[Paulson] พอลสัน : รักให้จำ นิยาย บท 1

C h a p t e r 1

"นายครับ ผมวางเอกสารไว้ตรงนี้นะครับ" เควินเลขาส่วนตัวหรือเรียกได้ว่าเป็นมือขวาของพอลสันกำลังจ้องมองเบาะหลังของเก้าอี้ที่เจ้านายกำลังนั่งอยู่ เพียงแต่ทำไมเจ้านายไม่หันมาแต่กลับนั่งหันหลังแทน

เมื่อเห็นว่าไม่มีการเคลื่อนไหว เขาจึงคิดจะเดินไปดูใกล้ๆ ด้วยความเป็นห่วง แต่เพิ่งขยับเท้าได้สองก้าวก็มีเสียงทุ้มต่ำแหบพร่าทักขึ้นมา

"ไม่ต้องเข้ามา ยืนอยู่ตรงนั้นแหละ"

"ครับ" เควินชะงักเท้า ตอบรับคำและยืนนิ่งอยู่กับที่ แต่สายตายังคงจ้องมองไปที่เบาะหลังของเก้าอี้

ผ่านไปประมาณสามนาทีเก้าอี้ตัวใหญ่ก็ถูกหมุนกลับมา ทำให้เห็นสภาพของเจ้านายที่ดูอิดโรย จมูกแดงจากการตากลมหนาวข้างนอก แถมที่ใบหน้าและเนื้อตัวยังมีรอยตุ่ม ยุงกัดให้เห็นประปราย

แค่คิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืน เควินก็แทบจะกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ เมื่อคืน ตอนที่เขาเดินไปเข้าห้องน้ำกลับมาอีกทีก็ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว จึงรีบมาเตือนเวลากับเจ้านาย แต่เคาะประตูห้องอยู่หลายนาที ก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวหรือเสียงใดเล็ดลอดออกมา ทำให้ตัดสินใจ ถือวิสาสะเปิดประตูเดินเข้าไปในห้อง เพื่อหาเจ้านาย…

แต่ก็ต้องแปลกใจ ที่ในห้องไม่มีเงาของใครอยู่เลย เขารีบให้ลูกน้องค้นหาจนทั่ว โทรศัพท์ก็ถูกทิ้งไว้บนโซฟา คนทั้งคนจะหายไปได้ยังไง เควินกระจายคนค้นหาทั่วโรงแรมเพราะกลัวว่าจะมีคนลอบทำร้ายเจ้านาย

จนท้ายที่สุด สามชั่วโมงผ่านไป เขากลับมาที่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง เพื่อครุ่นคิดว่าผู้หญิงคนนั้นอาจเป็นสายลับที่ถูกใครจ้างมาก็ได้ ถ้าตามหาเจอเมื่อไหร่ จะยิงหัวให้พรุนเลย

ขณะที่ลูกน้องกำลังค้นหาอยู่นั้น เขาก็เดินไปรูดผ้าม่านที่ริมระเบียงออกเพื่อเปิดประตูให้อากาศถ่ายเท ก็แทบจะทรงตัวยืนไม่อยู่ เมื่อเจ้านายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นมาเฟียที่แสนน่ากลัวกำลังนั่งกอดเข่าอยู่มุมหนึ่ง มีเพียงผ้าขนหนูคลุมท่อนล่างเท่านั้น

ดวงตาคมกริบแฝงไปด้วยไอสังหารของเจ้านาย ที่ขึ้นชื่อเรื่องเจ้าคิดเจ้าแค้นที่หนึ่ง ไม่มีทางที่สาวน้อยคนนั้นจะหนีรอดแน่

"หาได้หรือยัง"

"ครับ? " เควินเอียงคอ งุนงงกับคำถาม จนกระทั่งเจอสายตาของเจ้านายที่จ้องมองมาอย่างดุดัน ก็เข้าใจความหมายอย่างรวดเร็ว "อ่อ...เธอชื่ออิงกาญจน์ ภัทรนิธิโภคิน เป็นลูกสาวคนเดียวของคุณริว เจ้าของโรงแรมห้าดาว 100 กว่าแห่งทั่วโลกครับ"

"อิงกาญจน์...คนที่...ฮัดชิ่ว!! ...ที่เคยมาคุยเรื่องขอเงินทุนนั่นนะเหรอ"

"ครับ ครั้งนั้นเธอมากับคุณริวด้วย"

"ตอนนั้นก็ดูเรียบร้อยดี...ฮัดชิ่ว!! ...แต่เมื่อคืนกลับแสบ..ฮัดชิ่ว!! ...ใช่ย่อย" พอลสันขมวดคิ้วหงุดหงิดกับอาการคัดจมูกพลางนึกถึงเรื่องเมื่อคืน

เกือบจะดีอยู่แล้วเชียว เสียดายที่เขาดันพลาดท่าเสียก่อน แถมยังโดนขังไว้หน้าระเบียงตั้งสามชั่วโมง ทำให้เป็นไข้หวัดใหญ่แล้วยังมีร่องรอยการถูกทารุณโดยยุงอีกหลายสิบตัว

ยัยตัวแสบ!! ครั้งหน้าจะเอาคืนให้เป็นร้อยเท่าเลยคอยดู

"ฮัดชิ่ว!!”

