หลิงยู่ชานที่ในเวลานี้ร่างกายของเขาได้เปลี่ยนไปจนน่ากลัว ร่างกายของเขาที่ในตอนแรกที่ดูสมส่วนกับเด็กชายอายุ 12-13 ปี แต่ในตอนนี้ร่างของเขาที่ขยายขนาดจนมันดูเหมือนกับผู้ใหญ่ไปเรียบร้อยแล้ว
และที่สำคัญ ร่างกายที่ขยายใหญ่นี้ ผิวหนังของเขากลับกลายเป็นมีรอยแตกแยกคล้ายกับผืนนาที่แห้งแล้งยังไงยังงั้น
แต่ถึงแม้บนผิวหนังของเขาจะปรากฎรอยแตกมากมาย แต่รอยแตกที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้มีเลือดที่ไหลซึมออกมาจากมัน
เมื่อหลิงตู้ฉิงเริ่มราดเลือดที่เหลืออยู่อีกครึ่งหนึ่งลงบนร่างของหลิงยู่ชาน รอยแตกต่าง ๆ ก็เริ่มที่จะสมานตัวเข้าหากัน และเลือดที่ราดลงไปก็เริ่มเกาะกับผิวหนังของเขาหนาขึ้นและหนาขึ้นจนปกคลุมร่างเขาทั้งร่างกลายเป็นคล้ายกับรังไหมสีเลือด
“ดูแลเขาให้ดี แต่เจ้าห้ามจับร่างของเขาตอนนี้เป็นอันขาด” หลิงตู้ฉิงกล่าวขึ้น
แต่เพื่อความปลอดภัย หลิงตู้ฉิงได้สร้างกำแพงวิญญาณขึ้นครอบร่างหลิงยู่ชานเอาไว้ เนื่องจากเขากลัวว่าหมิงจู้อาจจะขาดสติเป็นห่วงหลิงยู่ชานจนเข้ามาจับตัวยู่ชานและทำให้กระบวนการปลดผนึกต้องเละเทะ
“ท่านลุงหลิง ยู่ชานเขาจะเป็นอะไรไหม?” หมิงจู้ถามด้วยน้ำเสียงสั่นกลัว
อันที่จริงนางเองก็รู้ดีว่าหลิงตู้ฉิงไม่มีวันที่จะทำร้ายหลิงยู่ชานแน่ แต่ด้วยภาพที่นางเห็นเมื่อสักครู่มันก็เริ่มทำให้ความคิดอ่านของนางเริ่มบกพร่องไปบ้าง
“เขาไม่เป็นอะไร ข้าก็แค่ทำการปลดผนึกสายเลือดของเขา” หลิงตู้ฉิงตอบกลับ
“สายเลือด? สายเลือดอะไร?” หมิงจู้ถามอย่างงุนงง
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดขึ้น “เจ้าจะรู้เองในอนาคต”
หลังจากพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็ได้เดินหันหลังจากไปทันที
หมิงจู้ที่ในตอนนี้ถูกทิ้งไว้ให้อยู่คนเดียว นางมองไปยังรังไหมสีเลือดที่อยู่ตรงหน้านางโดยไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อ
นางในตอนนี้เดาไม่ออกเลยว่าสายเลือดของหลิงยู่ชานมันคืออะไรกันแน่ ทำไมการปลดผนึกมันจะต้องใช้วิธีการที่สุดกู่เช่นนี้กัน
จากนั้นนางจึงนั่งลงข้าง ๆ หลิงยู่ชานซึ่งได้กลายเป็นรังไหมสีเลือด ด้วยสายตาเป็นกังวล
เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก หลิงว่านถิงและบรรดาเด็ก ๆ คนอื่นก็ได้ปรากฏตัวขึ้นและถามหมิงจู้ “พี่ใหญ่ของพวกเราเป็นยังไงบ้าง?”
หมิงจู้ตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ว่านถิง ก่อนหน้านี้พี่ชายของเจ้าอยู่ในสภาพร่อแร่มากเลยล่ะ ร่างกายของเขาพองตัวขึ้นจนแทบเหมือนมันจะระเบิด ข้าเองยังนึกว่าเขาจะตายแล้วซะอีก”
นางบรรยายภาพทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับหลิงยู่ชานอย่างละเอียดให้กับรรดาลูก ๆ ของหลิงตู้ฉิงฟัง
ส่วนบรรดาเด็ก ๆ ที่ได้ฟังนั้นพวกเขาทำได้แต่ถอนหายใจอย่างเป็นกังวล และเดินเข้ามาปลอบหมิงจู้ จากนั้นพวกเขาก็ค่อย ๆ จากกันไปทีละคนปล่อยให้หมิงจู้อยู่เฝ้าหลิงยู่ชานต่อไป
หลังจากนั้น 5 วันผ่านไป แต่สถานการณ์ของหลิงยู่ชานก็ยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ร่างของเขายังคงอยุ่ในสภาพเดิม ซึ่งคล้ายกับรังไหมสีเลือด
หมิงจู้ที่ในตอนนี้นางเริ่มที่จะอดรนทนไม่ไหวแล้ว นางจึงเดินเข้ามาหาหลิงตู้ฉิงและถามว่า “ท่านลุงหลิง นี่มันก็หลายวันมาแล้วนะ ทำไมยู่ชานถึงยังไม่ฟื้นอีก มันมีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้นกับเขารึเปล่า?”
“เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เขาไม่เป็นอะไร” หลิงตู้ฉิงพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
“แต่ท่านไม่ได้เข้าไปดูเขาหลายวันแล้วนะ ตอนนี้เขายังไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเลย” หมิงจู้พูดด้วยสีหน้าเป็นกังวล
ภายใต้การถูกข้อร้องซ้ำ ๆ ของนาง หลิงตู้ฉิงจึงไม่มีทางและจำใจต้องเดินไปยังเรือนของหลิงยู่ชานเพื่อดูสภาพร่างกายลูกของเขา
“เห็นไหมว่าเขายังเป็นเหมือนเดิมอยู่เลย!” หมิงจู้ชี้ไปรังไหมสีเลือดและพูดขึ้น
หลิงตู้ฉิงมองไปยังรังไหมสีเลือดที่นางชี้ จากนั้นเขาพูดขึ้นว่า “เจ้าฟังข้าให้ดี ๆ นะ อีกไม่นานเขาจะมีความเคลื่อนไหวแน่ แต่เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าห้ามไปอยู่ใกล้กับเขาตอนที่เขากำลังจะออกมาจากรังไหมเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นเขาอาจจะควบคุมพลังไม่ได้และเผลอทำร้ายเจ้า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)