บทที่ 136 ทะลวงขอบเขตรวมแสงดารา[รีไรท์] – ตอนที่ต้องอ่านของ พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)
ตอนนี้ของ พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายActionทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 136 ทะลวงขอบเขตรวมแสงดารา[รีไรท์] จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
บทที่ 136 ทะลวงขอบเขตรวมแสงดารา[รีไรท์]
บทที่ 136 ทะลวงขอบเขตรวมแสงดารา[รีไรท์]
ลำแสงสัญญาณการทะลวงขอบเขตรวมแสงดาราของมี่ตั้วตั้วพุ่งส่องประกายขึ้นสู่ท้องฟ้าเจิดจ้า ตัดกับบรรยากาศความมืดมิดยามค่ำคืนของเมืองหลวง
บรรดาผู้คนในเมืองหลวงตอนนี้ต่างพากันหันไปมองยังทิศทางที่คฤหาสน์สราญรมย์ตั้งอยู่ด้วยความสงสัย
ใครกันที่ทะลวงขอบเขตรวมแสงดาราในเวลานี้?
หลิงตู้ฉิงที่ยังนั่งคุยอยู่ในห้องทำงานของหลิงเจิ้งสง สัมผัสได้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในลานคฤหาสน์สราญรมย์ทันทีและพูดว่า “ตอนนี้มี่ตั้วตั้วกำลังทะลวงขอบเขตรวมแสงดารา ตอนนี้ข้าคงต้องขอตัวกลับก่อน”
หลิงเจิ้งสงเองที่สัมผัสได้ถึงความปั่นป่วนของกระแสพลังวิญญาณ เขายิ้มและพูดว่า “ดูเหมือนว่าเขาจะใช้ระดับเดียวกับข้าในการทะลวงขอบเขตสินะ เดี๋ยวข้าจะไปกับเจ้าด้วย”
“ไม่มีปัญหา” หลิงตู้ฉิงพยักหน้า
ตอนนี้หลิงยู่ชานและคนอื่น ๆ ต่างรวมตัวกันที่เสี่ยวเยว่เฟิงและกงหนิวเรียบร้อยเพื่อเตรียมกลับไปที่คฤหาสน์สราญรมย์ ตามด้วยหลิงฉุยฟงและหลิงเล่อชาน
จริง ๆ แล้วหลิงเล่อชานและหลิงเจิ้งสงกำลังอยากหาจังหวะดูรถม้าของหลิงตู้ฉิงพอดีว่ามันมหัศจรรย์แค่ไหน ตอนนี้เป็นโอกาสที่ดีสำหรับเขาแล้วที่จะได้สัมผัสมันและได้เดินทางตรงไปที่คฤหาสน์สราญรมย์เพื่อดูการทะลวงขอบเขตของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราคนใหม่ในเวลาเดียวกัน
ทุกคนเข้าไปในรถและภายใต้ความเร็วของกงหนิว พวกเขาก็มาถึงคฤหาสน์สราญรมย์ภายในพริบตา
หลิงเจิ้งสงและหลิงเล่อชานไม่มีเวลาแม้แต่จะพินิจพิเคราะห์ว่ารถนี้น่าทึ่งขนาดไหน เพราะชั่วพริบตาพวกเขาก็มาถึงที่หมายเสียแล้ว
ความเร็วขนาดนี้ทำให้ทั้งสองคนตกใจมาก
สองพ่อลูกมองหน้ากันอย่างไม่อยากไม่เชื่อ ดูเหมือนว่ารถคันนี้น่าทึ่งกว่าที่พวกเขาคิดไว้เสียอีก
เมื่อเห็นหลิงตู้ฉิงกลับมา มี่ไลก็เหวี่ยงตัวเข้าไปในอ้อมแขนของหลิงตู้ฉิง น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของนางเนื่องจากความตื่นเต้น
พ่อของนางทำได้แล้วจริง ๆ ไม่เพียงแต่พ่อของนางทำให้เจดีย์เสร็จสมบูรณ์แต่เขายังทะลวงขอบเขตรวมแสงดาราได้อีก แม้ว่านางจะไม่รู้ว่าสมบัติวิเศษนี้ทำอะไรได้ แต่นางรู้ว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปตระกูลมี่ของนางจะต้องกลายเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงโด่งดังในทวีปนี้แน่นอน
ทั้งหมดนี้เกิดจากผู้ชายตรงหน้านาง นางจึงตื้นตันจนพูดอะไรไม่ออก
หลิงตู้ฉิงตบไหล่มี่ไลเบา ๆ และพูดด้วยรอยยิ้ม “เอาล่ะ หยุดร้องไห้ได้แล้ว”
