บทที่ 331 ฟีนิกซ์ทองคำสยายปีก
“นายท่าน เราจะช่วยพวกเขารึเปล่า?” โม่เอ๋อมองไปที่สถานการณ์ด้านนอกและถามขึ้น
หลิงตู้ฉิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ข้าบอกไปแล้วว่าข้าจะไม่ช่วย ฉะนั้นข้าย่อมไม่ช่วยอย่างแน่นอน แต่ถ้ามีใครโจมตีเรานั่นมันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”
ส่วนทางด้านเหวินลู่หยาน นางเองก็ไม่ได้มีความคิดที่จะขอความช่วยเหลือจากหลิงตู้ฉิงเช่นกัน
ตอนนี้ค่ายกลที่หลิงตู้ฉิงวางไว้ให้เหวินลู่หยานใช้มันเพื่อปกป้องสำนักถูกเปิดขึ้นเรียบร้อย และโดยที่เหวินลู่หยานไม่จำเป็นต้องออกคำสั่ง ผู้อาวุโสของนางทั้งห้าก็รีบพุ่งตัวไปยืนประจำตำแหน่งตามจุดสำคัญของค่ายกล
หากเป็นการเปิดใช้งานตามปกติ ด้วยพลังของนางเพียงคนเดียวบวกกับอำนาจของสมบัติวิเศษระดับเซียนที่เป็นแหล่งพลังของค่ายกล อำนาจของค่ายกลที่ถูกปลดปล่อยออกมามันจะไม่ได้ด้อยไปกว่าพลังของผู้เชี่ยวชาญในระดับนักบุญ
แต่เนื่องจากตอนนี้ด้วยการประสานพลังกันกับผู้อาวุโสของนางอีก 5 คนที่อยู่ในระดับสวรรค์สามัญ ซึ่งมันส่งผลให้อำนาจของค่ายกลเพิ่มขึ้นไปจนถึงระดับเดียวกับพลังของผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ตามที่หลิงตู้ฉิงเคยบอกไว้
ที่ด้านนอกหุบเขาบุปผาอนันต์ เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้จู้กวงเหยาเผยสีหน้ามีความสุขทันที เขาพูดกับผู้อาวุโสระดับนักบุญที่อยู่ข้าง ๆ เขาว่า “ดูเหมือนว่าพวกนางจะได้รับขุมทรัพย์อะไรบางอย่างมาจริง ๆ ทุกคนจงร่วมกันโจมตีมันให้ข้าถึงแม้ว่าไอ้ค่ายกลป้องกันนี้มันจะดูแข็งแกร่งอยู่บ้าง แต่มันก็เป็นแค่ค่ายกล ไม่ว่ายังไงไม่ช้าก็เร็วมันจะต้องแตกอย่างแน่นอนถ้าพวกเรารุมโจมตีมันเรื่อย ๆ และเมื่อมันแตกเมื่อไหร่เหล่าขุมทรัพย์ที่พวกนางได้มามันจะเป็นของพวกเราทั้งหมด และหลังจากได้ขุมทรัพย์ของพวกนางมาข้าจะตบรางวัลให้กับพวกเจ้าทุกคนสำหรับผลงานในวันนี้!”
หลังจากได้ยินคำสั่ง คนของจู้กวงเหยาก็เริ่มโจมตีไปยังค่ายกลป้องกันทันที
อย่างไรก็ตาม ภายใต้การป้องกันอันแข็งแกร่งของค่ายกลที่ปกป้องสำนักหุบเขาบุปผาอนันต์ ทุกคนที่อยู่ด้านในตอนนี้ก็ยังคงปลอดภัย
แต่ถึงแม้พวกเขาจะยังปลอดภัยกันดีอยู่ แต่สีหน้าของผู้คนในหุบเขาบุปผาอนันต์นั้นไม่มีร่องรอยแห่งความสุขแม้แต่น้อย ตอนนี้ในจิตใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความกังวล
นี่เป็นเพราะพวกเขาเห็นว่าจู้กวงเหยายังไม่ได้ลงมือด้วยตนเอง
ต้องรู้ว่าจู้กวงเหยาระดับการบ่มเพาะของเขานั้นแข็งแกร่งที่สุดในสำนักกระบี่วารี แถมเขายังมีสมบัติวิเศษระดับเซียนอยู่ในมือ
“ท่านอาจารย์ตอนนี้พวกเราจะทำยังไงดี?” ศิษย์บางคนถามขึ้น
แม้แต่ผู้อาวุโสบางคนยังส่งข้อความทางโทรจิตไปยังเหวินลู่หยาน เพื่อสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ เพราะถ้าหากสถานการณ์ยังคงคาราคาซังเช่นนี้ต่อไป เหตุการณ์ไม่คาดคิดมันอาจจะเกิดขึ้นได้
เหวินลู่หยานตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พวกเจ้าคิดว่าเราจะทำอะไรได้อีกนอกจากจะต้องสู้ตายกับพวกเขา! หรือพวกเจ้าคิดว่าถ้าพวกเรายอมจำนนแล้ว สำนักกระบี่วารีจะยอมเลิกรางั้นเหรอ? พวกเจ้าควรจะรู้ดีว่าต่อให้พวกเรายอมจำนนพวกเราก็จะต้องตายจากการถูกข่มเหงและความอัปยศอดสูที่เกิดจากสำนักกระบี่วารี ดังนั้นไม่ว่าตอนนี้พวกเจ้าจะคิดอะไรกันอยู่ก็ตาม แต่อย่าได้มาพูดถึงเรื่องการจำนนกับข้าเด็ดขาด เพราะข้าจะไม่มีทางยอมทำแบบนั้นแน่นอน”
ศิษย์คนหนึ่งถามอย่างลังเล “ท่านเจ้าสำนัก ละ…แล้วท่านถามคนเหล่านั้นแล้วหรือยัง? หนึ่งในพวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับเหนือล้ำ หากพวกเขาเต็มใจช่วยบางทีเราอาจจะต้านทานได้มากกว่านี้และเราอาจจะมีโอกาส…”
เมื่อได้ยินคำแนะนำเช่นนี้ เหวินลู่หยานอดไม่ได้ที่จะมองไปยังทิศทางที่ห้องของหลิงตู้ฉิง
นางไม่คิดว่าพวกเขาจะไม่ได้ยินอะไรเลย ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวที่พวกเขาไม่เคลื่อนไหวอะไรก็คือพวกเขาไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอกนี้
อย่างไรก็ตาม นางรู้สึกสงสัยเล็กน้อยว่าพวกเขาไปเอาความมั่นใจมากจากไหนว่าถ้าหากหลังจากที่ค่ายกลป้องกันถูกทำลายไปแล้ว พวกเขาจะยังคงรอดปลอดภัยถ้าหากคนของสำนักกระบี่วารีบุกเข้ามาด้านในได้
แต่เมื่อนางครุ่นคิดทุกอย่างจนถี่ถ้วน นางก็นึกถึงยันต์เคลือบหยกในมือของนาง เป็นไปได้ไหมว่ามันสามารถแก้ปัญหาให้นางและสำนักของนางได้จริง ๆ ตามที่หลิงตู้ฉิงเคยเอ่ยเอาไว้?
แม้ว่าจะยังคงสงสัย แต่นางก็ตัดสินใจไว้แล้วว่าถ้าหากสถานการณ์มันถึงจุดที่นางหมดหนทางจะแก้ไขด้วยตัวเอง นางก็จะลองใช้มันดู!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)