อ่านสรุป บทที่ 329 ดื้อดึงดัน จาก พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) โดย Internet
บทที่ บทที่ 329 ดื้อดึงดัน คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายAction พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
เมื่อค่ายกลของสำนักหุบเขาบุปผาอนันต์ถูกเปิดใช้งานขึ้น พลังธาตุศักดิ์สิทธิ์ก็ปรากฎขึ้นปกคลุมสำนักหุบเขาบุปผาอนันต์ทันที
เมื่อรู้สึกถึงพลังศักดิ์สิทธิ์นี้ ใบหน้าของหลิวซ่งก็เปลี่ยนไปและเขาก็ตะคอก “สำนักหุบเขาบุปผาอนันต์ของเจ้าเปลี่ยนไปมากจริง ๆ สินะ”
สำนักกระบี่วารี เป็นหนึ่งในห้าสำนักชั้นนำในเมืองหยูหลัน ดังนั้นโดยปกติแล้วสำนักของพวกเขาแข็งแกร่งกว่าหุบเขาบุปผาอนันต์มาก
เขา หลิวซ่ง ถึงแม้จะเป็นเพียงผู้อาวุโสของสำนักกระบี่วารี แต่ในด้านความแข็งแกร่งของเขานั้น แน่นอนว่าเขาแข็งแกร่งกว่าเหวินลู่หยานที่เป็นเจ้าสำนักหุบเขาบุปผาอนันต์เสียอีก
อันที่จริงแล้วทุกคนสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในหุบเขาบุปผาอนันต์และต่างก็สงสัย เกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
สำนักกระบี่วารีที่ได้ข่าวเรื่องนี้ก็เริ่มมีความเคลื่อนไหวเช่นกัน แม้ว่าสำนักหุบเขาบุปผาอนันต์จะอ่อนแอ แต่ก็ยังคงเป็นสำนักที่สามารถยืนหยัดอยู่มาได้เป็นเวลานาน ซึ่งมันพิสูจน์ได้ว่าพวกเขาเองก็ต้องไม่ธรรมดาและด้วยเหตุนี้แม้ว่าทุกคนจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลง แต่พวกเขาก็ไม่ได้เคลื่อนไหวต่อต้านหุบเขาบุปผาอนันต์อย่างผลีผลาม
อย่างไรก็ตามทางด้านของสำนักกระบี่วารี หลังจากการสืบข้อมูลต่าง ๆ จากศิษย์ของหุบเขาบุปผาอนันต์ พวกเขาก็ได้รู้ข้อมูลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสำนักหุบเขาบุปผาอนันต์ว่า พวกเขาได้รับวิชาการบ่มเพาะใหม่ และสมบัติวิเศษอันล้ำค่าชิ้นใหม่
เมื่อรู้เช่นนี้สำนักกระบี่วารีจึงใช้ประโยชน์จากเรื่องที่หลิวซ่งกำลังหมายปองเหวินลู่หยาน ส่งหลิวซ่งมาที่หุบเขาบุปผาอนันต์เพื่อจัดการกับพวกนาง
ขณะนี้หลิวซ่งรู้สึกได้ถึงพลังธาตุศักดิ์สิทธิ์อันแข็งแกร่งที่อยู่ในอากาศรอบตัว คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแน่น
นับตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่หุบเขาบุปผาอนันต์มีการป้องกันที่ทรงพลังเช่นนี้? สิ่งนี้ทำให้เขายิ่งมั่นใจว่าหุบเขาบุปผาอนันต์จะต้องได้รับสมบัติวิเศษลึกลับอันแข็งแกร่งบางอย่างมาแน่นอนโดยที่เขาไม่รู้
“หลิวซ่ง เจ้าคิดว่าเจ้าจะข่มเหงข้าได้ง่าย ๆ ขนาดนั้นเลยเหรอ?” เหวินลู่หยานจ้องมองหลิวซ่งด้วยสีหน้าเย็นชา
หลิวซ่งหัวเราะเบา ๆ “ไม่เอาน่า ลู่หยาน อย่าโมโหข้าสิ เจ้าก็รู้ว่าข้ารักเจ้าจริง ๆ แถมทุกคนในเมืองหยูหลันก็รู้ดี ทำไมเจ้าถึงไม่ลองให้โอกาสข้าสักหน่อยล่ะ?”
