บทที่ 217 ทำข้อตกลงกับอาณาจักรอ้าวเทียน
ในพริบตา 1 ปีก็ผ่านไป
ในปีที่ผ่านมาไม่มีการเปลี่ยนแปลงในอาณาจักรจันทรามากนัก นอกเหนือจากเหตุการณ์ที่ทุก ๆ 2-3 เดือนจะมีกลิ่นหอมสดชื่นแพร่กระจายไปทั่วทั้งอาณาจักร
ในช่วงเวลากว่า 1 ปีนี้สวนร้อยพฤกษาก็ได้นำวัตถุดิบอีกชุดหนึ่งมามอบให้กับหลิงตู้ฉิงเพื่อไว้สำหรับช่วยเร่งการบ่มเพาะของโจวจื่อซิน
และในช่วงที่ผ่านมา หมิงเซียนจ้าวจะมาตรวจสอบโจวจื่อซิน อยู่ทุกครั้งที่นางปล่อยกลิ่นอายอันหอมหวนของนางออกมา และทุกครั้งที่เขามาโจวจื่อซินก็จะกลายร่างของตัวเองให้กลายเป็นมนุษย์ต้นไม้ที่มี ‘สีเขียว’ มากขึ้นเรื่อย ๆ หมิงเซียนจ้าวที่ได้เห็นภาพเช่นนี้เขาจึงดูมีความสุขมากทุกครั้งที่เขามาตรวจสอบ
และยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่หมิงเซียนจ้าวตระหนักได้ก็คือระดับการบ่มเพาะของโจวจื่อซินนั้นได้ไปถึงขอบเขตรวมแสงดาราระดับ 3 แล้ว
เมื่อเขาแพร่กระจายข่าวนี้ออกไป บรรดากลุ่มคนที่เฝ้ารอการเติบโตของโจวจื่อซินต่างก็พากันตื่นเต้นดีใจ
คนกลุ่มนี้แทบทั้งหมดได้กลายเป็นพันธมิตรกับสวนร้อยพฤกษาเรียบร้อยแล้วโดยการพูดคำสาบานต่อกฎแห่งสวรรค์ จากนั้นพวกเขาจึงได้ร่วมทุนกันเพื่อสนับสนุนการเติบโตของโจวจื่อซิน
ตามข้อตกลง หลังจากสวนร้อยพฤกษาได้รับเลือดของโจวจื่อซินที่มีสรรพคุณทางโอสถอยู่ในระดับเดียวกับโอสถสวรรค์แล้ว สวนร้อยพฤกษาจะแบ่งให้พวกเขาทุกคน คนละ 100 หยด
ส่วนเรื่องการครอบครองทั้งร่างของโจวจื่อซินนั้น พวกเขาเองก็ไม่ได้กังวลอะไร เพราะจือหมิงฮ่าวได้บอกแผนของสำนักสวนร้อยพฤกษาให้พวกเขาได้รู้ไปแล้วว่า เจ้าสำนักของเขาตอนนี้ใกล้ที่จะทะลวงไปถึงขอบเขตสวรรค์แล้ว ดังนั้นเมื่อถึงเวลาพวกเขาจะร่วมมือกันและใช้จำนวนเข้าถล่มคฤหาสน์สราญรมย์ให้สิ้นซาก พวกเขาไม่เชื่อว่าด้วยการร่วมมือกันของพวกเขาหลิงตู้ฉิงจะสามารถต้านทานได้ และที่สำคัญพวกเขายังได้มีการทำข้อตกลงไว้กับราชวงศ์ของอาณาจักรจันทราอีกด้วย
หลังจากผ่านไปนานกว่า 1 ปี จางหมิงก็มาที่อาณาจักรอ้าวเทียนอันห่างไกลอีกครั้งและขอพบอาจารย์ของเหลียงซาน ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในการบ่มเพาะเต๋าดวงใจจักรพรรดิเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม อาจารย์ของเหลียงซานเป็นทั้งผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งและยังเป็นจักรพรรดิของอาณาจักรที่ทรงอำนาจ เขาจะเป็นคนที่จางหมิงสามารถพบเจอได้ทุกเมื่อที่ต้องการได้อย่างไร? นอกจากนี้แม้ว่าเหลียงซานจะเป็นศิษย์ของเขา แต่พวกเขาทั้งคู่ต่างก็เป็นผู้บ่มเพาะเต๋าดวงใจจักรพรรดิ ดังนั้นเป้าหมายของพวกเขาจึงเป็นไปในทิศทางเดียวกันหากต้องการขึ้นไปถึงจุดสูงสุด ดังนั้นมันจึงมีความเป็นไปได้ที่ในอนาคตพวกเขาก็อาจจะกลายเป็นคู่ต่อสู้กันได้
