จนแล้วจนรอด เย่ชิงเฉิงก็ทนการรบเร้าของคนรับใช้ทั้งสองของนางไม่ได้ นางจึงต้องพาพวกนางมาที่หมู่ตึกหยูอี่ด้วย เมื่อถึงที่หน้าอาคาร เย่ชิงเฉิงจึงสั่งขึ้นว่า “ข้าจะเข้าไปถามดูก่อนว่าเขาจะอนุญาตให้เจ้าสองคนสามารถอยู่ที่นี่กับข้าได้รึเปล่า”
เมื่อมาถึงประตู นางพูดกับหยุนจื่อรุ่ย “ต่อไปนี้ข้าจะอาศัยอยู่ที่นี่”
เมื่อพูดจบนางก็เดินเข้าไปด้านในทันที
หยุนจื่อรุ่ยและเปียนเฉียวเฉียวมองหน้ากันด้วยความตกใจ พวกนางเข้าใจความหมายที่อยู่เบื้องหลังประโยคนี้ทันที
สำหรับโม่เอ๋อและคนรับใช้อีกคน พวกนางกัดฟันกรอดพร้อมกับจ้องเขม็งเข้าไปที่ด้านในหมู่ตึกหยูอี่ หวังว่าพวกนางจะสามารถถล่มให้ที่นี่ราบเป็นหน้ากลองได้
เย่ชิงเฉิงเดินตรงเข้าไปที่สวนด้านหลังของหมู่ตึกหยูอี่ทันที และเมื่อนางพบกับหลิงตู้ฉิง นางพูดด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก “ข้าสัญญากับเจ้าว่าข้าจะอยู่ที่นี่ต่อจากนี้!”
“อืม!” หลิงตู้ฉิงพยักหน้าบ่งบอกว่าเขาเข้าใจ
“ข้าสามารถให้คนรับใช้ของข้ามาอยู่ด้วยได้ไหม?” เย่ชิงเฉิงถาม
หลิงตู้ฉิงเหลือบมองไปที่เย่ชิงเฉิงและพูดว่า “ถ้าพวกนางตกลงที่จะทำสัญญากับข้า พวกนางก็สามารถอยู่ที่นี่ได้นอกจากนี้เตือนพวกนางด้วยว่า นอกเหนือจากการไม่เปิดเผยความลับของข้า พวกนางยังต้องละทิ้งท่าทีที่หยิ่งผยองของพวกนาง พวกนางไม่มีสิทธิ์ที่จะมาทำตัวหยิ่งผยองที่นี่”
เย่ชิงเฉิงพ่นลมออกจากจมูกเบา ๆ จากนั้นนางหันหลังกลับและเดินออกจากหมู่ตึกหยูอี่ไปหาคนรับใช้ของนางทั้งสอง
นางมีความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายได้ในใจ ตลอดชีวิตของนางที่ผ่านมานางไม่เคยได้รับการปฏิบัติเช่นนี้มาก่อนเลยตั้งแต่เกิด แต่ในเมื่อแม่ของนางตกลงที่จะให้นางแต่งงานกับเขา นางจึงทำได้แต่เพียงยอมรับด้วยความคับข้องใจ
สิ่งที่เดียวที่ปลอบใจนางได้ก็คือ การที่นางต้องทำเช่นนี้นั่นก็เพราะมันจำเป็นสำหรับการช่วยพ่อของนางและการแก้ปัญหาของสำนัก ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญกว่าตัวของนางเอง
เย่ชิงเฉิงพูดกับคนรับใช้ทั้งสอง “เขาอนุญาตให้พวกเจ้าอยู่ที่นี่ได้แต่มีเงื่อนไขว่าพวกเจ้าจะเปิดเผยความลับของเขาไม่ได้ พวกเจ้าติดตามข้ามานาน หากพวกเจ้ารับกับเงื่อนไขนี้ไม่ได้ข้าก็จะไม่บังคับพวกเจ้า พวกเจ้าสามารถกลับไปได้ ข้าจะไม่ตำหนิอะไรพวกเจ้า”
โม่เอ๋อรีบพูดว่า “คุณหนูข้าสัญญาว่าข้าจะไม่เปิดเผยความลับใด ๆ ออกไปแน่นอน ท่านไม่ต้องกังวล!”
