เย่ซิวสกัดหมัดได้อย่างง่ายดายพลางพูดอย่างใจเย็น “ฉันแค่มาที่นี่เพื่อตามหาคน ไม่ได้อยากจะรังแกนาย”
นักศึกษาหลายคนในบริเวณใกล้เคียงดูประหลาดใจเมื่อเห็นว่าเย่ซิวสกัดหมัดของชายหนุ่มร่างกำยำได้อย่างง่ายดายเพียงใด
“เพื่อนนักศึกษาคนนี้แข็งแกร่งมาก เขาสกัดกั้นการโจมตีของจางเทาได้อย่างง่ายดาย”
“ช่างบังเอิญจริง ๆ จางเทาเป็นนักเทควันโดสายดำระดับแปด เขามีพละกำลังมาก ฉันเคยเห็นเขาเอาชนะผู้ใหญ่ห้าหกคนด้วยตัวเขาเองเลยนะ”
“ฉันก็ว่าอย่างนั้น”
จางเทาทั้งตกใจทั้งโกรธ เขาพบว่าตัวเองไม่สามารถหลุดออกจากฝ่ามือของเย่ซิวได้ ใบหน้าของเขาแดงก่ำเนื่องจากใช้แรงมากเกินไป เขาอดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยความโกรธ “ไอ้สารเลว ยังไม่ปล่อยฉันอีก หาเรื่องตายเรอะ?!”
เย่ซิวปล่อยมือแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ “เพื่อนนักศึกษา ฉันแค่อยากจะเข้าไปตามหาคน นายช่วยหลีกทางหน่อยได้ไหม?”
เขาไม่เคยไปเรียนที่นี่มาก่อน ดังนั้นเขาจึงเห็นใจเพื่อนนักศึกษาเป็นพิเศษ ก็ไม่อยากทำร้ายพวกเขาเว้นเสียแต่จะจำเป็นจริง ๆ
แต่ในสายตาของจางเทา ท่าทางของเย่ซิวถือว่าเป็นการทำให้เขาอับอาย
เขาคำรามด้วยสีหน้าดุร้าย “พวกแกมัวยืนทำอะไร? มาช่วยกันจัดการมันสิ!”
จางเทาถูกรายล้อมไปด้วยลูกสมุนมากมาย
เมื่อได้ยินคำสั่งของเขา พวกนั้นก็รีบเข้ามารุมเตะต่อยเย่ซิวทันที
มีประกายเย็นวาบในดวงตาของเย่ซิว
เขาไว้หน้าอีกฝ่ายมากเท่าที่จะทำได้แล้ว แต่เนื่องจากอีกฝ่ายยังคงไม่รู้สำนึก เขาก็จะไม่สุภาพอีกต่อไป
ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในฐานะจอมยุทธ์ระดับเก้า การจัดการกับคนธรรมดาเหล่านี้จึงเป็นเรื่องง่ายไม่ต่างจากการกำจัดมดแมลง
คนรอบตัวไม่มีใครเห็นการเคลื่อนไหวของเขาได้ชัดเจน และทุกคนที่พุ่งเข้ามาหาเขาต่างก็กรีดร้องและกลิ้งไปบนพื้น
จางเทาและนักศึกษาที่อยู่บริเวณนั้นตกตะลึง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เย่ซิวดูเหมือนกำลังทำเรื่องที่ไม่ได้สำคัญอะไร เพียงปัด ๆ มือเดินผ่านจางเทาและตบไหล่เขา
ทันใดนั้น จางเทาก็ส่งเสียงกรีดร้องออกมาพร้อมล้มลงกับพื้นและเกลือกกลิ้งอย่างบ้าคลั่ง
ร่างกายของเขารู้สึกเหมือนถูกมดนับแสนรุมกัด ให้ความรู้สึกเจ็บปวดทรมานมาก
จางเทาอดทนต่อความเจ็บปวดในร่างกายของเขาพลางตะโกนใส่เย่ซิว “ถ้าแกไม่อยากตายก็หยุดซะ ฉันมีหน้าที่ดูแลที่นี่ตามคำสั่งของอาจารย์หวัง ถ้าเขาต้องการจะฆ่าแก ก็ทำให้ได้ง่าย ๆ เหมือนขยี้มดตัวหนึ่ง!”
เย่ซิวยิ้ม เขาเป็นคนเดียวที่บดขยี้ศัตรูมาโดยตลอด ไม่เคยถูกพวกมันบดขยี้ได้เลย
ฉากนี้ทำให้นักศึกษาที่อยู่รอบตัวพวกเขาเบิกตากว้างและมองไปที่แผ่นหลังของเย่ซิว
“ว้าว เพื่อนนักศึกษาคนนี้เท่มาก!”
“เขาเป็นปรมาจารย์ด้านวรยุทธ์หรือเปล่า?”
“เร็วเข้า เร็วเข้า รีบเข้าไป ลู่เสวี่ยเอ๋อร์เต้นอยู่ข้างในนั้น!”