จริง ๆ แล้วครั้งสุดท้ายที่เขามาที่อาณาจักรอ้าวเทียน เขาไม่พบกับจักรพรรดิของที่นี่ ได้แต่พบกับหลานชายขององค์จักรพรรดิที่ถูกส่งออกมาให้ต้อนรับเขาเท่านั้น และในครั้งนี้ที่เขามามันก็ยังคงเป็นซีเหมินเฉียวที่มาต้อนรับเขาอีกเช่นเคย
“พี่จางหมิง เราเจอกันอีกแล้ว” ซีเหมินเฉียวหัวเราะ
ซีเหมินเฉียว เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญที่พึ่งบรรลุเข้าสู่ขอบเขตนภา แต่ถึงแม้ว่าระดับการบ่มเพาะของเขาจะอ่อนแอกว่าจางหมิงแต่ภูมิหลังของเขาก็ทรงพลังยิ่งกว่า ดังนั้นจางหมิงจึงไม่กล้าที่จะดูหมิ่นเขาและพูดตอบอย่างสุภาพว่า “น้องซีเหมิน รอบนี้ข้ามีเรื่องให้เจ้าต้องช่วยข้าสักหน่อยแล้ว”
“หืม?” ซีเหมินเฉียวมองไปที่จางหมิง
จางหมิงหัวเราะและพูดว่า “ข้ามาครั้งนี้เพื่อต้องการเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิซีเหมินเจี้ยง”
ซีเหมินเฉียวพูดอย่างลำบากใจ “ไม่ใช่ว่าข้าไม่ต้องการช่วยท่าน แม้ว่าท่านจะได้พบกับท่านปู่ ข้ากลัวว่าเขาจะไม่ยอมตกลงอะไรด้วยนี่สิท่านพี่จาง”
จางหมิงพูดอย่างจริงจังว่า “ครั้งนี้ข้านำพระราชสานส์ของจักรพรรดิเหลียงซานมาด้วย หากเจ้าพาข้าไปพบองค์จักรพรรดิของเจ้ามันจะเป็นพระคุณต่อข้ามาก”
เมื่อซีเหมินเฉียวได้ยินคำว่า ‘พระราชสานส์’ เขาก็เลิกคิ้วอย่างช่วยไม่ได้ เพราะนี่มันหมายความว่าจางหมิงไม่ได้มาเพราะเรื่องส่วนตัว แต่เป็นเรื่องธุระสำคัญ ถึงแม้ทั้งสองอาณาจักรจะอยู่ห่างไกลกันมากแต่ก็ยังคงมีความเชื่อมโยงระหว่างกัน อันที่จริงการที่เขาจะจัดแจงให้เกิดการเข้าเฝ้าขึ้นนั้นมันไม่ได้ลำบากอะไร เพราะถึงแม้ว่าเขาจะไม่พาจางหมิงไปเข้าเฝ้าปู่ของเขา จางหมิงก็สามารถหาทางออกอื่นและไปเข้าเฝ้าได้ด้วยตัวเองอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นเขาสงสัยเล็กน้อยว่าทางอาณาจักรจันทรามีธุระอะไรที่ดูเหมือนจะสำคัญมากในรอบนี้กันแน่?
เขาลอบสังเกตมองไปที่จางหมิงและพบว่าจางหมิงกำลังยิ้ม
เขารู้ว่าจางหมิงจะไม่บอกข้อความลับนี้กับเขา เขาครุ่นคิดสักครู่ก่อนที่จะพูดว่า “พรุ่งนี้ข้าจะพาท่านไปที่พระราชวังเพื่อพบท่านปู่ แต่ท่านต้องสำรวมเอาไว้ให้มากเมื่อพบกับท่านปู่ของข้า ท่านต้องไม่ลืมว่าเจ้านายของท่านเป็นเพียงศิษย์ธรรมดาของท่านปู่ข้าเท่านั้น ถ้าหากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมามันจะเป็นการง่ายมากที่ท่านปู่ของข้าจะเล่นงานท่าน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)