“ไสหัวกลับไปซะ!” เหวินลู่หยานตอบกลับอย่างเย็นชา “ข้าไม่ต้องการที่จะเห็นหน้าเน่า ๆ ของเจ้าที่นี่อีก ถ้าหากเจ้ายังไม่ยอมกลับไป เจ้าก็อย่ามาโทษว่าข้าไม่สุภาพ!”
หลิวซ่งหัวเราะเบา ๆ “ลู่หยาน ทุกคนต่างก็รู้ว่าสำนักของเจ้านั้นอ่อนแอเป็นอย่างมาก ในเมื่อเรื่องมันก็มาถึงขั้นนี้แล้วข้าจะขอพูดตรง ๆ กับเจ้าเลยก็แล้วกัน ถ้าเจ้ายอมตกลงปลงใจกับข้า สำนักกระบี่วารีของข้าและหุบเขาบุปผาอนันต์ของเราจะเกี่ยวดองกันผ่านการวิวาห์ของเจ้าและข้า และเมื่อถึงเวลานั้นข้ารับประกันได้ว่าจะไม่มีใครกล้าแตะต้องเจ้าและสำนักของเจ้าแน่นอน นอกจากนี้เจ้าไม่คิดบ้างเลยเหรอว่าการที่ข้ากล้าที่จะมาพบเจ้า เจ้าคิดว่าข้าจะไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาเลยงั้นเหรอ?”
ในขณะที่เขาพูดจบ รัศมีของพลังอันกล้าแกร่งก็แผ่ออกจากร่างกายของเขา ซึ่งมันเห็นได้ชัดว่าหลิวซ่งได้นำสมบัติระดับเซียนของสำนักติดตัวมาด้วย
เหวินลู่หยานยิ้มเยาะ “ดูก็รู้ว่าที่เจ้ามาหาข้าวันนี้เจ้ามีจุดมุ่งหมายอื่นซ่อนอยู่ ไม่งั้นสำนักของเจ้าจะอนุญาตให้เจ้าเอาสมบัติวิเศษระดับเซียนติดตัวมาเพียงแค่เพื่อมาพบกับข้าได้ยังไง? ข้าจะขอเตือนเจ้าเอาไว้ก่อนว่าหุบเขาบุปผาอนันต์ของข้าไม่ต้องการที่จะมีปัญหาอะไรกับใครทั้งนั้น ดังนั้นมันจะเป็นการดีที่สุดถ้าเจ้าไม่บีบบังคับจนข้าต้องลงมือ ข้าจะนับหนึ่งถึงสาม เพื่อให้เวลาเจ้าจากไป แต่ถ้าหากเจ้าไม่จากไปข้าจะลงมือทันที!”
“ทำไมเจ้าต้องดื้อดึงถึงขนาดนี้กัน?” หลิวซ่งส่ายหัวและถอนหายใจ “แม้ว่าข้าจะจากไปแต่เจ้าก็รู้ว่าคนอื่น ๆ ที่กำลังจ้องสำนักเจ้าอยู่พวกเขาจะแห่กันมาแน่นอน”
“สาม!”
“เจ้านี่ทำไมต้องโยนทิ้งโอกาสดี ๆ ที่ข้ามอบให้เจ้าแบบนี้ด้วยกัน!”
“สอง!”
“ข้ามั่นใจว่าถ้าเจ้าไม่ฟังข้าแล้วเจ้าจะต้องเสียใจ!”
