ปรากฏการณ์บนท้องฟ้าที่แปลกประหลาดเหนือเมืองหยูหลัน ทำให้หลายคนตกตะลึงอย่างมากเนื่องจากพวกเขาไม่รู้ว่าเหตุใดจึงเกิดภาพเช่นนี้ขึ้นได้
มี่ไล หลิวเฟ่ยเฟ่ยและคนอื่น ๆ ต่างก็ตกใจอย่างมาก พวกเขาไม่เคยเห็นทักษะที่สามารถทำให้ ‘กลางวันกลับกลายเป็นกลางคืนและกลางคืนกลับกลายเป็นกลางวัน’ ได้เช่นนี้ มันจึงทำให้พวกเขาประหลาดใจมาก
“พี่หญิง ท่านรู้ไหมว่าทำไมเรื่องแบบนี้ถึงเกิดขึ้น?” หลิวเฟ่ยเฟ่ยถามเย่ชิงเฉิง
เมื่อได้ยินคำถามของหลิวเฟ่ยเฟ่ย มี่ไล หลิงเทียนหยุนและคนอื่น ๆ ต่างก็มองไปที่เย่ชิงเฉิง
เนื่องจากพวกเขาทราบเป็นอย่างดีว่าเย่ชิงเฉิงมาจากสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์และไม่เพียงแต่นางจะมีความรู้เกี่ยวกับข้อมูลต่าง ๆ มากกว่าพวกเขา พ่อแม่ของนางก็ยังเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสูง หากจะมีใครที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เย่ชิงเฉิงจะต้องเป็นหนึ่งในนั้นแน่นอน
เย่ชิงเฉิงยิ้ม “นี่เป็นการต่อสู้ของเจตจำนงของพลังสองสายที่แข็งแกร่ง ดวงดาวประเภทนี้ก่อตัวขึ้นเนื่องจากเจตจำนงของทั้งสองฝ่ายนั้นขัดแย้งกัน!”
“ข้าไม่เข้าใจ!” มี่ไลส่ายหัว
เยว่ชิงเฉิงหัวเราะ “สามีคงไม่มีเวลาอธิบายเรื่องเหล่านี้กับเจ้า ให้ข้าบอกกับพวกเจ้าแทนก็แล้วกัน ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ฝึกฝนในการใช้พลังอำนาจแห่งกฎ และใช้พลังแห่งกฎของสวรรค์และโลกหลอมรวมเข้ากับทักษะอาณาเขตสวรรค์ของตัวเองเพื่อสำแดงอำนาจของมัน”
“ส่วนผู้เชี่ยวชาญที่อยู่เหนือกว่าขอบเขตสวรรค์นั้นน่ากลัวยิ่งกว่า ถึงแม้ว่าจะไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับมันมากนัก แต่พ่อแม่ของข้าเคยเล่าให้ฟังว่ามันเกี่ยวกับอำนาจแห่งเจตจำนง”
“ตามที่พ่อแม่ของข้าพูดให้ฟัง เมื่อเหล่าผู้เชี่ยวชาญที่ทะลวงขอบเขตไปเหนือกว่าขอบเขตสวรรค์ขึ้นไป พวกเขาจะต้องบรรลุความเข้าใจหนึ่งในกฎของสวรรค์และโลกได้อย่างถ่องแท้ จากนั้นพวกเขาจะสามารถใช้เจตจำนงของพวกเขาสั่นคลอนกฎที่พวกเขาบรรลุมาและทำให้กฎนั้นทำทุกอย่างตามความประสงค์ของพวกเขา”
“ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ก็คือ ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตครึ่งจักรพรรดิสองคนได้ใช้เจตจำนงในการสั่นคลอนกฎของสวรรค์โลกที่พวกเขาเข้าใจ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นประโยชน์กับพวกเขามากที่สุด”
“หลังจากที่พวกเขาสั่นคลอนกฎของสวรรค์และโลกด้วยเจตจำนงของพวกเขา กฎของสวรรค์และโลกก็ตอบสนองและก่อตัวขึ้นเป็นภาพของสถานการณ์ปัจจุบัน ส่วนการที่จะทำให้เจตจำนงของอีกฝั่งอ่อนแอลงหรือถูกลบล้างไปนั้นทำอย่างไร ในข้อนี้ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน แต่บางทีสามีอาจจะรู้!”
