ตอน บทที่ 297 เสริมอำนาจค่ายกลกระบี่ จาก พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 297 เสริมอำนาจค่ายกลกระบี่ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายAction พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ราวกับว่าผู้คนในหมู่ตึกหยูอี่ไม่สนใจถึงเรื่องราวสถานการณ์เกี่ยวกับโลกภายนอกเลยแม้แต่น้อย และพวกเขาก็ไม่รู้สึกว่าถูกรบกวนจากโลกภายนอก
นอกเหนือจากการต้อนรับผู้คนที่มาขอเข้าพบแล้วน้อยครั้งมากที่จะมีคนจากหมู่ตึกหยูอี่คนใดออกมาเดินเตร็ดเตร่อยู่ด้านนอก
แน่นอนว่าหลิงตู้ฉิงจะรับแขกเฉพาะเมื่อเขามีเวลาเท่านั้น
ในเวลานี้ เสี่ยวหลิงเฟิงและกงหนิว ทั้งคู่ต่างกำลังฝึกอยู่ในหมู่ตึกหยูอี่ เนื่องจากค่ายกลผันแปรกระแสวิญญาณที่ถูกวางอยู่ในสวนด้านหลังของหมู่ตึกหยูอี่ ทำให้พลังวิญญาณในพื้นที่โดยรอบมีความหนาแน่นเป็นอย่างมาก
แน่นอนว่าหยุนจื่อรุ่ยและเปียนเฉียวเฉียว พวกนางเองก็ได้รับการอนุญาตให้สามารถสับเปลี่ยนเข้าไปในสวนด้านหลังเพื่อทำการบ่มเพาะได้ ซึ่งมันทำให้อัตราการเพิ่มระดับของพวกนางเพิ่มเร็วขึ้นเป็นอย่างมาก
แต่ในส่วนห้องของมี่ไลและหลิวเฟ่ยเฟ่ยหรือแม้แต่ห้องของหลิงเทียนหยุน ห้องทั้งสามนั้นหลิงตู้ฉิงไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปโดยเด็ดขาด
ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้ว่าทั้งสามคนกำลังทำอะไร
ไม่กี่วันที่ผ่านมา เนื่องจากหลิงตู้ฉิงยังยุ่งอยู่กับการเสริมความแข็งแกร่งให้กับค่ายกลกระบี่เหินเมฆา มี่ไลและหลิวเฟ่ยเฟ่ยที่รู้ว่าหลิงตู้ฉิงจะไม่ว่างมาหาพวกนาง พวกนางจึงเรียกหลิงเทียนหยุนให้มารวมกลุ่มกันเพื่อฝึกฝนและแบ่งปันความเข้าใจ วิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่ง ร่วมกัน
และในขณะเดียวกับที่พวกเขากำลังฝึกฝนอยู่ ยันต์สั่งสวรรค์ก็ลอยอยู่ข้าง ๆ พวกเขาและหญิงสาวที่อยู่ด้านในยันต์ก็คอยเฝ้าดูพวกเขาทั้งสามคนฝึกฝน
หลังจากฝึกฝนกันไปได้สักพัก มี่ไลก็เห็นหญิงสาวที่อยู่ในยันต์สั่งสวรรค์ส่ายหัว นางอดไม่ได้ที่จะถามว่า “พี่สาวมีอะไรหรือเปล่า?”
“นี่น่าจะเป็น วิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่ง ใช่ไหม?” หญิงสาวในภาพวาดถามอย่างสงสัย “ด้วยพรสวรรค์ของพวกเจ้า พวกเจ้าจะเข้าใจวิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่งได้อย่างไร? นี่ไม่ใช่วิชาทั่วไปที่คนธรรมดาจะสามารถบรรลุมันได้ง่าย ๆ ต่อให้พวกเจ้าทุกคนจะเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ พวกเจ้าก็ไม่สามารถเข้าใจมันได้ในระยะเวลาสั้น ๆ หรอก แต่พวกเจ้านั้นถือว่าโชคดีมากที่ได้ฝึกฝนวิชานี้ เนื่องจากวิชานี้มีประโยชน์ที่เหลือเชื่อและทั่วทั้งโลกก็มีเพียงไม่กี่คนที่รู้จักมัน”
มี่ไลยิ้มเจื่อน “สามีบอกว่าเรายังเข้าใจมันไม่ได้ แต่เขาไม่ได้บังคับให้เราเข้าใจทั้งหมด เขาแค่อยากให้เราเข้าใจทักษะส่วนเล็ก ๆ ที่จะทำให้เราย่อตัวลงและขยายขนาดขึ้นได้เท่านั้น”
“ทำไม?” หญิงสาวในภาพวาดถามอย่างสงสัย
“ข้าก็ไม่รู้” มี่ไลส่ายหัว “แต่ตอนนี้พวกเรามีแผนการที่กำลังจะมุ่งหน้าไปยังเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ ฉะนั้นข้าเดาว่าวิชานี้มันคงจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับนั่นล่ะ”
“ข้ารู้ว่าเขาต้องการอะไร” หญิงสาวในภาพวาดยิ้มเยาะ “เอาล่ะ บอกข้าเกี่ยวกับวิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่ง แล้วข้าจะช่วยพวกเจ้า ไม่เช่นนั้นด้วยสภาพปัจจุบันพวกเจ้า ต่อให้พวกเจ้าใช้เวลาสักร้อยปีก็คงไม่มีความคืบหน้าไปไหนนักหรอก”
มี่ไลไม่ลังเลเลย นางจ้องมองไปยังหญิงสาวที่อยู่ในยันต์สั่งสวรรค์และบอกทุกอย่างที่หลิงตู้ฉิงบอกกับนาง รวมถึงข้อมูลทุกประเภทเกี่ยวกับวิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่งผ่านการสื่อสารทางสายตา นางถ่ายทอดความคิดของนางไปยังหญิงสาวในภาพวาด
