เหตุการณ์ที่สำนักกระบี่วารีโจมตีหุบเขาบุปผาอนันต์ ล้วนอยู่ในการจับจ้องของสำนักอื่น ๆ
ซึ่งแน่นอนว่าบรรดาสำนักธรรมดาที่จับจ้องอยู่นั้นพวกเขาไม่สามารถแทรกแซงการโจมตีของสำนักกระบี่วารีได้ พวกเขาทำได้เพียงแค่เฝ้าดูสำนักกระบี่วารีได้รับผลประโยชน์ไปแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น
สำหรับสำนักวิญญาณเร้นลับ พวกเขาไม่มีท่าทีใด ๆ เลย
ในตอนแรกทุกคนที่เฝ้าดูพวกเขาแค่รู้สึกสนุนสนานในหายนะของผู้อื่นและรู้สึกเสียดายเล็กน้อยที่พวกเขาต้องปล่อยให้สำนักกระบี่วารีได้รับผลประโยชน์ไปแต่เพียงผู้เดียว
แต่แล้วจู่ ๆโดยที่ไม่มีใครคาดคิดทัน สถานการณ์ก็พลิกกลับจนพวกเขาต้องอ้าปากค้าง
ไม่เพียงแต่หุบเขาบุปผาอนันต์จะปลอดภัย แต่ผู้เชี่ยวชาญทุกคนที่เข้าโจมตียังถูกสังหารอย่างแปลกประหลาด
สีหน้าของทุกคนต่างเต็มไปด้วยความตกใจ ขณะที่พวกเขาถอยออกจากบริเวณรอบ ๆ ไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากพวกเขาเกรงว่าจะถูกลูกหลงจนเหลือแต่กระดูกเหมือนกับบรรดาคนของสำนักกระบี่วารี
พวกเขาได้ยินมานานแล้วว่าได้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นกับหุบเขาบุปผาอนันต์ ซึ่งตอนนี้พวกเขาก็ได้เห็นอย่างเต็มตาแล้วถึงการเปลี่ยนแปลงนั้นว่ามันน่าตื่นตาแค่ไหน
หลังจากที่หลายคนถอยออกไป พวกเขาก็เริ่มมีความคิดอันน่าตื่นเต้นขึ้นมาในใจ เนื่องจากตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญระดับสูงเกือบทั้งหมดในสำนักกระบี่วารีถูกฆ่าตาย ดังนั้นความแข็งแกร่งของสำนักกระบี่วารีต้องลดลงอย่างมาก พวกเขาจึงเริ่มวางแผนบุกปล้นสมบัติของสำนักกระบี่วารีที่กำลังอ่อนแออยู่ทันที
จากเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ เย่หยูหลันก็เป็นอีกหนึ่งคนที่สัมผัสได้ถึงความผันผวนของพลังวิญญาณที่เกิดขึ้นข้างนอก นางจึงตั้งใจที่จะรายงานเรื่องนี้ต่อเย่ชิงเฉิง เนื่องจากตอนนี้หลิงตู้ฉิงกำลังเตร็ดเตร่อยู่ข้างนอกนั่น ซึ่งนางเองก็เป็นห่วงว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขาบ้างเพราะว่าเขามีความสำคัญกับสำนักของนางแถมยังเป็นสามีของคุณหนูของนางอีกต่างหาก
แต่เมื่อนางพยายามที่จะเข้าไปพบกับเยชิงเฉิง นางกลับถูกขัดขวางโดยค่ายกลกระบี่เหินเมฆา ซึ่งทำให้นางไม่สามารถเข้าพบกับเย่ชิงเฉิงได้
“ผู้อาวุโส ท่านไม่ควรรบกวนนายหญิงเย่ในเวลานี้” เสี่ยวเยว่เฟิงยิ้ม “แต่ถ้าหากท่านจะเข้าพบกับนายหญิงเย่เพราะเรื่องของนายท่าน ท่านก็จงวางใจได้ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับนายท่านแน่นอน”
เมื่อได้รับคำตอบเช่นนี้ เย่หยูหลันมองไปที่เสี่ยวเยว่เฟิงและส่ายหัวเล็กน้อย จากนั้นนางก็ไม่ได้พูดอะไรต่ออีก
ตามความรู้สึกของนาง ความผันผวนของพลังที่เกิดขึ้นด้านนอกเมื่อครู่มันดูรุนแรงมาก หลิงตู้ฉิงจะไม่เป็นอะไรจริง ๆ งั้นเหรอ?
