เหวินลู่หยานยืนก้มหน้าอยู่หน้าประตูห้องของหลิงตู้ฉิง โดยที่ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง
เนื่องจากไม่มีการร่ายสร้างกำแพงปิดกั้นเสียงในห้อง นางจึงสามารถได้ยินการสนทนาภายในห้องได้อย่างชัดเจน
ในระหว่างที่นางได้ยินบทสนทนาด้านใน นางเองก็หัวเราะเยาะตัวเองตลอดเวลาในความโง่งมของนางที่เคยคิดว่าหลิงตู้ฉิงมาที่หุบเขาบุปผาอนันต์เพื่อจุดประสงค์บางอย่าง
ตอนนี้นางเข้าใจแล้วว่าหากหลิงตู้ฉิงมีเจตนาใด ๆ ในทางร้ายกับหุบเขาบุปผาอนันต์ของนาง การต่อต้านที่นางและบรรดาผู้อาวุโสเคยวางแผนกันเอาไว้มันคงเป็นแค่เรื่องตลก
‘นังโง่ เจ้าไม่เห็นงั้นเหรอว่าสำนักกระบี่วารีถูกทำลายอย่างง่ายดายแค่ไหน?’ เหวินลู่หยานหัวเราะเยาะตัวเองในใจ เนื่องจากตอนนี้หญิงชราที่ทำลายสำนักกระบี่วารีได้ด้วยตัวคนเดียว เมื่อเจอกับผู้ที่อยู่ในห้องหญิงชราผู้นั้นยังต้องพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงเคารพเลยด้วยซ้ำ
“ท่านหลิง นายท่านของข้าให้ข้ามาแจ้งกับท่านว่าเขาเข้าใจความหมายของท่านและยอมรับเงื่อนไขของท่าน” ซือเสี่ยวฮุยพูดกับหลิงตู้ฉิงด้วยความเคารพ “และนายท่านยังได้ฝากให้ข้ามาถามกับท่านอีกว่า ท่านต้องการความช่วยเหลืออะไรเพิ่มเติมอีกหรือไม่? ถ้าท่านต้องการความช่วยเหลือใด ๆ เพิ่มเติม ท่านสามารถบอกข้าได้ทันที”
นางไม่กล้าดูหมิ่นคนที่มีความสัมพันธ์กับเจ้านายของนาง แม้ว่าชายหนุ่มตรงหน้านางจะมีระดับการบ่มเพาะที่ต่ำก็ตาม
เนื่องจากนางได้ติดตามเจ้านายของนางมานาน และได้เห็นหลายสิ่งหลายอย่างมามากมาย นางจึงรู้ว่าในบางครั้งนางไม่สามารถตัดสินคนบางคนได้จากระดับการบ่มเพาะของพวกเขา
หลิงตู้ฉิงมองไปที่ซือเสี่ยวฮุย และพูดว่า “ข้าตั้งใจว่าก่อนที่จะเริ่มแผนการข้าถึงจะค่อยไปพบกับเขา ส่วนสำหรับความช่วยเหลือที่ข้าต้องการ มันคงจะดีมากหากคนทั้ง 3,000 คนของหุบเขาบุปผาอนันต์สามารถที่จะบรรลุวิชาบุปผาสยบมารได้ถึงขั้น 2 เป็นอย่างต่ำ หรือไม่ถ้าเอาให้ดีที่สุดก็ต้องเป็นขั้น 3 ไปเลยเพื่อความแน่นอนในแผนการ ตอนนี้ก็เหลือเวลาอีก 2 ปีจะถึงกำหนดเวลา ซึ่งข้าเองคิดว่ามันก็น่าจะยังทันเวลาอยู่”
ซือเสี่ยวฮุยพยักหน้า “ถ้าเช่นนั้นเราก็ควรจะให้พวกเขาบรรลุถึงขั้น 3 ถึงจะดีที่สุด ท่านหลิงไม่ต้องเป็นห่วง ต่อจากนี้ข้าจะเป็นคนเคี่ยวเข็ญพวกเขาเอง ข้ามั่นใจว่าภายใต้การดูแลของข้าพวกเขาจะต้องบรรลุไปถึงขั้น 3 ได้อย่างแน่นอน แต่ถ้าหากเมื่อครบกำหนดเวลาเมื่อไหร่แล้วยังมีคนไหนในพวกเขาที่ยังไปไม่ถึงขั้น 3 และไม่สามารถทำงานให้ท่านหลิงและนายท่านได้ พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องมีชีวิตอยู่”
เหวินลู่หยานที่ยืนอยู่นอกประตู ถึงกับตัวสั่นทันทีเมื่อได้ยินประโยคนี้ของซือเสี่ยวฮุย
นี่คือคนที่เพิ่งล้างบางสำนักกระบี่วารีมา เหวินลู่หยานไม่กล้าที่จะสงสัยในคำพูดของซือเสี่ยวฮุยแม้แต่น้อย นางมั่นใจว่าหญิงชราผู้นี้จะทำตามคำที่พูดโดยไม่ลังเลอย่างแน่นอน หลังจากนี้มันดูเหมือนว่านางจะต้องรีบไปกระตุ้นให้ทุกคนฝึกฝนจนถึงขั้น 3 ให้ได้ มิฉะนั้นพวกนางอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองตายได้อย่างไร
