หลายปีต่อมาเมื่อ หวงยี่เฟยได้กลายเป็นเทพโอสถคนใหม่ไปแล้ว ในขณะที่เขากำลังจะจากไปยังดินแดนห่างไกลศิษย์ของเขาถามขึ้นก่อนเขาจะไปว่า “อาจารย์ ข้าจะเผยแพร่ทักษะการหลอมโอสถของท่านได้อย่างไร?”
หวงยี่เฟยมองลูกศิษย์ของเขาอย่างจริงจังและพูดว่า “ถ้าเจ้าเจออุปสรรคที่ไม่สามารถฝ่าฟันได้ ถ้าเจ้าประสบปัญหาในการโอสถที่ไม่เข้าใจ เจ้าจงตะโกนในใจว่า ‘เทพโอสถมันกระจอก!’ สามครั้ง! แต่อย่าลืม ถึงแม้ว่าเจ้าจะมีข้าเป็นอาจารย์ของเจ้า แต่ถ้ามีคนอื่นได้ยินที่พวกเจ้าตะโกนเข้าพวกเขาอาจจะข่มอารมณ์ไม่ไหวทุบตีเจ้าได้ ดังนั้นเจ้าอาจจะแค่ตะโกนในใจก็เพียงพอ!”
ลูกศิษย์มองเขาด้วยความตกตะลึงพร้อมกับคิดว่า หวงยี่เฟยวิกลจริตไปแล้วงั้นเหรอ?
หวงยี่เฟยพยักหน้าอย่างจริงจังและพูดว่า “มีเพียงแค่การทำเช่นนี้เท่านั้น เจ้าถึงจะสามารถบรรลุเต๋าแห่งการหลอมโอสถไปสู่จุดสูงสุดได้!”
หลังจากนั้นเขาก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้าและจากไป ทุกคนที่อยู่ในตอนนั้นสามารถเป็นพยานของเหตุการณ์นี้ได้
อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอีกหลายปีต่อมา ส่วนในตอนนี้หวงยี่เฟยกำลังโกรธอย่างมาก
นี่เป็นเพราะเทพโอสถได้ทิ้งความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ไว้เบื้องหลังมากมาย และหวงยี่เฟยได้ยึดตัวตนของเทพโอสถเหยาเจิ้นเฟยเป็นแบบอย่างมาตลอดตั้งแต่ที่เขาหลอมศึกษเต๋าแห่งโอสถ แต่ตอนนี้ หลิงตู้ฉิงกลับบังคับให้เขาต้องมาเรียกเทพแห่งโอสถว่าเป็น ไอ้กระจอก!
นี่มันเป็นการดูหมิ่นเทพโอสถอย่างให้อภัยไม่ได้!
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าจะโกรธมากแต่เขาก็ไม่สามารถพูดอะไรได้
นี่เป็นเพราะหลิงตู้ฉิงแสดงความสามารถที่ยอดเยี่ยมด้วยการหลอมโอสถดาราประสาน
เขาจึงไม่สามารถบอกได้ว่าใครสูงส่งกว่าระหว่างหลิงตู้ฉิงและเทพโอสถ ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะพูดอะไรได้หากหลิงตู้ฉิงสาปแช่งเทพโอสถ
“ถ้าเจ้าไม่ตะโกนก็รีบออกไปจากเรือนข้า อย่ามาทำให้ข้าเสียเวลา!” หลิงตู้ฉิงกระตุ้นหวงยี่เฟย
เมื่อถูกหลิงตู้ฉิงกดดันหวงยี่เฟยก็ยิ่งรู้สึกเดือดดาลขึ้นมา
ต่อให้เจ้าหลอมโอสถได้ล้ำเลิศแล้วอย่างไรล่ะ? เจ้าไม่มีสิทธิ์ดูถูกผู้อื่น เจ้าไม่มีสิทธิ์มารุกล้ำสิทธิ์ของข้าที่จะไปนับถือผู้ใด! แม้ว่าข้าจะต้องการคำชี้แนะจากเจ้า แม้เต๋าโอสถของเจ้ามันสูงส่งจนข้ายังต้องชื่นชม แต่สันดานของเจ้านั้นมันเกินที่จะทนจริงๆ!