อย่างไรก็ตาม เมื่อนางไม่สามารถเข้าพบกับเย่ชิงเฉิง เพื่อสอบถามความเห็นได้และนางก็ไม่ต้องการไปหุบเขาบุปผาอนันต์เพื่อตรวจสอบเหตุการณ์ความผันผวนของพลังวิญญาณที่เกิดขึ้น ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงรอให้หลิงตู้ฉิงกลับมา
แต่ถ้าจะถามว่าใครที่มีปฏิกิริยารุนแรงที่สุดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหุบเขาบุปผาอนันต์ก็คงจะไม่พ้น ลั่วหยุน
เมื่อเขารู้สึกถึงพลังอำนาจของระบำฟีนิกซ์เย้ยเก้าสวรรค์ เขาก็ขมวดคิ้วครุ่นคิดทันที เมื่อคิดทบทวนได้อยู่ครู่หนึ่งและนึกอะไรบางอย่างได้ออก เขาจึงถามอู่จิ๋ว “หลิงตู้ฉิง ไปที่หุบเขาบุปผาอนันต์ใช่รึเปล่า?”
อู่จิ๋วพยักหน้า “ถูกต้องแล้วนายท่าน และหลังจากที่เขาไปที่หุบเขาบุปผาอนันต์ ที่นั่นก็มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้น”
“เปลี่ยนอะไร?” ลั่วหยุนถามอย่างสงสัย
“เมื่อไม่นานมานี้ สำนักหุบเขาบุปผาอนันต์ได้เริ่มให้บรรดาศิษย์ทำการบ่มเพาะวิชาใหม่ที่เรียกว่าบุปผาสยบมารและพวกเขายังรับสมัครศิษย์เพิ่มเป็นจำนวนมาก แถมเมื่อครู่พวกเขายังสามารถสังหารเจ้าสำนักและบรรดาผู้อาวุโสของสำนักกระบี่วารีได้ทั้งหมดด้วยภาพวาดของจิตรกร ที่หน้าหุบเขาบุปผาอนันต์” อู่จิ๋วรายงาน
“จิตรกร?” ลั่วหยุนพึมพำ “จงไปนำตัวศิษย์หุบเขาบุปผาอนันต์ที่บ่มเพาะวิชาบุปผาสยบมารมาให้ข้าสักคนเดี๋ยวนี้!”
เมื่อได้รับคำสั่ง อู่จิ๋วจึงรีบวิ่งออกไปทันที จากนั้นไม่นานอู่จิ๋วก็กลับมาพร้อมกับร่างของศิษย์หุบเขาบุปผาอนันต์ที่หมดสติ
“วิชาบุปผาสยบมารงั้นเหรอ? ทำไมกลิ่นอายของเคล็ดวิชานี้มันทำให้ข้ารู้สึกถึง คาถาอำนาจวีรชน ?” ลั่วหยุนพึมพำกับตัวเอง “ดูเหมือนว่าหลิงตู้ฉิงผู้นี้จะมีที่มาไม่ธรรมดาจริง ๆ และหุบเขาบุปผาอนันต์นี้น่าจะเป็นสำนักที่หลิงตู้ฉิงกำลังให้การสนับสนุนอยู่ ด้วยพลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้ เขาคงน่าจะรับมือกับวิญญาณปีศาจได้อย่างที่พูดจริง ๆ ถ้าอย่างนั้นข้าจะช่วยเหลือกลุ่มผู้หญิงที่หุบเขาบุปผาอนันต์สักหน่อยก็แล้วกัน!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)