หลังจากที่ปู้หยุนฟานและเสี่ยวหยูฉิงได้เข้าไปในหมู่ตึกหยูอี่ และหายตัวไปอย่างไร้ร่องลอยโดยที่ไม่กลับออกมาอีก เหตุการณ์นี้ทำให้บรรดาศิษย์สำนักที่มากับปู้หยุนฟานต่างรู้สึกตกใจ
พวกเขาไม่คิดว่าผู้อาวุโสปู้หยุนฟานของพวกเขาจะไม่กลับมาหลังจากเข้าไปเอายันต์สั่งสวรรค์
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ต้องรู้ว่าผู้อาวุโสของพวกเขาเป็นผู้ใช้อักขระเวทย์ระดับหลุดพ้นสามัญและเขายังพกสมบัติวิเศษระดับเซียนของสำนักติดตัวไปอีกด้วย!
ด้วยความแข็งแกร่งเช่นนี้ใครจะฆ่าเขาได้?
ด้วยความไม่แน่ใจหรือไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่พวกเขาคิด พวกเขาจึงต่างพากันแยกย้ายสอบถามผู้คนบริเวณรอบ ๆ เกี่ยวกับเบาะแสของปู้หยุนฟานและเสี่ยวหยูฉิง แต่เมื่อหลังจากรู้ว่าทั้งสองคนได้เดินเข้าไปในหมู่ตึกหยูอี่จริงแล้วพวกเขาก็ไม่ได้ออกมา
พวกเขาจึงสรุปได้แล้วว่าสถานการณ์ตอนนี้เข้าขั้นเลวร้ายและพวกเขาเองก็คงไม่มีอำนาจพอจะคลี่คลายมันด้วยตัวเอง พวกเขาจึงตัดสินใจกลับไปที่สำนักอักขระวิญญาณทันทีเพื่อแจ้งข่าวนี้ให้ทางสำนักทราบโดยเร็วที่สุด
ทางด้านหมู่ตึกหยูอี่ ซือโถวเหวินหยวนในเวลานี้เขาวิ่งไปทั่วทุกหอการค้าและในที่สุดก็ซื้อไขกระดูกอสูรธาตุศักดิ์สิทธิ์กลับมาได้
ส่วนผสมสุดท้ายของโอสถบำรุงวิญญาณ ในที่สุดก็อยู่ในมือเขา
เมื่อมีส่วนผสมทุกอย่างครบ หลิงตู้ฉิงก็ปรับความร้อนของเตาหลอมและเริ่มหลอมโอสถบำรุงวิญญาณทันทีหลังจากที่เขาได้รับไขกระดูกอสูรธาตุศักดิ์สิทธิ์
วิธีที่เขาใช้ในการหลอมโอสถยังคงเป็น ‘นวโคจรกำเนิดโอสถ’ ซึ่งเป็นวิธีการหลอมโอสถที่ทรงพลังที่สุดที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของสำนักโอสถนิรันดร์
เมื่อเริ่มกระบวนการหลอม เตาหลอมในมือของหลิงตู้ฉิงก็เริ่มหมุนไปเรื่อย ๆ แต่มันหมุนช้ามาก อัตราการหมุนของมันนั้นใช้เวลาถึง 1 วันกว่าจะหมุนได้ครบ 1 รอบ
เพื่อหลีกเลี่ยงการรบกวนกระบวนการหลอมของหลิงตู้ฉิง มี่ไลและคนอื่น ๆ จึงปฏิเสธผู้มาเยือนทั้งหมดที่จะมาขอเข้าพบหลิงตู้ฉิง เนื่องจากพวกเขาต้องการให้หลิงตู้ฉิงมุ่งเน้นไปที่การหลอมโอสถแต่เพียงอย่างเดียว
ในเวลานี้ทั้งหยุนจื่อรุ่ยและเปียนเฉียวเฉียวมีความมั่นใจในเจ้านายของพวกนาง และหมู่ตึกหยูอี่มากขึ้นเรื่อย ๆ
ขณะนี้หยุนจื่อรุ่ยกำลังยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู และเปียนเฉียวเฉียวที่กำลังนั่งหลับตาบ่มเพาะอยู่ที่ฝั่งด้านในประตูอาคาร เพื่อรอรับแขกจากทั่วทุกสารทิศที่แวะเวียนเข้ามาหา โดยที่พวกนางไม่เกรงกลัวต่อผู้บ่มเพาะทุกระดับ
นี่เป็นเพราะพวกนางตระหนักได้ในหมู่ตึกของนางยังมีพี่สาวในภาพวาดอยู่คนหนึ่งที่สามารถฆ่าคนได้ด้วยเพียงการจ้องมองของนาง!