ในเวลานี้ทุกคนในคฤหาสน์สราญรมย์กำลังเฝ้าดูการทะลวงขอบเขตของมี่ตั้วตั้ว และเหนือน่านฟ้าห่างจากคฤหาสน์ไม่มากนักก็มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราอยู่หลายสิบคนเฝ้ามองลงมาอย่างห่าง ๆ นอกจากคนที่สนิทกับหลิงตู้ฉิงอย่างจ้าวปาเทียนแล้วก็ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้
โม่หยูถังที่ยืนอยู่ข้างหลิงตู้ฉิง เขาพูดด้วยความอิจฉาเล็กน้อย “นายท่าน ชีวิตของเขาไม่ดีเกินไปหน่อยหรือ?”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะและพูดว่า “เขาเป็นคนที่น่าสนใจคนนึง ด้วยความมุ่งมั่นของเขารวมไปถึงสิ่งที่เขาทำให้กับข้ามากมาย ข้าจึงต้องให้ผลประโยชน์ตอบแทนกับเขาบ้าง”
“แต่นับจากนี้ชีวิตของเขาจะไม่ง่ายขึ้นนักหรอก หากต่อจากนี้เขาพยายามทุ่มเทความสามารถทั้งหมดให้กับเส้นทางที่เขาจะเดินไปต่อ เขาและตระกูลเขาจะมีอนาคตที่รุ่งโรจน์ไร้ขีดจำกัด แต่ถ้าไม่ เขาอาจจะมีชีวิตรอดอยู่ได้ไม่นานนัก”
“ด้วยความช่วยเหลือของนายท่าน เขาจะมีชีวิตที่สั้นลงได้อย่างไร?” โม่หยูถังยิ้มพลางส่ายหัว
บรรดาผู้เชี่ยวชาญที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่ บางคนต่างแสดงสีหน้างุนงงว่าทำไมกระบวนการทะลวงขอบเขตของมี่ตั้วตั้วถึงมีแสงดาราถึงสองสายปรากฎออกมา ส่วนบางคนที่เข้าใจความหมายเบื้องหลังของแสงสองสายนี้นั้น พวกเขาบางคนมีสีหน้าที่ชื่นชมส่วนบางคนแสดงสีหน้าริษยา
สำหรับเจิ้นฟูเห่าและคนอื่น ๆ ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับมี่ตั้วตั้วและหลิงตู้ฉิง พวกเขาล้วนแสดงสีหน้ากังวลและไม่พอใจ พวกเขามองเหตุการณ์อยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็หันหลังบินกลับไป
“เราต้องเร่งแผนการของเราขึ้นแล้ว มิฉะนั้นความแข็งแกร่งของพวกมันจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนเราไม่สามารถแตะต้องมันได้!” เจิ้นฟูเห่าพูดกับเจิ้นจางหยู
เจิ้นจางหยูตอบกลับ “นึกไม่ถึงเลยว่าไอ้คนชั้นต่ำอย่างมี่ตั้วตั้วจะทะลวงขอบเขตรวมแสงดาราได้ ในเมื่อเป็นแบบนี้มันคงยากแล้วล่ะท่านพ่อสำหรับการจัดการกับตระกูลมี่ ที่ใช้แผนเดิมโดยให้ตระกูลต่าง ๆ กดดันทางการค้ากับพวกมัน บรรดาตระกูลต่าง ๆ คงไม่ค่อยอยากจะหาเรื่องตระกูลที่มีผู้นำตระกูลอยู่ในขอบเขตรวมแสงดาราสักเท่าไหร่ ตอนนี้เราคงต้องมุ่งเป้าไปที่หลิงตู้ฉิงเป็นหลักเอาไว้ก่อน”
ในเวลานี้บรรดาผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราหลายคนที่อยู่รอบ ๆ คฤหาสน์สราญรมย์ เมื่อพวกเขาเห็นว่าการทะลวงขอบเขตนั้นเกิดจากมี่ตั้วตั้ว พวกเขาเฝ้าดูอยู่สักพักก่อนที่จะถอยกลับไป
แม้แต่หลิงเจิ้งสงและจ้าวปาเทียนก็ถอนตัวออกไปหลังจากเฝ้าดูอยู่พักหนึ่ง
จนกระทั่งถึงเวลาเที่ยงคืน แสงดาราที่เปล่งประกายออกจากร่างของมี่ตั้วตั้วก็เริ่มจางลง ซึ่งเป็นสัญญาณว่าเขาได้ทะลวงขอบเขตสำเร็จแล้ว
อันที่จริงตามตารางการเปิดเรียนของสถาบันราชวงศ์ ชั้นเรียนจะเริ่มหลังจากงานเฉลิมฉลองเทศกาลฤดูใบไม้ผลิจบลงหรือก็คือหลังจากปิดภาคเรียนหลังจากปีใหม่ 3 เดือน
อย่างไรก็ตาม หลิงตู้ฉิงที่เป็นคณบดีของศาลาศักดิ์สิทธิ์ เขามีอำนาจเต็มที่ในการตัดสินใจว่าจะเปิดเรียนวันไหนหรือปิดวันไหนก็ได้โดยไม่จำเป็นต้องสนใจกฎใด ๆ ของสถาบัน นอกจากนี้หลิงตู้ฉิงก็ไม่ได้บังคับให้นักศึกษาคนอื่น ๆ กลับเข้ามาที่คณะเพื่อเรียนก่อนกำหนด