โม่เอ๋อทำหน้ามุ่ยและพูดว่า “กับอีแค่สำนักเล็ก ๆ เช่น สำนักกระบี่วารี ข้าล่ะไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเจ้าจะกลัวอะไรพวกมันนักหนา ถ้าพวกมันยกพวกกันมาจริง ๆ มันไม่มีทางที่ข้าจะไม่ช่วยพวกเจ้าอยู่แล้ว นอกจากนี้นายท่านเองก็อยู่ที่นี่ ฉะนั้นเจ้าจะต้องไปกลัวอะไร?”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “อย่านับข้า ถ้าข้าบอกว่าจะไม่ทำข้าก็จะไม่ทำจริง ๆ อย่างไรก็ตามเนื่องจากหุบเขาบุปผาอนันต์ของเจ้าทุ่มเทให้กับงานที่ข้าสั่งให้พวกเจ้าทำเป็นอย่างดี ดังนั้นข้าจะมอบภาพวาด ระบำฟีนิกซ์เย้ยเก้าสวรรค์ ให้เจ้า! เจ้าสามารถเปิดใช้งานมันได้ด้วยพลังวิญญาณของเจ้า”
“แม้ว่าเจ้าอยู่ในขอบเขตหลุดพ้นสามัญ แต่เมื่อไหร่ที่เจ้าใช้ ระบำฟีนิกซ์เย้ยเก้าสวรรค์ เจ้าจะไม่มีปัญหาอะไรเลยกับการสังหารผู้เชี่ยวชาญระดับนักบุญต่อให้จะกี่คนก็ตาม แต่จงจำไว้ว่าเจ้ามีโอกาสเพียงครั้งเดียวที่จะใช้มัน และเมื่อเปิดใช้งานมันแล้วโอกาสนั้นก็จะหมดไป”
เมื่อมองไปที่ยันต์เคลือบหยกที่หลิงตู้ฉิงส่งมอบให้ เหวินลู่หยานก็สงสัย
ถึงแม้ว่านางจะได้เห็นกลเม็ดมากมายที่หลิงตู้ฉิงแสดงให้เห็นมาก่อนหน้านี้ แต่นางก็ยังคงไม่เชื่อว่าภาพวาดนี่จะสามารถใช้ฆ่าผู้เชี่ยวชาญระดับนักบุญได้จริง ๆ
โม่เอ๋อส่ายหัว “ถือว่าเป็นบุญตาจริง ๆ นี่คือผลงานที่วาดโดยจิตรกรระดับสูงแน่นอน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอำนาจของมันคงจะน่ากลัวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้หลังจากเปิดใช้งานมัน เจ้าเองก็น่าจะเคยได้ยินเกี่ยวกับตำนานของจิตรกรใช่ไหม? ข้าจะบอกอะไรกับเจ้าให้ว่าถ้ามองจากในอีกแง่หนึ่ง จิตรกรนั้นน่ากลัวยิ่งกว่าผู้เชี่ยวชาญอักขระเวทย์อย่างข้าเสียอีก!”
เหวินลู่หยานตอบกลับด้วยสีหน้าแคลงใจ “ขอบคุณมาก!”
นางเคยได้ยินตำนานของจิตรกรมาก่อน แต่นางเองก็ไม่เคยได้เห็นจิตรกรตัวเป็น ๆ หรืออำนาจของภาพที่วาดโดยจิตรกร ดังนั้นนางจึงยังคงข้องใจในอำนาจของภาพวาดในยันต์เคลือบหยกนี้อยู่ดีว่ามันจะวิเศษดั่งที่หลิงตู้ฉิงว่าไว้จริง ๆ หรือเปล่า?
ซือโถวเหวินหยวนแอบส่ายหัว เขามองไปที่เหวินลู่หยานและรู้สึกคุ้นเคย
เป็นเพราะการแสดงออกของเขาเหมือนกับเหวินลู่หยานในตอนนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)