ขณะนี้บนท้องฟ้าเหนือสระหยูหลัน มวลพลังวิญญาณที่ควบแน่นกันเป็นทรงกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 30 เมตร กำลังลอยนิ่งล่อสายตาทุกคู่ที่หื่นกระหาย
แน่นอนว่ามันคือพลังวิญญาณบริสุทธิ์ที่หลงเหลือไว้ หลังจากที่วิญญาณปีศาจถูกชำระล้าง
“พลังวิญญาณบริสุทธิ์จำนวนมหาศาล!” หานซ่งหยวนอดไม่ได้ที่จะอุทาน “ขอเพียงแค่ข้าได้ดูดซับมันสักครึ่งหนึ่ง ดวงจิตของข้าคงจะแข็งแกร่งกว่าเดิมเป็นร้อยเท่า”
หยูจิ้งเฉิงมองไปที่มวลพลังวิญญาณและพึมพำขึ้นโดยไม่รู้ตัวเช่นกัน “ถ้าข้าได้ดูดซับมัน ข้าจะต้องกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญอักขระเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกแน่นอน…”
กู่ตงฉิงซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ พวกเขาก็มองไปที่มวลพลังวิญญาณขนาดยักษ์ด้วยแววตาลุกวาว เขาถอนหายใจและคิดกับตัวเอง ‘ถ้าข้าได้ดูดซับพวกมันทั้งหมด ข้ามั่นใจว่าข้าจะบรรลุไปถึงระดับนภาครามทันทีแน่นอน หรือไม่แน่ข้าอาจจะทะลวงไปถึงระดับสวรรค์เลิศล้ำได้เลยด้วยซ้ำ’
เมื่อพร่ำเพ้อในใจเสร็จ สายตาของเขาก็หันไปทางหลิงตู้ฉิงและเขาก็นิ่งเงียบ
เนื่องจากเขารู้ดีอยู่แก่ใจว่าพลังวิญญาณบริสุทธิ์นี้ถูกจับจองไว้โดย หลิงตู้ฉิง เรียบร้อยแล้ว
เมื่อเขามองไปที่หลิงตู้ฉิง เขาก็นึกถึงค่ายกลกระบี่เหินเมฆา และสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นหม่นหมองลงและไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว
ในขณะเดียวกัน สีเป่ยเซียะก็มองไปที่มวลพลังวิญญาณบริสุทธิ์ด้วยรอยยิ้มที่สนุกสนาน
นางนึกถึงคำสัญญาที่หลิงตู้ฉิงได้พูดไว้ก่อนหน้านี้ ตราบใดที่นางช่วยเขา นางก็จะได้รับการตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อ และเมื่อนางดูจากรูปการณ์ในตอนนี้แล้ว ผลตอบแทนที่นางจะได้รับมันจะต้องเป็นมวลพลังวิญญาณบริสุทธิ์นี้แน่นอน
ต้องไม่ลืมว่าผลงานของนางคือนางเป็นผู้ที่ปลดปล่อยร่างที่แท้จริงของวิญญาณปีศาจออกมา ฉะนั้นนางก็ควรจะได้รับส่วนแบ่งมากกว่าคนอื่นจริงไหม?
ไม่เพียงแต่สีเป่ยเซียะที่กำลังตื่นเต้นกับส่วนแบ่ง แต่ทุกคนที่ร่วมต่อสู้ต่างก็แสดงท่าทางดีอกดีใจเช่นกัน
“พวกเรารวย พวกเรารวยแล้ว!!” เย่ชิงเฉิงพูดกับมี่ไล และคนอื่น ๆ ด้วยเสียงหัวเราะ “ด้วยพลังวิญญาณบริสุทธิ์จำนวนมากขนาดนี้ที่สามีพึ่งชำระล้างมันมาจากวิญญาณปีศาจ เมื่อพวกเราทุกคนใช้มัน พวกเราจะได้รับประโยชน์เป็นอย่างมาก”
หลิงเทียนหยุนถามอย่างสงสัย “ท่านน้าเย่ ประโยชน์อะไรงั้นเหรอที่ท่านบอกว่ามากมาย?”
