ขณะนี้คนของสำนักอักขระวิญญาณ และอาณาจักรอี้จิ๋นกำลังทะเลาะกันอยู่บนท้องฟ้า สำนักอักขระวิญญาณ ไป๋หยูหมิง ตอนนี้กำลังอยู่ในอารมณ์เดือดดาลและจ้องมองไปที่คนของอาณาจักรอี้จิ๋นด้วยสาตาเย็นชา
มันไม่น่าแปลกใจเลยที่ผู้เชี่ยวชาญอักขระเวทย์ไร้นามผู้หนึ่ง กล้าที่จะสังหารผู้คนจากสำนักของเขาเองแถมยังขโมยสมบัติวิเศษระดับเซียนไปอีกต่างหาก ที่แท้ไอ้หลิงตู้ฉิงผู้นี้มันก็มีกองกำลังที่แข็งแกร่งหนุนหลังมันอยู่นั่นเอง!
เมืองเจินไห่นี้เป็นเพียงเมืองบ้านนอกเท่านั้น แต่ตอนนี้กลับมีผู้เชี่ยวชาญมากมายมารวมตัวกันอยู่ที่นี่? ที่นี่มันมีทั้งผู้เชี่ยวชาญระดับนักบุญและผู้เชี่ยวชาญระดับเหนือล้ำอีกเป็นฝูง ด้วยความแข็งแกร่งขนาดนี้มันไม่น่าแปลกเลยที่สมบัติวิเศษระดับเซียนของพวกเขาถึงเอาไม่อยู่และกลับถูกชิงไปอย่างง่ายดาย
คนจากสำนักอักขระวิญญาณ ตอนนี้ต่างก็เข้าใจผิดเช่นกัน
เมื่อจ้องหน้ากันไปได้สักพัก ทั้งสองฝ่ายก็เริ่มปะทะกันอย่างชุลมุนอยู่กลางเวหา เมื่อเห็นสถานการณ์เริ่มยุ่งเหยิง ผู้บัญชาการกองทหารอารักขา เหมาจิ๋นซุน จึงรีบเข้าไปในหมู่ตึกหยูอี่และพูดกับสีเป่ยเซียะว่า “องค์หญิง สำนักอักขระวิญญาณกำลังใกล้เข้ามาแล้ว แถมหนึ่งในพวกเขายังเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับนักบุญ กระหม่อมขอแนะนำให้องค์หญิงเตรียมตัว ออกจากที่นี่ทันทีจะดีกว่า”
สีเป่ยเซียะโบกมืออย่างใจเย็น “ไปแจ้งให้คนของเราหยุดต่อสู้กับคนของสำนักอักขระวิญญาณเอาไว้ก่อน อีกอย่างผู้เชี่ยวชาญระดับนักบุญ ไม่เพียงพอที่จะทำให้ข้าต้องถอยหนี และคุณชายหลิงกับข้ายังคุยกันไม่ได้ข้อสรุป รอให้ข้าคุยกับคุณชายหลิงให้จบก่อนแล้วเดี๋ยวข้อจะสั่งการเจ้าอีกที”
เหมาจิ๋นซุน เมื่อได้ยินเช่นนั้นเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องออกไปทำตามคำสั่ง
ภายในหมู่ตึกหยูอี่ สีเป่ยเซียะยิ้ม ขณะที่นางมองไปที่หลิงตู้ฉิงและพูดว่า “คุณชายหลิง สำนักอักขระวิญญาณกำลังมาหาท่านแล้ว ข้าได้ยินมาว่าท่านได้ทำให้สำนักอักขระวิญญาณสูญเสียไปทั้งอัจฉริยะและผู้อาวุโสของพวกเขา และตอนนี้พวกเขาได้มาถึงที่นี่เพื่อชำระหนี้แค้นกับท่านแล้ว แถมดูเหมือนว่าทางฝั่งพวกเขาจะพาผู้เชี่ยวชาญระดับนักบุญมาด้วยอีกต่างหาก ซึ่งนี่คงไม่ใช่สิ่งที่ค่ายกลกระบี่ของท่านจะต้านทานได้ในตอนนี้ คุณชายควรพิจารณาเงื่อนไขของข้า”
“ถ้าท่านตกลง ข้าจะถือว่าท่านเป็นหนึ่งในคนของอาณาจักรอี้จิ๋นของข้าและจะถูกขนานนามว่าเป็นผู้ที่มีความสำคัญต่ออาณาจักรอี้จิ๋นลำดับต้น ๆ ฉะนั้นชีวิตของท่านที่อยู่ในอาณาจักรอี้จิ๋นนั้นจะมีแต่ความสุขสบาย แถมท่านยังไม่จำเป็นต้องสนใจเกี่ยวกับท่าทีของคนส่วนใหญ่ระหว่างอยู่ในอาณาจักรของข้าอีกต่างหาก แต่ถ้าท่านไม่ตกลง ข้าจะไม่ช่วยท่าน เนื่องจากยังไงซะท่านก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับอาณาจักรของข้าตั้งแต่แรกเริ่มอยู่แล้ว”