ยังไงซะ นางค่อนข้างสงสัยว่า ‘นายท่าน’ คือใคร ทั้งสองคนในห้องไม่สนใจว่าเหวินลู่หยานกำลังฟังอยู่ข้างนอก บางทีพวกเขาอาจจะจงใจให้นางฟังอย่างตั้งใจ
“ถ้าอย่างนั้นก็เอาตามที่เจ้าว่าจงทำให้พวกนางฝึกถึงขั้น 3 ให้ได้” หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “นอกเหนือจากนี้ข้ายังไม่มีอะไรให้เจ้าต้องช่วยเหลือ อ๋อ! ยังมีอีกอย่างจิตสังหารของเจ้านี่มันรุนแรงเกินไปจริง ๆ คราวหลังเจ้าจงอยู่ให้ห่าง ๆ ข้าไว้หน่อยก็ดีหรือถ้าจะให้ข้าแนะนำ หากในอนาคตเจ้าไม่ระงับจิตสังหารของเจ้าเอาไว้ เจ้าจะต้องเผชิญกับปัญหาใหญ่แน่นอน”
ซือเสี่ยวฮุยเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่นางจะพยักหน้า “ขอบคุณสำหรับคำเตือนของท่านหลิง ข้าจะระวังตัว”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “เฮ้อ…เจ้าเองก็เป็นคนน่าเวทนาอีกคนหนึ่งงั้นสินะ ช่างมันก็แล้วกัน มา! เดี๋ยวข้าจะช่วยเจ้าเอง! ข้าจะถ่ายทอด ‘วิชาวัชระสงบจิต’ ให้เจ้า วิชานี้มันสามารถชำระจิตสังหารในร่างกายของเจ้าและทำให้เจ้าสงบลงได้ไม่ว่าจะเป็นทั่งในยามรุ่งหรือยามค่ำ”
หลังจากพูดจบ หลิงตู้ฉิงจึงหยิบคัมภีร์เปล่าขึ้นมาหนึ่งเล่มและเริ่มเขียนเคล็ด ‘วิชาวัชระสงบจิต’ ลงไปและให้โม่เอ๋อส่งต่อให้ซือเสี่ยวฮุย
“ขอบคุณท่านหลิง!” ซือเสี่ยวฮุยมองไปที่ ‘วิชาวัชระสงบจิต’ ด้วยอาการตัวสั่นพลางมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยความเคารพ
“เอาล่ะ หากไม่มีอะไรก็ไปได้แล้ว!” หลิงตู้ฉิงโบกมือของเขา
“ผู้น้อยรับทราบ!” ซือเสี่ยวฮุยหันหลังกลับและเดินออกจากห้องของหลิงตู้ฉิง จากนั้นเมื่อนางเห็นเหวินลู่หยานอยู่หน้าประตู นางจึงพูดสั่งขึ้นทันที “หาห้องเงียบ ๆ ให้ข้า ข้าต้องการเก็บตัวฝึกวิชา นอกจากนี้เจ้าเองก็น่าจะได้ยินสิ่งที่ข้าพูดกับท่านหลิงแล้ว การได้มีส่วนช่วยเหล่านายท่านถือเป็นเกียรติสำหรับเจ้า ข้าหวังว่าเจ้าคงจะฉลาดพอที่จะรู้ว่าอะไรที่ดีต่อตัวเจ้าเองที่สุดในเวลานี้”
เหวินลู่หยานรีบพูดว่า “ไม่ต้องห่วง ข้าจะไม่ทำให้ท่านผู้อาวุโสและบรรดาเจ้านายผิดหวังอย่างแน่นอน ส่วนเรื่องห้องข้าขอเชิญผู้อาวุโสใช้ห้องของข้าในการบ่มเพาะก่อนจะดีกว่า เนื่องจากมันเป็นห้องที่เงียบสงบมากที่สุดในสำนัก เดี๋ยวข้าจะนำทางท่านไปเอง ส่วนเรื่องการฝึกวิชาบุปผาสยบมารหลังจากข้าไปส่งผู้อาวุโสที่ห้องเสร็จ ข้าจะรีบไปเร่งให้ทุกคนฝึกต่อทันที”
เมื่อพูดจบ เหวินลู่หยานจึงพาซือเสี่ยวฮุยไปที่ห้องของนางและดูแลความเรียบร้อยทุกอย่างภายในห้อง
“หากไม่มีอะไรจำเป็นห้ามรบกวนข้าเด็ดขาด ค่อยมาเรียกข้าก็ต่อเมื่อมีใครที่แข็งแกร่งกว่าเจ้ามารุกรานที่นี่ก็พอ!” ซือเสี่ยวฮุยพูดขึ้นพลางพลิกคัมภีร์ที่หลิงตู้ฉิงมอบให้ และเริ่มอ่านเนื้อหาด้านใน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)