"คุณเรียว เป็นหวัดเหรอคะ"

"เปล่าค่ะ...ฮัดชิ่ว!! "

"หรือว่า มีคนกำลังคิดถึงคุณเรียวอยู่” เรียวใช้มือถูจมูกไปมาด้วยความคัน ก่อนจะหันไปยิ้มแห้งๆ ใส่เลขาที่กำลังนั่งดูเอกสารการเงินของโรงแรมอยู่ในห้องทำงานของเธอ

“ถ้ามีคนด่า ก็ไม่แน่นะคะ”

“ใครจะกล้าด่าคุณเรียวกัน” เรียวหัวเราะในลำคอ

"วันนี้ในตาราง มีนัดกับคุณสมรใช่ไหมคะ"

"ค่ะ นัดไว้ตอนเที่ยงค่ะ"

"หวังว่าแผนการบริหารจะเข้าตาคุณสมรให้ร่วมลงทุนด้วยนะ…" เรียวพึมพำ

"แล้วคุณพอลสันล่ะคะ คุณเรียวจะไม่นัดแล้วเหรอ"

พอได้ยินเลขาพูดถึงคุณพอลสัน รอยยิ้มบางก็ชะงักค้างทันที ก็เมื่อคืนเธอดันไปสร้างเรื่องไว้กับเขาขนาดนั้น แล้วจะให้ไปคุยเรื่องธุรกิจอีกครั้ง คงไม่ได้แล้วแหละ อีกอย่าง ป่านนี้คงจะโดนไข้เลือดออกกินไปแล้วมั้ง

คิดไปพลางหัวเราะไปจนเลขาสาวข้างกายได้แต่มองยิ้มๆ อย่างสงสัย

"มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ"

"ไม่มีๆ กับรายนั้นแบล๊กลิสต์ไปเลยแล้วกันค่ะ"

"อ้าว ทำไมล่ะคะ"

"เรียวว่าคงจะยาก" ยากขึ้นแน่ๆ ถ้ายิ่งสิ่งที่เธอทำลงไปอาจทำให้เขาแค้นฝังหุ่นก็ได้ คิดถึงภาพสุดท้ายที่เขาโมโหจนเส้นเลือดปูดบริเวณหน้าผากและลำคอแล้วละก็…ได้แต่กลืนน้ำลายอึกใหญ่

ถ้าตอนนั้นเขาเปิดประตูเข้ามาได้ เธอคงกลายเป็นเหยื่อที่เจอกับราชสีห์ตัวใหญ่และโดนขย้ำจนตายแน่ๆ แค่คิดก็เสียวสันหลังวาบแล้ว

ย้อนกลับไปไม่นาน เรียวกับพอลสันเคยเจอกันเมื่อสัปดาห์ก่อน พ่อของเธอสามารถนัดเจอเขาได้ก็นับว่าเป็นบุญแล้ว เพราะเวลาของเขาเป็นเงินเป็นทอง ไม่มีใครสามารถนัดเจอได้นอกจากจะถูกใจเขาจริงๆ และพ่อของเธอก็ดันเป็นคนที่เขาถูกใจ เธอจึงได้มีโอกาสมาคุยงานด้วย

ตอนที่เจอกันครั้งแรก ถึงกับต้องตกตะลึงกับความหล่อเหลาที่แทบจะสะท้อนแสงออกมา กลายเป็นจุดเด่นที่ไม่สามารถมองข้ามได้จริงๆ เขาแทบจะไม่ได้ชายตามองเธอด้วยซ้ำ สายตาคมเข้มจับจ้องมองแต่แผนงานอย่างจริงจัง ทำให้เธออดนับถือเขาไม่ได้

ข่าวลือที่บอกว่าเขาอันตราย น่ากลัว โหดร้าย เจ้าชู้ สงสัยจะเป็นแค่ข่าวลือล่ะมั้ง...

จนกระทั่ง มีผู้หญิงร่างเล็ก หน้าอกบึกบึ้มเดินเข้ามาในห้องวีไอพี ผู้หญิงคนนั้นเดินยิ้มระริกระรี้เข้ามาเทน้ำชาและนั่งข้างๆ พอลสัน เธอมารู้ทีหลังว่าผู้หญิงคนนั้นคือคนที่พ่อของเธอพามาให้เขา แถมเขายังยกยิ้มอย่างพึงพอใจอีกต่างหาก ตอนที่เธอจ้องมองริมฝีปากบาง กำลังยิ้มอยู่นั้น เขาก็เหลือบตาขึ้นมาปะทะกับเธอพอดี ทำให้หญิงสาวหลุบสายตาลงแทบไม่ทัน จากนั้นก็ได้แต่ดื่มน้ำชาแก้เก้อเขิน