ตอนนี้ในใจของหลิงตู้ฉิงรู้สึกขัดแย้งและรำคาญเป็นอย่างมาก
ไม่ใช่ว่าเขาไม่สามารถจัดการกับสำนักอักขระวิญญาณได้ แต่การลงมือของเขามันจะส่งผลรุนแรงต่อตัวของเขาเองในภายหลัง
เพราะถ้าหากเขาจะลงมือ เขาจำเป็นต้องให้หญิงสาวที่อยู่ในยันต์สั่งสวรรค์ลงมือแทน ซึ่งเขาเองเป็นคนที่วาดนางขึ้นมา ฉะนั้นการสังหารที่กำลังจะเกิดขึ้นทั้งหมดจากการใช้ยันต์สั่งสวรรค์มันก็ไม่ได้แตกต่างอะไรจากการที่เขาลงมือสังหารคนเหล่านี้เองกับมือ
ที่สำคัญที่สุดคือเขาไม่เต็มใจที่จะใช้ยันต์สั่งสวรรค์เลยเพราะเมื่อไหร่ที่เขาเอามันออกมาใช้ นั่นก็หมายความว่ามันจะหายไปในทันที
อย่างไรก็ตามอำนาจของค่ายกลกระบี่เหินเมฆาที่เขาสามารถสำแดงออกมาได้ในตอนนี้ มันก็ยังไม่มีเพียงพอที่จะสามารถจัดการกับผู้เชี่ยวชาญระดับนักบุญได้
หรือว่านี่เขาจะต้องยอมหญิงสาวตรงหน้าให้แก้ปัญหาแทนเขาจริง ๆ?
แต่ทางเลือกนี้เขาก็ไม่ต้องการอีกเช่นกัน แม้ว่าเขาจะรู้ภูมิหลังของหญิงสาวผู้นี้มาบ้างแล้วแต่เขาก็ไม่ต้องการเช่นกัน
“ช่างมัน! อะไรที่มันผ่านไปแล้วมันก็ต้องปล่อยวาง!” หลิงตู้ฉิงแอบถอนหายใจอย่างลับ ๆ “ในเมื่อนางจากไปแล้ว ข้าก็ควรให้นางจากไปอย่างสงบ!”
เมื่อคิดได้เช่นนี้ท่าทีของเขาก็เปลี่ยนกลายเป็นเย็นชาทันที และพูดกับสีเป่ยเซียะว่า “ไปจากที่นี่ซะ ข้าไม่ต้องการเจรจาอะไรกับเจ้าอีกต่อไป”
“คุณชายหลิง ท่านแน่ใจหรือว่าไม่ต้องการข้อเสนอของข้า?” สีเป่ยเซียะถามอย่างสงสัย
“ไสหัวไป!” อารมณ์ของหลิงตู้ฉิง ตอนนี้ จู่ ๆก็ดิ่งลงเหวทันทีเมื่อได้ยินคำเซ้าซี้ของสีเป่ยเซียะ พร้อมกับเปิดใช้งานค่ายกลกระบี่เหินเมฆาทันทีเพื่อเตรียมพร้อม หากสีเป่ยเซียะโจมตีอย่างกะทันหัน
จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปด้านในอาคารเพื่อหามี่ไล
“ช่างเป็นชายที่น่ารังเกียจจริง ๆ!” หยูเอ๋อตะโกนด้วยความโกรธ
สีเป่ยเซียะขมวดคิ้ว และสั่งให้หยูเอ๋อหยุดพูดทันที จากนั้นนางก็ลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าเคร่งเครียดและค่อย ๆ เดินออกจากหมู่ตึกหยูอี่
เมื่อครู่ที่หลิงตู้ฉิงโกรธขึ้นมาอย่างกะทันหัน นางเองรู้สึกหนาวสั่นขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
ค่ายกลกระบี่นี่งั้นหรือ? เป็นไปไม่ได้!
นางสามารถบอกได้ว่า ค่ายกลกระบี่นี้สามารถปลดปล่อยอำนาจที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้เชี่ยวชาญระดับนักบุญแน่นอน แต่มันก็คงยังไม่เพียงพอที่จะสามารถจัดการกับผู้เชี่ยวชาญระดับนักบุญของสำนักอักขระวิญญาณได้ นอกจากนี้นางไม่เชื่อว่าสำนักอักขระวิญญาณที่ส่งผู้อาวุโสระดับนักบุญมาที่นี่ พวกเขาจะไม่นำสมบัติวิเศษระดับเซียนติดตัวมาด้วย
เมื่อเผชิญหน้ากับพลังเช่นนี้ หลิงตู้ฉิงยังคงปฏิเสธนาง?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)