หลังจากมาถึงศาลาศักดิ์สิทธิ์หลิงตู้ฉิงพูดกับหวงยี่เฟยว่า “เลือกห้องทำงานของท่านเองได้ตามสบาย ท่านจะต้องสอนที่ศาลาศักดิ์สิทธิ์ทุกวัน เมื่อสอนเสร็จแล้วท่านก็สามารถกลับไปที่ตระกูลมี่เพื่อทำธุระส่วนตัวของท่านได้ต่อ”
หวงยี่เฟยหัวเราะ “ปรมาจารย์หลิง ข้าคิดว่าในช่วงเวลานี้จะเป็นการดีที่สุดที่ทุกวันข้าจะขอตามท่านกลับไปอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ท่านไปก่อน ก่อนถึงวันงานประมูลจะเริ่ม ไม่เช่นนั้นข้าคิดว่าคงไม่ปลอดภัยกับตัวข้าสักเท่าไหร่หากต้องไป ๆ มา ๆ ระหว่างที่สถาบันและตระกูลมี่ด้วยตนเอง”
“เอาอย่างนั้นก็ได้” หลิงตู้ฉิงเห็นด้วย
ในเวลาเดียวกับที่หลิงตู้ฉิงปรากฏตัวที่สถาบัน ข่าวการปรากฎตัวของเขาก็เริ่มแพร่กระจายอย่างรวดเร็วไปยังบรรดานักศึกษาและอาจารย์ที่ยังคงอยู่ทั้งนอกและในสถาบันที่ไม่ได้กลับภูมิลำเนาไปอยู่อาศัยกับครอบครัว
ในขณะนี้ที่โรงน้ำชาแห่งหนึ่งในเมืองหลวง เจียงซิงเฉิงกำลังคุยเสียงดังกับกลุ่มเพื่อน
“เจียงซิงเฉิง ข้าไม่เคยคิดเลยว่าโชคของเจ้าจะดีมากขนาดนี้ เจ้าคิดถูกจริง ๆ ที่ไม่ถอนตัวจากศาลาศักดิ์สิทธิ์เหมือนคนอื่น ๆ”
ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดอย่างอิจฉาว่า “ตอนนั้นข้าก็อยากจะสมัคร แต่สุดท้ายแล้วอาจารย์ของข้ากลับไม่เห็นด้วย ไม่อย่างนั้นข้าก็คงจะได้เป็นนักศึกษาคนนึงของศาลาศักดิ์สิทธิ์เหมือนกับเจ้าไปแล้ว”
ชายหนุ่มอีกคนถอนหายใจ “อาจารย์ในศาลาศักดิ์สิทธิ์แต่ละคนนั้นยอดเยี่ยมจริง ๆ ไม่ว่าอาจารย์คนไหนก็น่ากลัวมาก หากมีโอกาสได้รับการสอนจากพวกเขานั้นคงจะดีจริง ๆ”
อีกคนพูด “เจียงซิงเฉิง เจ้าสามารถบอกพวกเราได้ไหมว่าเจ้าเรียนรู้อะไรมาได้บ้างจากศาลาศักดิ์สิทธิ์?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นสายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่เจียงซิงเฉิง พวกเขาสงสัยเกี่ยวกับสิ่งที่เจียงซิงเฉิงได้เรียนรู้
เมื่อมองไปที่บรรดาสหายที่กำลังมุ่งเป้าความสนใจมาที่เขา เจียงซิงเฉิงยิ้มและพูดว่า “จริง ๆ แล้วบทเรียนที่สอนในศาลาศักดิ์สิทธิ์มันไม่ได้เหมือนกับที่พวกเจ้าจินตนาการไว้ซะสวยหรูหรอก บางทีข้ายังไม่เข้าใจบทเรียนที่อาจารย์ถังสอนด้วยซ้ำ ส่วนการสอนศิลปะการต่อสู้ข้ากลัวว่าพวกเจ้าจะต้องผิดหวัง เพราะอาจารย์โม่ไม่เคยสอนเราเกี่ยวกับเรื่องพวกนั้นเลย”
“สรุปแล้ว พวกเขาสอนอะไรเจ้าบ้างกันล่ะ?” สหายคนหนึ่งที่นั่งร่วมโต๊ะกับเขาเค้นถามขึ้นอีกรอบ
เจียงซิงเฉิงส่ายหัวและตอบว่า “ก็ส่วนใหญ่พวกอาจารย์จะชอบเล่าเรื่องต่าง ๆ หรือสอนเกี่ยวกับพื้นฐานการเขียนการอ่านการใช้ชีวิตให้เราฟัง แต่ทุก ๆ 10 วันก็จะมีบทเรียนพิเศษบางเรื่อง ซึ่งข้าเองก็เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง แต่ถ้าพวกเจ้าอยากจะฟังรายละเอียดการสอนจริง ๆ ข้าสามารถเล่าพวกบทเรียนธรรมดาหรือเรื่องเล่าต่าง ๆ ที่พวกเขาสอนและข้าเข้าใจ ให้พวกเจ้าฟังได้ถ้าพวกเจ้าต้องการ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)