……
คำพูดปลุกผู้ตกในห้วงฝัน จุดประสงค์ของนักศึกษาชายเหล่านี้ที่มาที่นี่คือการชมการเต้นรำของลู่เสวี่ยเอ๋อร์
เย่ซิวเดินเข้าไปในห้องซ้อมเต้น และดวงตาของเขาทอแสงเป็นประกาย
ในนั้นล้วนมีแต่เพื่อนนักศึกษาสาวสวยหุ่นดี
บ้างก็สวมกางเกงรัดรูป บ้างก็สวมกระโปรงสั้น กำลังเต้นรำราวกับผีเสื้อ
ความอ่อนเยาว์และมีชีวิตชีวาปรากฏอยู่บนใบหน้าของพวกเธอ
สิ่งที่สะดุดตาที่สุดในที่แห่งนี้คือหญิงสาวที่อยู่ตรงกลาง
เธอเป็นเด็กสาวที่สวมกางเกงยีนส์และเสื้อเชิ้ตสีขาว
เธอมีใบหน้างดงามที่สามารถนำความหายนะมาสู่ประเทศและประชาชนได้
อีกทั้งยังเธอยังสูงมาก มีความสูงประมาณร้อยเจ็ดสิบร้อยแปดสิบเห็นจะได้
เธอมีผมสีดำตรงยาวถึงเอว ผูกด้วยริบบิ้นสีสันสดใสเพียงเท่านั้น
ผิวของเธอขาวเปล่งปลั่ง
“อย่างงั้นเหรอ?” เย่ซิวผิดหวังเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้คิดมาก เขารู้สึกว่านี่เป็นเพียงครั้งแรกที่เขาได้พบกับเพื่อนนักศึกษาชายคนนี้ จึงไม่มีความแค้นระหว่างกันและเขาก็ไม่จำเป็นต้องโกหกด้วย “โอเค ขอบใจนายมาก งั้นฉันไปก่อนล่ะ”
เขาหันหลังกำลังจะจากไป
แต่ขณะนี้กลุ่มสาว ๆ ก็เต้นเสร็จแล้วเช่นกัน
เด็กสาวคนหนึ่งถือขวดน้ำแร่ไว้ในมือและวิ่งไปหาหญิงสาวที่ดึงดูดความสนใจได้มากที่สุด “เสวี่ยเอ๋อร์ เต้นเหนื่อยไหม? มาดื่มน้ำกันเถอะ”
ลู่เสวี่ยเอ๋อร์เช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากของเธอ และแสดงรอยยิ้มแสนหวานที่ฆ่าคนได้ออกมา “ขอบใจนะ!”
เย่ซิวหยุดชะงัก จากนั้นก็หันกลับมามองเพื่อนนักศึกษาชายคนเดิม “เพื่อนนักศึกษาคนนี้นี่ใจร้ายไปหน่อยรึเปล่า? มาหลอกกันเสียได้”
หวังเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นายคงหูฝาดแล้ว ออกไปจากที่นี่เถอะ”
เย่ซิวเพิกเฉย สายตาของเขาจ้องมองไปที่ลู่เสวี่ยเอ๋อร์
ประกายเย็นวาบฉายผ่านดวงตาของหวังเฟย
เขาถือว่าลู่เสวี่ยเอ๋อร์เป็นสมบัติส่วนตัวของเขาแล้ว และไม่มีใครได้รับอนุญาตให้โลภอยากได้เธอหรือแม้แต่จะมองมาที่เธอด้วยซ้ำ
ในขณะนี้ พฤติกรรมของเย่ซิวทิ่มแทงเข้าลึกถึงจิตใจของเขาแล้ว
เขายื่นคำขาดให้กับเย่ซิว “ออกไปจากที่นี่ซะ! ไม่อย่างนั้นนายจะต้องรับผลที่ตามมา!”
เย่ซิวขมวดคิ้ว “ทำไมล่ะ? ครอบครัวนายเป็นคนก่อตั้งมหาวิทยาลัยนี้เหรอ?!”
“ถึงครอบครัวฉันจะไม่ได้เป็นคนก่อตั้งมหาวิทยาลัยนี้ แต่ฉันชื่อหวังเฟย และฉันมาจากตระกูลหวัง นายน่ารู้ว่านี่หมายความว่ายังไง?!”
หากคนในพื้นที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ พวกเขาคงจะตกตะลึงอย่างแน่นอน
ตระกูลหวังเปรียบเสมือนจักรพรรดิบนดินที่กินรวบทั้งกิจการขาวดำและมีอำนาจมหาศาล
เพียงแต่ว่าเย่ซิวเพิ่งมาถึงและไม่รู้รายละเอียดของตระกูลหวังเลย
แต่ถึงแม้เขาจะรู้ เขาก็ไม่สนใจ

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โคตรคนยอดปรมาจารย์