การพูดคุยถึงเรื่องเงินลงทุน ผ่านไปประมาณชั่วโมงกว่าเกือบสองชั่วโมง ก็ถึงเวลาที่พอลสันเตรียมตัวจะกลับ ซึ่งเขาขอเวลาในการตัดสินใจอีกสักสองสามวัน พ่อเธอก็ยินดีรอ เพราะการที่เขาไม่ได้ปฏิเสธแสดงว่ามีโอกาสประสบความสำเร็จไปแล้ว 80% เป็นเรื่องน่ายินดีอีกเรื่องที่พ่อเธอสามารถทำให้นักลงทุนรายใหญ่ยอมรับในโรงแรมที่กำลังจะปิดตัวลงได้

ขณะที่เรียวเดินปลีกตัวออกมา หลังจากคุยธุระเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ได้ยินเสียงผู้ชายคุยกัน มันจะไม่มีอะไร ถ้าเรื่องที่คุยไม่ใช่เรื่องของเธอ

'ผู้หญิงที่มากับคุณริวคือใคร'

'ลูกสาวของคุณริวครับ ชื่ออิงกาญจน์ครับ'

'อะไรกัน ลูกสาวเฉิ่มกว่าผู้หญิงที่หามาให้ฉันซะอีก ถึงจะสวย ก้นงอน นมใหญ่ก็เถอะ เสียดายของจริงๆ’ ว่าพลางส่ายหน้าด้วยความเอือมระอา

อะไรคือเฉิ่ม?

เธอยืนฟังด้วยความโมโหจนหน้าแดง ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครว่าเธอเฉิ่มเลยสักคน แค่เธอแต่งตัวเรียบร้อยเพราะต้องมาคุยงาน ก็ตัดสินว่าเธอเฉิ่มแล้วงั้นเหรอ แถมยังมาวิพากษ์วิจารณ์ร่างกายเธออีก

ให้ตายสิ!!

'แล้วเรื่องลงทุน…'

'ดูไปก่อนว่าคุ้มจะเสี่ยงหรือเปล่า'

'ครับ แล้วผู้หญิงคนนั้นที่คุณริวให้มา…'

'คิดว่าไงล่ะ'

'ครับ ผมจะจัดการเดี๋ยวนี้ครับ'

เรียวแทบไม่ได้ฟังบทสนทนาที่เหลืออยู่ เพราะสมองกำลังประมวลผลว่าเธอจะจัดการเขายังไงดี

ด้วยความที่อารมณ์มาก่อนความคิดเสมอ เธอเลยจัดการจ้างคนเจาะยางรถของเขาให้แตกทั้งสี่ล้อมันเสียเลย

นั่นคือครั้งแรกที่พวกเขาเจอกัน

เธอหวังว่าหลังจากนี้คงจะไม่ต้องเจอกันอีกตลอดไป…

สามวันผ่านไป

โรงแรมอีเจ้น

หญิงสาวกำลังนั่งอมยิ้มด้วยความสบายใจอยู่ในห้องทำงาน เพราะเมื่อสามวันก่อนระหว่างพูดคุยแผนงานกับคุณสมร ทุกอย่างเต็มไปด้วยความราบรื่นและดูเหมือนคุณสมรจะชื่นชอบแผนงานครั้งนี้ของเธอมาก

เพราะอย่างนั้น วันนี้ก็คือวันที่เลขาของคุณสมร จะโทรศัพท์มาคอนเฟิร์มเรื่องการร่วมลงทุนกับโรงแรมอีเจ้น

กริ๊ง กริ๊ง

เสียงโทรศัพท์โต๊ะเลขาดังขึ้น เรียวจ้องมองเลขาผ่านกระจกม่านบานเกล็ดอย่างรอคอย เมื่อเรียวพยักหน้าให้ เลขาก็ต่อสายเข้ามาในห้องทันที

"สวัสดีค่ะ สรุปคุณสมรว่ายังไงบ้างคะ…ว่าไงนะ!! ...ทำไมล่ะคะ!! วันนั้นดูเหมือนคุณสมรจะสนใจแผนงานด้วยซ้ำ หรือว่าเรียวทำอะไรให้คุณสมรไม่พอใจ...อะไรนะ...เดี๋ยวสิคะ…"

เรียวได้แต่นั่งอึ้งอยู่กับที่ สีหน้าเต็มไปด้วยความผิดหวัง

เกิดอะไรขึ้น เมื่อกี้เลขาของคุณสมรเพิ่งบอกว่าแผนงานของเธอดีมาก แต่ไม่สามารถร่วมลงทุนได้จริงๆ เหตุผลอะไรก็ไม่ยอมบอก

หมดกัน นักลงทุนรายล่าสุดของฉัน

แกร๊ก

"คุณเรียว คุณสมรว่ายังไงบ้างคะ"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: [Paulson] พอลสัน : รักให้จำ