ขณะที่สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยเจี๋ยก็เดินเข้ามาจากด้านนอก
ทันใดนั้น แขกเหรื่อภายในงานต่างก็ลุกขึ้นยืน
รัศมีอันทรงพลังแผ่ออกมาจากร่างกายของเซี่ยเจี๋ย ทำให้บอดี้การ์ดเหล่านั้นไม่กล้าเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย
"คุณเซี่ย!" จ้าวจางรู้สึกประหลาดใจและรีบเดินเข้ามาหา "คุณมาได้ยังไง?"
ใบหน้าของจ้าวเฉียนปรากฏรอยยิ้มกว้าง "คุณเซี่ยมาที่นี่เพื่อแสดงความยินดีกับพ่อของผมในวันเกิดเขาสินะ?"
แขกเหรื่อหลายคนมองจ้าวจางด้วยความอิจฉาเมื่อได้ยินเรื่องนี้
การที่เซี่ยเจี๋ยมาร่วมแสดงความยินดีในวันเกิดด้วยตัวเองเช่นนี้ ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง!
หากเปรียบตระกูลจ้าวเป็นงู เซี่ยเจี๋ยก็คือมังกรใหญ่
การบดขยี้ตระกูลจ้าวให้สิ้นซากเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา เพียงแค่ดีดนิ้วทุกอย่างก็ราบเป็นหน้ากองได้ทันที
เมื่อเผชิญหน้ากับจ้าวจางที่ยื่นมือออกมา เซี่ยเจี๋ยมีสีหน้าเย็นชาและไม่ได้แสดงทีท่าใดใด "มีค่าพอจะจับมือกับฉันด้วยเหรอ?”
รอยยิ้มบนใบหน้าของจ้าวจางแข็งค้างไป
แขกเหรื่อหลายคนก็ตกตะลึงเช่นกัน นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
เขาไม่สนใจใบหน้าบอกบุญไม่รับของจ้าวจาง เซี่ยเจี๋ยเดินผ่านเขาและโค้งคำนับต่อหน้าเย่ซิวด้วยความน้อมนอบ
"ในที่สุดฉันก็ได้พบผู้มีพระคุณของฉันแล้ว"
ตู้ม!
ราวกับมีหินก้อนยักษ์ถูกโยนลงมาในทะเลสาบอันเงียบสงบ ส่งผลให้เกิดคลื่นยักษ์ขนาดใหญ่หลายระลอก
สายตาที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อคู่หนึ่งจ้องมองไปที่เย่ซิว
เด็กนี้เป็นใครมาจากไหน เขาถึงทำให้เซี่ยเจี๋ยโค้งคำนับให้ได้?
เย่ซิวรู้สึกประหลาดใจ "คุณมาได้ยังไง?"
เซี่ยเจี๋ยหัวเราะ "ฉันได้ยินมาว่าผู้มีพระคุณจะมาที่นี่ ฉันกลัวว่าจะมีปัญหาเกิดขึ้นกับเธอ จึงมาดูเสียหน่อย ไม่คาดคิดเลยว่า ... "
เขาหันไปมองจ้าวจางและตำหนิอย่างรุนแรง "ตระกูลจ้าวของคุณกล้าหาญมาก แม้แต่ผู้มีพระคุณของฉัน ก็ยังกล้าข้ามหัวเขา!"
ทุกคนในตระกูลจ้าวรู้สึกหวาดกลัวทันที
ใครจะคิดเหล่าว่าเด็กหนุ่มบ้านนอกคนหนึ่งจะความสัมพันธ์กับผู้สง่างามอย่างเซี่ยเจี๋ย?
สิ่งนี้ทำเอาแขกเหรื่อหลายคนอิจฉาตาร้อน
ในสายตาของพวกเขา เย่ซิวคงโชคดีที่ได้ทำการช่วยเหลือเซี่ยเจี๋ยในระหว่างทาง
จากนั้นเซี่ยเจี๋ยคงรู้สึกซาบซึ้งที่ไดัอีกฝ่ายช่วยเหลือ
สีหน้าของจ้าวจางเปลี่ยนไปมาไม่หยุด
หลังจากไตร่ตรองสถานการณ์ตรงหน้า จากประสบการณ์ที่ผ่านมาในชีวิตเขา ในไม่ช้าเขาก็เผยรอยยิ้มออกมา "โอ้ ที่แท้เขาก็เป็นผู้มีพระคุณของเซี่ยเจี๋ยนี่เอง ฉะนั้นก็ถือว่าเขาเป็นแขกเหมือนกัน”
“ฉันคิดไม่ถึงจริง ๆ ต้องขออภัยสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย"
"สายไปแล้ว" การแสดงออกของเย่ซิวเย็นชา "เตรียมตัวล่มสลายไปเสียเถอะ"
หลังจากพูดจบ เขาก็เดินออกไปข้างนอก "คืนนี้เวลาเที่ยงคืน ฉันจะมาหาตระกูลจ้าวด้วยตัวเอง ถ้าไม่กลัวตายก็รอแล้วกัน"
วันนี้เป็นวันที่แปดแล้ว เขาต้องไปที่มหาวิทยาลัยเจียงเฉิงเพื่อรายงานตัวก่อน
จากนั้นค่อยมาแก้แค้นตระกูลจ้าว
สำหรับคำพูดที่ว่าเขาจะมาเพียงลำพังก็เพื่อป้องกันไม่ให้ตระกูลจ้าวหนีไป
เซี่ยเจี๋ยตกตะลึง "ผู้มีพระคุณ เธอจะไม่ให้ฉันลงมือเหรอ?"
ขณะที่เขาพูดรัศมีอันแข็งแกร่งก็แผ่กระจายออกมาจากตัวเขา
นี่คือพลังอันยิ่งใหญ่อันของจอมยุทธ์ระดับสี่!