เมื่อหวงยี่เฟยคิดเช่นนั้น เขาจึงพูดกับหลิงตู้ฉิงอย่างเย็นชาว่า “เทพโอสถท่านไม่ใช่คนกระจอก!”
เขาโกรธหลิงตู้ฉิงเป็นอย่างมาก หลิงตู้ฉิงต้องการให้เขาดูถูกบุคคลที่เขาเคารพมาเนิ่นนาน หวงยี่เฟยหันหลังกลับกระทืบเท้าเดินไปยังประตูเรือนด้วยจิตใจที่แทบลุกเป็นไฟ
แต่หลังจากเขาเดินไปได้ก้าวแรก หวงยี่เฟยพลันนึกกับตัวเอง “มีผู้คนมากมายเทิดทูนเทพโอสถ เขาคงสมควรตายเป็นพันครั้งหากเขาว่าร้ายเทพโอสถลับหลัง และในอนาคตเขาคงไม่มีค่าพอที่จะไปสู้หน้าใครได้ในฐานะนักหลอมโอสถ”
จากนั้นพอเข้าก้าวไปก้าวที่สอง หวงยี่เฟยคิดอีกครั้งถ้าหากเขาไม่ได้รับการชี้แนะจากหลิงตู้ฉิง ในอนาคตโอกาสที่เขาจะไปถึงระดับปรมาจารย์หลอมโอสถคงเป็นไปได้ยาก และถ้าหากเขาไม่ได้เป็นปรมาจารย์หลอมโอสถแล้วเขาก็คิดไม่ออกว่าอนาคตต่อไปเขาจะเป็นผู้มีชื่อเสียงได้อย่างไร เพราะทั้งชีวิตเขารู้จักก็แต่การหลอมโอสถเท่านั้น
ก้าวไปก้าวที่สาม! หวงยี่เฟยคิดอีกแล้ว! หากเขาไม่สามารถบรรลุเต๋าแห่งโอสถขั้นสูงได้ ความพยายามที่ผ่านมาตั้งแต่ตอนี่เขาเริ่มหัดหลอมโอสถเมื่อตอนอายุ 7 ขวบจะศูนย์เปล่าทั้งหมด! เขาจะให้ความพยายามทั้งหมดที่เขาลงทุนมามันไร้ค่างั้นเหรอ?
เมื่อก้าวไปก้าวที่สี่! หวงยี่เฟยคิดกับตนเอง เขาก็แค่สาปแช่งเทพโอสถเฉย ๆ นี่นา ใช่ว่าหากเขาสาปแช่งแล้วสวรรค์จะสาปให้เขาหลอมโอสถต่อไม่ได้สักหน่อย แล้วอีกอย่างทำไมเขาต้องทิ้งโอกาสในการบรรลุเต๋าแห่งโอสถขั้นสูงจากหลิงตู้ฉิง เพียงเพราะแค่ว่าเขาต้องการที่จะปกป้องเทพโอสถ ซึ่งอันที่จริงแล้วเป็นใครก็ไม่รู้ที่เขาไม่เคยเห็นหน้าด้วยซ้ำ แถมเทพโอสถก็หายหน้าหายตาจากโลกนี้ไปก็ตั้งนมนานหลายศตวรรษแล้ว เขาจะต้องมาใส่ใจทำไม?
หลังจากคิดมาทั้งหมด หวงยี่เฟยก็ชะลอฝีเท้าลง
ในขณะที่ก้าวไปถึงก้าวที่ห้า! เขาก็เริ่มคิดเข้าข้างตัวเองอย่างแน่วแน่ เขาไม่เคยรู้เรื่องราวชีวิตของเทพโอสถ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวตนจริง ๆ เป็นอย่างไร รู้ก็แต่ว่าเทพโอสถนั้นชื่อ เหยาเจิ้นเฟย แถมหลิงตู้ฉิงก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสูตรของเทพโอสถมัน ‘กระจอก’ จริง ๆ อันที่จริงหากเขาจะตะโกนว่า ‘เทพโอสถมันกระจอก’ ออกไปมันก็คงไม่ผิดเท่าไหร่ล่ะมั้ง?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)