ครู่ต่อมา ร่างแต่เดิมของหญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์ก็กลายเป็นขนาดมหึมาในทันทีก่อนจะหดกลับไปเหลือแค่เป็นจุดสีดำ
หญิงสาวในภาพวาดคร่ำครวญ “ตามที่คาดไว้ วิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่ง นี้มันพิสดารดีจริง ๆ เอาล่ะเดี๋ยวข้าจะแสดงให้พวกเจ้าเห็นการย่อและขยายขนาดอีกที จงดูเต๋าของข้าให้ดีมันจะช่วยให้พวกเจ้าเข้าใจวิชานี้ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น”
มี่ไลหันไปหาหลิวเฟ่ยเฟ่ยและหลิงเทียนหยุนทันทีพร้อมกับกล่าวว่า “เฟ่ยเฟ่ย เทียนหยุนดูพี่สาวเอาไว้ นางจะแสดงตัวอย่างการย่อและขยายขนาดของวิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่งให้ดูตอนนี้”
พวกเขาทั้งสามมองไปที่ยันต์สั่งสวรรค์ด้วยความสนใจทันที พวกเขาต่างมองเห็นว่าร่างของหญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์มีขนาดใหญ่ขึ้นและเล็กลงอย่างต่อเนื่อง
เมื่อหญิงสาวในภาพวาดกำลังมอบความเข้าใจในเต๋าของตนเองให้ทั้งสามคน หลิงตู้ฉิงผู้ซึ่งกำลังสร้างกระบี่บินก็เผยรอยยิ้มพลางหันศีรษะไปยังทิศทางของห้องมี่ไล
ไม่ต้องพูดถึงว่าหญิงสาวในภาพวาดนั้นสิ้นชีพไปแล้ว และมีเพียงเจตจำนงของนางเท่านั้นที่ยังเหลืออยู่ ต่อให้แม้ว่านางจะยังคงมีชีวิตอยู่ ตามสภาพปัจจุบันของเขา เขาก็ยังคงเต็มใจที่จะสอนวิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่งให้กับนาง
เสี่ยวเยว่เฟิงซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ มองไปที่หลิงตู้ฉิงอย่างอยากรู้อยากเห็นและถามว่า “นายท่าน ถ้าท่านนำกระบี่บินพวกนี้ที่ท่านสร้างเสร็จไปสับเปลี่ยนกับของเดิมที่อยู่ในค่ายกลกระบี่ อำนาจของค่ายกลมันคงจะทรงพลังมากขึ้นเยอะเลยใช่ไหม?”
หลิงตู้ฉิงมองไปที่เฟิงหมานเทียน และพูดว่า “เฟิงชิงหยางมีความเกี่ยวข้องอะไรกับเจ้า?”
เฟิงหมานเทียนพูดด้วยความเคารพ “เขาคือบรรพบุรุษของข้า!”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “อืม แล้วเจ้ามีเรื่องอะไรถึงมาที่นี่?”
เฟิงหมานเทียนตอบอย่างระมัดระวัง “นายน้อยของข้าได้รับข่าวมาว่าท่านมีกุญแจสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ ข้าสงสัยว่าเป็นเรื่องจริงงั้นหรือ?”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “ใช่ ข้ามีกุญแจไปสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ นี่ถ้าข้าไม่ต้องตกลงที่จะรอพวกเจ้าที่นี่ข้าคงจะออกเดินทางไปตั้งนานแล้ว ว่าแต่ตอนนี้พวกเจ้าตกลงยินยอมทำตามเงื่อนไขของข้าแล้วหรือยัง?”
เฟิงหมานเทียนพูดด้วยรอยยิ้ม “โปรดให้ข้าดูกุญแจสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับก่อน จากนั้นข้าจะบอกคำตอบแก่ท่าน”
หลิงตู้ฉิงมองไปที่เฟิงหมานเทียน จากนั้นก็โยนกุญแจเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับไปที่ เฟิงหมานเทียน
เฟิงหมานเทียนรับกุญแจมาอย่างระมัดระวัง และเริ่มตรวจสอบมันอย่างละเอียด แต่ในระหว่างที่เขาตรวจสอบกุญแจ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงเจตจำนงแห่งกระบี่ที่พุ่งเป้าคุกคามมาที่ร่างกายของเขา ซึ่งทำให้เขาไม่กล้าแม้แต่จะโคจรพลังวิญญาณเพียงเล็กน้อย
“อย่าทำลายกุญแจ!” หลิงตู้ฉิงเตือนขึ้น
อันที่จริง หลิงตู้ฉิงไม่กลัวว่าเฟิงหมานเทียนจะขโมยกุญแจไป แต่สิ่งที่หลิงตู้ฉิงกลัวก็คือเขากลัวว่า เฟิงหมานเทียนจะไม่กลัวตายและทำลายกุญแจต่อหน้าเขา หากตกลงกันได้ไม่ลงตัว
เนื่องจากหลิงตู้ฉิงยังสามารถใช้กุญแจนี้แลกเป็นของอย่างอื่นได้อีกมากมาย!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)