คนรับใช้อีกคนรีบพูดเสริม “ข้าจะปฏิบัติตามคำสั่งของคุณหนูอย่างเคร่งครัดแน่นอน”
“ดีมาก ถ้าอย่างนั้นก็ตามข้าเข้าไป!” เย่ชิงเฉิงพยักหน้า
พวกนางทั้งสามเดินไปข้างหน้าหลิงตู้ฉิง เย่ชิงเฉิงถาม “ข้าต้องทำสัญญาด้วยรึเปล่า?”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “นั่นขึ้นอยู่กับเจ้า เจ้าเก็บเอาไปคิดก่อนก็ได้ แต่ตอนนี้ข้าจะทำสัญญากับพวกนางก่อน”
ในขณะที่เขากำลังพูด เขาได้เขียนสัญญากฎสวรรค์ทั้งสองสัญญาเสร็จแล้ว
“เจ้าทั้งหมดมาจากสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นข้าคงไม่จำเป็นต้องเตือนอะไรมาก ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเจ้าละเมิดสัญญา!” หลิงตู้ฉิงพูดว่า “เอาล่ะตอนนี้ข้าจะให้พวกเจ้าเลือกอีกครั้งว่าต้องการจะลงชื่อจริง ๆ หรือไม่”
เย่ชิงเฉิงและคนรับใช้ทั้งสองมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยความงุนงง เป็นอย่างที่หลิงตู้ฉิงพูด พวกนางที่เกิดในสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ พวกนางจึงรู้เป็นอย่างดีว่าคนที่สามารถเขียนสัญญากฎสวรรค์ได้มันคืออะไร
มันหมายความว่าความเข้าใจของเขาในกฎต่าง ๆ นั้นอยู่ในระดับที่น่ากลัวเป็นอย่างมาก!
สัญญาเช่นนี้หากได้ลงชื่อไปแล้วมันจะไม่มีช่องโหว่ใด ๆ ให้ผู้ที่ทำสัญญาสามารถละเมิดมันหรือยกเลิกได้เลย
“ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาจะเห็นกฎเหล่านั้นอย่างชัดเจน!” เย่ชิงเฉิงพึมพำกับตัวเอง
ตอนนี้นางเข้าใจแล้วว่าทำไมนางถึงสามารถเดินเข้าไปในอาณาเขตหมอกได้เพียงแค่ 1 กิโลเมตรผิดกลับหลิงตู้ฉิงที่สามารถเข้าไปได้ถึง 9 กิโลเมตร โดยราวกับว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น
จากที่นางเห็นเช่นนี้ นางสามารถบอกได้ว่าไม่ว่าจะเป็นกฎใด ๆ ที่แสดงอยู่ตรงหน้าเขา เขาคงจะสามารถเข้าใจพวกมันได้แทบทั้งหมดแน่นอน
อย่างไรก็ตามนางพบว่ามันแปลกมาก ๆ ที่บนโลกนี้มีคนที่ร้ายกาจขนาดนี้ได้จริง ๆ เหรอ?
“เอาล่ะเลือกซะ!” หลิงตู้ฉิงมองไปที่สองสาวและพูดอย่างใจเย็น
โม่เอ๋อมองไปที่หลิงตู้ฉิงแล้วมองไปที่เย่ชิงเฉิง นางโบกมือและเขียนชื่อของนางลงในสัญญา ไม่ว่าจะอย่างไรนางก็ยังคงเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับเหนือล้ำ นางจึงสามารถเขียนชื่อลงในสัญญาได้จนครบ ซึ่งถ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับต่ำจะไม่สามารถเขียนชื่อได้ครบ
แต่กลับกัน คนรับใช้อีกคนกลับลังเลอยู่พักใหญ่ จากนั้นนางพูดกับเย่ชิงเฉิง “คุณหนู ข้าขอเลือกที่จะรอท่านข้างนอกจะดีกว่า ข้าไม่ต้องการที่จะรู้ความลับใด ๆ ของที่นี่และข้าไม่ต้องการถูกเงื่อนไขใด ๆ มาจำกัดข้า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)