ยิ่งไปกว่านั้นคนที่ถูกนางสังหารไปนั้นยังดูเป็นคนที่ทรงพลังอย่างยิ่ง
“ที่นี่มียันต์ผนึกอักขระขายไหม?” มีคนมาที่ประตูและถามพวกนาง “ข้าได้ยินมาว่าที่เมืองเจินไห่ หมู่ตึกหยูอี่ของพวกเจ้ามียันต์ผนึกอักขระอยู่เป็นจำนวนมากแถมยังราคาถูกอีกด้วย นี่ข้ามาถึงแล้วก็ตรงมาที่นี่โดยเฉพาะเลยนะเจ้ารู้ไหม?”
หยุนจื่อรุ่ยส่ายหัว “ขออภัยด้วยแต่ตอนนี้หมู่ตึกหยูอี่ของเราไม่ขายสินค้าใด ๆ อีกต่อไปแล้ว หากท่านต้องการซื้อก็โปรดลองไปดูที่หอการค้าอื่น!”
“แต่หอการค้าอื่น ๆ พวกนั้นมันขายแพงมากเกินไปหน่อยนี่นา!” ชายคนนั้นยิ้มอย่างขมขื่น
“ข้าเข้าใจ แต่เราไม่ได้ขายของอีกต่อไป!” หยุนจื่อรุ่ยยิ้ม หลังจากปฏิเสธลูกค้าแล้วนางมองไปที่เปียนเฉียวเฉียวที่กำลังบ่มเพาะอยู่ด้านในอาคาร และมองไปยังทิศทางที่สวนด้านหลังด้วยความรู้สึกเบื่อหน่ายเล็กน้อย
ในขณะที่นางรู้สึกเบื่อ และกำลังจะเดินกลับเข้าไปด้านในอาคาร ชายหนุ่มอีกคนหนึ่งก็ปรากฎกายขึ้นที่ประตูและถามว่า “จื่อรุ่ย เจ้ากำลังยุ่งอยู่รึเปล่า?”
หยุนจื่อรุ่ยเงยหน้าขึ้นและเมื่อเห็นว่าเป็นคนจากตระกูลเย่ นางจึงรีบตอบกลับทันที “นายน้อยสอง ข้ากำลังช่วยนายท่านรับแขก!”
คนที่อยู่ด้านนอกคือลูกชายคนที่สองของผู้นำตระกูลเย่ เย่เซินหมิง
เย่เซินหมิงยิ้มและกล่าวขึ้นว่า “เจ้าพอจะช่วยข้าแจ้งนายของเจ้าสักหน่อยได้ไหมว่าข้าอยากจะขอเข้าไปแสดงความเคารพต่อนายของเจ้า”
หยุนจื่อรุ่ยพูดอย่างกระอักกระอ่วน “นายน้อยสอง นายท่านของข้ากำลังยุ่งอยู่ตอนนี้เขาได้มีคำสั่งมาให้ข้าปฏิเสธกับแขกทุกคนที่มาขอเข้าพบ เนื่องจากเขาไม่ต้องการให้ใครก็ตามมารบกวนเขาในช่วงเวลานี้ แม้กระทั่งพวกข้าเองก็ยังไม่สามารถเข้าไปในสวนด้านหลังได้เช่นกัน”
“อย่างนั้นเหรอ?” เย่เซินหมิงเลิกคิ้ว
เขาไม่ได้ตั้งใจทำให้เด็กทั้งสองต้องรู้สึกยุ่งยากใจ เนื่องจากในช่วงเวลาที่ผ่านมาเขาเองก็ได้ยินเรื่องราวความพิสดารของสถานที่แห่งนี้อยู่หลายอย่าง ซึ่งเขาเองก็ไม่กล้าที่จะดูแคลนสถานที่แห่งนี้ เป็นที่รู้กันทั่วไปว่าคนที่เคยดูถูกสถานที่แห่งนี้มาก่อนหน้า พวกเขาทั้งหมดล้วนกลายเป็นศพและถูกลากทิ้งไปกอง ๆ กันตรงกลางถนนทางเข้าหมู่ตึกหยูอี่
เนื่องจากไม่สามารถเข้าไปได้ เย่เซินหมิงจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหันหลังกลับ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)