มี่ไล หลิวเฟ่ยเฟ่ยและแม้แต่โม่เอ๋อก็เริ่มเข้าใจสถานการณ์คร่าว ๆ เมื่อพวกเขาได้ฟังคำอธิบายของเย่ชิงเฉิง
เมื่อตอนนี้พวกเขาได้รับคำตอบจากคำถามของพวกเขาแล้ว พวกเขาจึงเฝ้าดูสถานการณ์ต่ออย่างใจเย็น
หลิงตู้ฉิงเงยหน้าขึ้นและมองไปที่เจตจำนงการต่อสู้ทั้งสองในอากาศ เขาหันกลับและเดินเข้าไปในเรือน และพูดกับสีเป่ยเซียะ “เจ้าแน่ใจหรือว่าต้องการช่วย?”
สีเป่ยเซียะยิ้มและพูดว่า “ข้าจะช่วย แต่ถ้าท่านได้รับผลประโยชน์ใด ๆ มา ท่านต้องแบ่งมันให้ข้าบ้าง”
แม้ว่านางจะเคยพูดไปแล้ว แต่นางก็ต้องเน้นย้ำอีกครั้ง
ถึงแม้ว่านางจะไม่รู้ว่าการช่วยหลิงตู้ฉิงและลั่วหยุนรอบนี้จะได้ประโยชน์มากแค่ไหน แต่นางจะพูดข้อแม้ของนางให้ชัดเจนเพื่อที่นางจะได้ไม่เสียเปรียบหลังจากจบเรื่องนี้
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “ไม่มีปัญหา ภารกิจที่ข้ามอบหมายให้เจ้าคือการแยกร่างที่ผนึกวิญญาณปีศาจออกมาจากวิญญาณของมัน ร่างนั้นเป็นร่างของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตครึ่งจักรพรรดิ ดังนั้นคนธรรมดาย่อมไม่สามารถแยกมันออกจากกันได้แน่นอน แต่ในฐานะที่เจ้าเป็นคนของสำนักเบญจธาตุ ข้าเชื่อว่าเจ้าสามารถแยกมันได้อย่างแน่นอน”
สีหน้าของสีเป่ยเซียะกลายเป็นจริงจังและพูดว่า “มันคือ วิญญาณปีศาจ! หากแยกวิญญาณของมันออกจากร่างที่ผนึกมัน ความแข็งแกร่งของมันก็จะถูกปลดผนึกอย่างสมบูรณ์ และพลังของมันจะอยู่ในขอบเขตจักรพรรดิที่แท้จริง จากนั้นมันจะไม่ใช่แค่สามารถใช้พลังแห่งเจตจำนงได้เพียงอย่างเดียว มันจะกลายเป็นตัวตนที่น่ากลัวอย่างไม่มีใครเทียบได้”
“ข้าต้องการให้เจ้าปลดปล่อยมัน เจ้าแค่ทำตามคำสั่งของข้า” หลิงตู้ฉิงพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
เมื่อเห็นการแสดงออกที่แน่วแน่ของหลิงตู้ฉิง สีเป่ยเซียะค่อย ๆ พยักหน้าและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นข้าจะลองดูหากข้ามีโอกาส!”
หลิงตู้ฉิงหันกลับมาและพูดกับคนอื่น ๆ “จงตัดสินใจเอาเองก็แล้วกัน”
หลังจากนั้นหลิงตู้ฉิงก็หันกลับและเดินเข้าไปด้านในมิติของมหาค่ายกลที่ลั่วหยุนนำมาด้วยและพูดกับเหวินลู่หยาน “พวกเจ้าทุกคนเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อรอวิญญาณปีศาจปรากฏขึ้น สิ่งที่พวกเจ้าต้องทำคือโคจรวิชาบุปผาสยบมารของพวกเจ้าเพียงอย่างเดียวโดยไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องอื่น”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)