...