เย่ชิงเฉิงหัวเราะ “ประโยชน์ของมันก็คือด้วยพลังวิญญาณที่บริสุทธิ์เช่นนี้ หากพวกเราดูดซับมัน มันจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับดวงจิตของพวกเราได้! ตอนนี้เจ้าอาจจะยังไม่เข้าใจเนื่องจากว่าเจ้ายังคงอยู่ในขอบเขตประสานทะเลปราณ แต่เมื่อไหร่ที่เจ้าทะลวงขอบเขตไปถึงขอบเขตรวมแสงดารา วิญญาณที่แท้จริงของเจ้าก็จะปรากฏขึ้น ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นเจ้าจะรู้ซึ้งถึงความสำคัญของความแข็งแกร่งทางจิตวิญญาณ ถ้าจิตวิญญาณของเจ้าแข็งแกร่งพอ เมื่อเจ้าฝึกฝนอยู่ในขอบเขตนภา เจ้าจะสามารถเข้าใจกฎของสวรรค์และโลกได้อย่างรวดเร็วและใช้มันได้ดีขึ้นไปอีก ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ เจ้าว่าแบบนั้นไหม?”
ดวงตาของมี่ไลและหลิงเทียนหยุนสว่างขึ้นเมื่อพวกเขาได้ยินเช่นนั้น ตอนนี้พวกเขาทุกคนกำลังฝึกฝนวิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่ง พวกเขาทั้งหมดรู้สึกว่ามันยากมากที่จะเข้าใจมัน ซึ่งถ้าจิตวิญญาณของพวกเขาแข็งแกร่งขึ้น การเข้าใจมันก็จะต้องง่ายขึ้นกว่าเดิมแน่นอน
และที่สำคัญด้วยเวลาที่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับจะเปิดนั้นใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ และมันยากขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับพวกเขาที่จะเข้าใจวิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่ง ซึ่งถ้าหากพวกเขามีจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งมากขึ้น มันจะช่วยพวกเขาได้มากขึ้นไม่ใช่หรือ? เมื่อคิดได้เช่นนี้พวกเขาทุกคนต่างเผยรอยยิ้มที่มีความสุขบนใบหน้า
ในอีกด้านหนึ่ง เหล่าผู้คนของตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังมองไปที่มวลพลังวิญญาณในอากาศ ใครบางคนในพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า “ผู้อาวุโส พวกเราเองก็ลงทุนไปมากเพื่อกำจัดวิญญาณปีศาจ ดังนั้นอย่างน้อย ๆ พวกเขาก็ควรจะแบ่งมันให้กับพวกเราบ้างใช่ไหม?”
พวกเขาเสียโองการจักรพรรดิไปถึง 2 ชิ้น ซึ่งมูลค่าของมันไม่ใช่เล็กน้อย ดังนั้นมันก็ต้องเป็นเรื่องปกติที่หลิงตู้ฉิงจะต้องให้ส่วนแบ่งในมวลพลังวิญญาณบริสุทธิ์ให้แก่พวกเขาบ้าง
หนานกงซ่งหยวนมองไปที่มวลพลังวิญญาณบริสุทธิ์ที่ลอยอยู่ในอากาศด้วยสายตาลังเล จากนั้นเขามองไปที่หลิงตู้ฉิงและลั่วหยุน ในท้ายที่สุดเขาก็พยักหน้าและพูดว่า “เราคงต้องไปคุยกับพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ชัดเจน”
เขารู้สึกว่าหากลองเจรจาดูสักหน่อย เขาก็น่าจะได้รับส่วนแบ่งของมวลพลังวิญญาณบริสุทธิ์มาได้ไม่มากก็น้อย
“รีบ ๆ เก็บมันไปสักที!” ลั่วหยุนมองดูมวลพลังวิญญาณบริสุทธิ์ด้วยสีหน้าผิดหวังเป็นเวลานานก่อนที่จะพูดกับหลิงตู้ฉิงในที่สุด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)