ทันใดนั้น แขกทุกคนในห้องโถงก็ตัวสั่น ความกลัวฉายขึ้นในแววตาของพวกเขา
"พละกำลังของเซี่ยเจี๋ยฟื้นคืนแล้วอย่างนั้นเหรอ?"
"ว้าว ตระกูลเซี่ยกำลังจะผงาดขึ้นอีกครั้งแล้ว!"
"เซี่ยเจี๋ยดูอ่อนกว่าวัยมาก!"
ในทางกลับกัน คนในตระกูลจ้าวกลับมีใบหน้าซีดราวกับกระดาษ
แม้ว่าหลังจากเซี่ยเจี๋ยสูญเสียวรยุทธ์ไป แต่เขาก็ยังทรงพลังงานเป็นอย่างมาก
นับประสาอะไรกับตอนที่วรยุทธ์ของเขาฟื้นกลับมาเช่นนี้ กลัวว่าแค่มือเพียงข้างเดียวก็สามารถทำลายตระกูลจ้าวทั้งหมดลงได้
เย่ซิวโบกมือ "ไม่จำเป็น ผมสามารถจัดการกับตระกูลเล็ก ๆ นี้ได้เพียงตัวคนเดียว"
เขาไม่ชอบติดหนี้บุญคุณคนอื่นมาโดยตลอด
เมื่อได้ยินดังนั้นเซี่ยเจี๋ยก็ไม่กล้าขัดอะไรมากนัก ในเมื่อผู้มีพระคุณพูดเช่นนี้แล้ว เขาจะต้องสามารถจัดการเรื่องนี้ได้ด้วยตนเองอย่างแน่นอน
เย่ซิวรู้ดีอยู่แล้วว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ในใจ แต่เขาก็ไม่แยแสเช่นกัน
……
หนึ่งชั่วโมงต่อมา เขาก็มาถึงมหาวิทยาลัยเจียงเฉิง
เย่ซิวลงจากรถ เดินเข้าไปข้างในโดยถือกระเป๋าใบใหม่ที่เขาเพิ่งซื้อมา
การแต่งกายของเขาถือว่าเป็นปกติและไม่น่าจะก่อให้เกิดปัญหาที่ไม่จำเป็น
เซี่ยเจี๋ยไม่ได้ตามเข้าไป ด้วยสถานะของเขาแล้ว หากเขาปรากฏตัว ก็อาจก่อให้เกิดปัญหากับเย่ซิวได้
มหาวิทยาลัยเจียงเฉิงมีขนาดใหญ่มาก สามารถพบเห็นเด็กสาวที่มีเสน่ห์มากมายได้ทุกที่
บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของคนรุ่นใหม่ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ
เย่ซิวถามคนที่เดินผ่านไปมาและในที่สุดก็พบสถานที่ลงทะเบียน เขาได้รับบัตรประจำตัวนักศึกษาและเอกสารอื่น ๆ อย่างรวดเร็ว
ส่วนเรื่องหอพัก เขาไม่คิดที่จะเข้าอยู่ หากทำแบบนั้นก็มีแต่สร้างเรื่องลำบากเสียเปล่า ๆ
หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เย่ซิวก็เดินออกไปข้างนอก
สิ่งต่อไปที่เขาทำคือต้องตามหาผู้หญิงที่ชื่อ ลู่เสวี่ยเอ๋อร์
เมื่อมองไปยังเหล่านักศึกษาที่พลุกพล่าน สายตาเย่ซิวก็ไปหยุดอยู่ที่ชายหนุ่มสวมแว่นตาคนหนึ่ง "สวัสดี ผมขอถามหน่อยได้ไหมว่าหลู่เสวี่ยเอ๋ออยู่ชั้นเรียนไหน?"
ชายหนุ่มหัวเราะเบา ๆ เผยสีหน้าที่ผู้ชายทุกคนเข้าใจ "ตอนนี้เธอกำลังฝึกเต้นอยู่ในห้องซ้อมเต้น ที่นั่นมีคนไม่น้อยเลย"
เย่ซิวขอบคุณอีกฝ่ายและถามถึงที่ตั้งของห้องซ้อมเต้น
จุดประสงค์หลักของการมาที่นี้คือการตามหาไข่มุกราชาแห่งยา
เมื่อได้พบไข่มุกราชาแห่งยา ทักษะทางการแพทย์ของเขาจะสามารถพัฒนาต่อไปได้อีกขั้น
ตามบันทึก ราชาแห่งยาไม่ถูกพบเห็นมาเป็นเวลานานหลายร้อยปีแล้ว
เมื่อมาถึงทางเข้าห้องซ้อมเต้น เขาก็พบว่าตัวเองถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ขวางเอาไว้
ชายหนุ่มร่างกำยำคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้นำจ้องมองมาที่เขาอย่างดุเดือด "หลงทางหรือนายอยากจะเห็นเสวี่ยเอ๋อร์ซ้อมเต้นด้วยเหมือนกัน?"
หลายคนไม่กล้าแสดงออกถึงความโกรธ พวกเขาต่างเกรงกลัวตัวตนของชายคนดังกล่าว อย่างไม่กล้าแม้แต่จะสบตาเสียด้วยซ้ำ
เย่ซิวแทรกตัวออกจากฝูงชนแล้วเดินตรงไปที่ประตู
เมื่อเห็นการกระทำของเย่ซิว ชายหนุ่มร่างกำยำจึงไม่สบอารมณ์ เขาปล่อยหมัดต่อยเย่ซิวในทันที "แกไม่เข้าใจสิ่งที่ฉันพูดงั้นเหรอ?"

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โคตรคนยอดปรมาจารย์