วันถัดมาทุกคนในคฤหาสน์สราญรมย์ได้เข้าไปในรถม้า ซึ่งถูกลากโดยกงหนิวพุ่งไปยังศาลาศักดิ์สิทธิ์อย่างรวดเร็ว
ส่วนบรรกายากาศภายในรถม้านั้น ทุกคนที่พึ่งได้เข้ามาด้านในรถม้าเป็นครั้งแรกหลังที่จากที่หลิงตู้ฉิงปรับแต่งมันเสร็จ พวกเขาต่างก็ต้องตกตะลึงกับความเปลี่ยนแปลงภายในที่มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขาได้หลุดเข้าไปอยู่ในอีกโลกหนึ่งเลยทีเดียว
ตอนนี้พวกเขาเข้าใจแล้วว่าเหตุใด หลิงตู้ฉิงจึงใช้เวลาปรับแต่งรถคันนี้นานมาก เขาได้สร้างสิ่งที่น่าอัศจรรย์ขึ้นอีกแล้ว
“พวกเจ้าไม่ต้องแปลกใจอะไรหรอก ขนาดของมันเท่ากับเพียงถ้ำเล็ก ๆ เท่านั้น” หลิงตู้ฉิงอธิบายว่า “แต่ถ้ำเล็ก ๆ นี้ที่พวกเจ้าเห็นอยู่ ความแข็งแกร่งของมันก็พอ ๆ กับทักษะ ‘อาณาเขต’ ซึ่งเป็นความสามารถของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ที่สามารถสร้างออกมาได้ เพราะฉะนั้นต่อให้เผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญมากมายที่อยู่ข้างนอกนั่นพวกเจ้าก็ไม่มีอะไรต้องหวาดกลัว”
ในชีวิตชาติที่แล้วหลิงตู้ฉิงเป็นตัวตนที่ทรงพลังมหาศาล แต่ในชีวิตปัจจุบัน ตอนนี้เขามีพลังเพียงแค่จุดสูงสุดขอบเขตควบแน่นลมปราณเท่านั้น
และถึงต่อให้เขาจะสามารถใช้อาวุธวิเศษระดับราชวงศ์ของเขาในการสังหารเหล่าศัตรูได้ แต่หลิงตู้ฉิงยังตระหนักได้ดีว่าเขายังขาดสมบัติที่ไว้ใช้สำหรับป้องกันคนรอบ ๆ กายเขา ดังนั้นรถม้าคันนี้ที่เขาปรับแต่งขึ้นใหม่จึงเป็นสิ่งที่เข้ามาลบจุดอ่อนตรงนี้ของเขาไปได้
“ต่อไปนี้เมื่อเวลาที่พวกเราออกมาข้างนอกคฤหาสน์ พวกเจ้าอย่าไปไกลจากข้ามากเกินไป ไม่งั้นข้าจะไม่สามารถปกป้องพวกเจ้าได้” หลิงตู้ฉิงเตือน
ทุกคนพยักหน้า ต่างคนต่างรู้ดีว่าสถานการณ์ในตอนนี้ตึงเครียดมากขนาดไหน
เมื่อทุกคนคุยกันไปได้สักพัก กงหนิวก็ลากรถม้ามาถึงศาลาศักดิ์สิทธิ์
ในสายตาของคนทั่วไปความเร็วระดับนี้ในการเดินทางยังเป็นอะไรที่อัศจรรย์มาก แต่อันที่จริงแล้วหากเทียบกับความเร็วก่อนที่รถม้าจะถูกปรับแต่งมันถือว่าช้าเป็นอย่างมาก
เนื่องจากน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมาอย่างมหาศาลหลังการปรับแต่ง แม้ว่าตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของกงหนิวจะเพิ่มมาเป็นขอบเขตรวมแสงดาราระดับ 5 และบวกกับอักขระเวทย์จำนวนมากที่หลิงตู้ฉิงประทับไว้ ซึ่งทำให้น้ำหนักเบาลง แต่กงหนิวก็ยังต้องออกแรงมากในการบังคับมัน
เมื่อรถม้ามีความเร็วที่ช้าลงจนทำให้ผู้คนมองตามได้ทัน กลุ่มคนที่จับตาดูวามเคลื่อนไหวของหลิงตู้ฉิงจึงเห็นได้ชัดเจนว่าเขากำลังออกเดินทางและตกเป็นเป้าชั้นดีในการโจมตี
อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขานึกถึงความน่ากลัวของโม่หยูถังและสถานะของหลิงตู้ฉิงที่อาจจะเป็นตัวตนที่สำคัญจากสำนักเก้าเทพอสูร หลายคนจึงบังเกิดความลังเลขึ้นมา
“ท่านจือ ท่านไปตกลงอะไรกับพวกเขาไว้?” หลูซ่างเก๋อเดินมาข้างหน้าจือหมิงฮ่าว และถามว่า “ทำไมหลิงตู้ฉิงที่ก่อนหน้านี้เก็บตัวอยู่ในคฤหาสน์สราญรมย์ตลอดไม่กล้าออกมา ตอนนี้ทำไมเขาถึงออกมาข้างนอกหลังจากที่ท่านไปเจรจากับเขา?”
จือหมิงฮ่าวพูดอย่างตรงไปตรงมา “เราบรรลุข้อตกลงที่จะทำงานร่วมกันเพื่อดูแลร่างของผู้ครองสายเลือดพฤกษาสวรรค์แล้ว ข้าจะได้รับส่วนแบ่งผลประโยชน์จากมันถึงหนึ่งในสาม ในเวลา 7-8 ปี”
หลูซ่างเก๋อขมวดคิ้วและถาม “นี่ท่านตัดสินใจจะไม่แย่งชิงมันแล้วงั้นเหรอ?”
จือหมิงฮ่าวส่ายหัวและพูดว่า “ในเมื่อข้าสามารถตกลงกับเขาได้อย่างสันติ แล้วทำไมข้าจะต้องไปแย่งชิงสร้างความบาดหมางกับเขาอีก? ท่านลืมไปแล้วรึไงว่าเขาเป็นคนจากสำนักเก้าเทพอสูร”
หลูซ่างเก๋อจากไปพร้อมกับอาการขมวดคิ้ว
อันที่จริงหลูซ่างเก๋อต้องการแนวร่วมที่จะโจมตีคฤหาสน์ศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก เนื่องจากเขาไม่เพียงแต่ต้องการเลือดของโจวจื่อซินเท่านั้น แต่เขายังรู้ด้วยว่ามีสมบัติวิเศษมากมายอยู่ในคฤหาสน์สราญรมย์และความวิเศษของมันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเลือดของโจวจือซินเลย
จากมุมมองของเขา สมบัติเหล่านั้นมีค่ายิ่งกว่าเลือดของโจวจือซินเสียอีก
เวลานี้ข่าวเกี่ยวกับดอกไม้ฟื้นชีพก็เริ่มแพร่กระจาย ผู้คนรู้สึกตื่นเต้นกันมากหลังจากที่ได้รู้ข่าวของมัน
ภายในศาลาศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่าหลิงตู้ฉิงและอาจารย์คนอื่น ๆ จะไม่ได้มาสอนมาเกือบ 2 เดือนแล้ว แต่ผลกระทบต่อศาลาศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่มากนัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)